xs
xsm
sm
md
lg

ตาพังเพราะมือถือ! เผยความลับ 2 วิตามินกู้คืนสายตาให้คมชัด สู้แสงสีฟ้าได้ทั้งวัน!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ในโลกยุคดิจิทัลที่ชีวิตของเราผูกติดอยู่กับหน้าจอ ตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงเข้านอน ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ เราต่างใช้เวลาหลายชั่วโมงต่อวันไปกับการจ้องมองแสงจากอุปกรณ์เหล่านี้โดยไม่รู้ตัว แต่ท่ามกลางความสะดวกสบายนี้ ดวงตาของเรากำลังเผชิญกับภัยเงียบที่มองไม่เห็น นั่นคือ “แสงสีฟ้า” (Blue Light) ซึ่งเป็นแสงพลังงานสูงที่สามารถทะลุทะลวงเข้าไปทำลายเซลล์จอประสาทตาได้ และเป็นสาเหตุสำคัญของอาการตาล้า ตาแห้ง และความเสื่อมของดวงตาในระยะยาว

แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะธรรมชาติได้มอบ “เกราะป้องกัน” ที่ทรงพลังมาให้เราแล้วในรูปแบบของสารอาหาร 2 ชนิดนี้ คือ ลูทีน และ แอสตาแซนธินซึ่งจำเป็นอย่างมากในยุคที่แสงสีฟ้ากำลังคุกคามดวงตาของเรา


1. ลูทีน (Lutein): เกราะป้องกันด่านแรกของดวงตา

ลูทีนเป็นสารในกลุ่มแคโรทีนอยด์ที่ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ แต่เป็นสารอาหารที่สำคัญอย่างยิ่งต่อดวงตาของเรา เนื่องจากมันเป็นสารหลักที่พบในบริเวณ “มาคูลา” (Macula) หรือจุดรับภาพที่อยู่ตรงกลางจอประสาทตา ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในการมองเห็นภาพที่คมชัดและสีสันต่าง ๆ

บทบาทของลูทีนในการปกป้องดวงตา

ทำหน้าที่เป็นแว่นกันแดดตามธรรมชาติ: หน้าที่หลักของลูทีนคือการกรองแสงสีฟ้าและแสงยูวีก่อนที่แสงเหล่านี้จะเดินทางไปถึงเซลล์รับแสงที่ละเอียดอ่อนในจอประสาทตา การมีลูทีนในปริมาณที่เพียงพอจึงเหมือนมีแผ่นกรองแสงคุณภาพสูงคอยปกป้องดวงตาอยู่ตลอดเวลา

ต่อสู้กับอนุมูลอิสระ: การจ้องมองแสงเป็นเวลานานจะทำให้เกิดอนุมูลอิสระซึ่งเป็นสาเหตุของการเสื่อมสภาพของเซลล์ ลูทีนมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดความเสียหายจากอนุมูลอิสระเหล่านี้ และลดความเสี่ยงของการเกิด โรคจอประสาทตาเสื่อมในผู้สูงอายุซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการตาบอดในผู้สูงอายุ


2. แอสตาแซนธิน (Astaxanthin): ยอดนักรบต้านอนุมูลอิสระผู้ทรงพลัง

หากลูทีนคือเกราะป้องกัน แอสตาแซนธินก็เปรียบเสมือน “สุดยอดนักรบ” ที่ออกไปปราบปรามภัยคุกคามถึงต้นตอ แอสตาแซนธินเป็นแคโรทีนอยด์อีกชนิดหนึ่งที่พบมากในสาหร่ายสีแดงและสัตว์ทะเลเปลือกแข็ง เช่น แซลมอน กุ้ง และกุ้งเคย แต่สิ่งที่ทำให้แอสตาแซนธินโดดเด่นกว่าสารอาหารอื่น ๆ คือ

พลังต้านอนุมูลอิสระที่เหนือกว่า: จากการศึกษาวิจัยพบว่า แอสตาแซนธินมีพลังในการต่อต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าลูทีนถึง 5 เท่า และสูงกว่าวิตามิน E ถึง 550 เท่า ทำให้มันเป็นหนึ่งในสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลังที่สุดในโลก

สามารถทะลวงเข้าไปได้ทุกจุด: ความพิเศษของแอสตาแซนธินคือสามารถเดินทางผ่าน “กำแพงกั้นระหว่างเลือดและจอประสาทตา” (Blood-Retinal Barrier) ซึ่งเป็นอุปสรรคสำหรับสารอาหารหลายชนิด ทำให้แอสตาแซนธินสามารถเข้าไปปกป้องเซลล์ได้อย่างล้ำลึกถึงจอประสาทตา เลนส์ตา และกล้ามเนื้อตา

บทบาทของแอสตาแซนธินในการฟื้นฟูสายตา

ลดอาการตาล้าและปวดตา: การจ้องหน้าจอเป็นเวลานานทำให้กล้ามเนื้อตา ทำงานหนัก แอสตาแซนธินช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิตไปยังกล้ามเนื้อตา ลดการอักเสบ และช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ทำให้ลดอาการตาล้า ตาแห้ง และปวดตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เพิ่มประสิทธิภาพการมองเห็น: งานวิจัยหลายชิ้นระบุว่า การบริโภคแอสตาแซนธินช่วยเพิ่มความสามารถในการมองเห็นภาพที่คมชัดและรายละเอียดเล็ก ๆ รวมถึงช่วยให้ดวงตาปรับโฟกัสได้ดีขึ้นหลังจากการจ้องมองในระยะใกล้เป็นเวลานาน

ป้องกันการทำลายเซลล์: ด้วยพลังต้านอนุมูลอิสระที่สูง แอสตาแซนธินจึงสามารถปกป้องเซลล์จอประสาทตาจากความเสียหายที่เกิดจากแสงและอนุมูลอิสระได้อย่างครอบคลุม


3. ลูทีน + แอสตาแซนธิน: คู่หูผู้พิทักษ์ดวงตาที่สมบูรณ์แบบ

แม้ว่าทั้งลูทีนและแอสตาแซนธินจะมีประโยชน์ต่อดวงตาอย่างมาก แต่พวกมันทำงานร่วมกันได้ดีกว่าแยกกัน ลูทีนทำหน้าที่เป็น “ตัวกรอง” ที่ช่วยปกป้องดวงตาจากแสงสีฟ้าโดยตรง ในขณะที่แอสตาแซนธินทำหน้าที่เป็น “สารต้านอนุมูลอิสระ” ที่ทรงพลังที่สุดที่ช่วยฟื้นฟูและปกป้องเซลล์ทุกส่วนของดวงตาที่อาจได้รับความเสียหายไปแล้ว

การผสมผสานสารอาหารทั้งสองชนิดนี้จึงเป็นกลยุทธ์ที่ครบถ้วนและทรงประสิทธิภาพที่สุดในการดูแลดวงตาในยุคดิจิทัล เพราะมันไม่เพียงแค่ป้องกัน แต่ยังช่วยฟื้นฟู และลดความเสี่ยงของโรคเกี่ยวกับสายตาในอนาคตอีกด้วย


4. หาได้จากที่ไหน?

ลูทีน: พบมากในผักใบเขียวเข้ม เช่น คะน้า ปวยเล้ง ผักโขม รวมถึงบรอกโคลี และไข่แดง

แอสตาแซนธิน: แหล่งธรรมชาติที่ดีที่สุดคือสาหร่ายสีแดง และพบในแซลมอน กุ้ง ล็อบสเตอร์ และปู

หากการบริโภคอาหารเหล่านี้ในปริมาณที่เพียงพอเป็นเรื่องยาก การเลือกผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีทั้งลูทีนและแอสตาแซนธินคุณภาพสูงก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าดวงตาของคุณจะได้รับการดูแลอย่างเต็มที่ในทุก ๆ วัน

เพราะดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ และในยุคที่ทุกอย่างเชื่อมต่อกันผ่านหน้าจอ การดูแลสายตาให้ดีจึงไม่ใช่แค่เรื่องของสุขภาพ แต่เป็นเรื่องของการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและมีคุณภาพในระยะยาว


กำลังโหลดความคิดเห็น