อาการแสบร้อนกลางอก และการเรอเปรี้ยว อาจดูเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันของหลายคน โดยเฉพาะหลังมื้ออาหารหนัก ๆ หรือหลังจากกินอาหารรสจัด แต่หากอาการเหล่านี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งและต่อเนื่อง อาจเป็นสัญญาณเตือนของภาวะที่เรียกว่า “โรคกรดไหลย้อน” หรือ GERD (Gastroesophageal Reflux Disease) ซึ่งหากละเลยและปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง รวมถึงความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งหลอดอาหารได้
ทำความเข้าใจกับกลไกของกรดไหลย้อนเรื้อรัง
โรคกรดไหลย้อนเกิดขึ้นเมื่อหูรูดหลอดอาหารส่วนล่างซึ่งทำหน้าที่เป็นวาล์วกั้นระหว่างหลอดอาหารและกระเพาะอาหารทำงานผิดปกติ ทำให้กรดและของเหลวจากกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับขึ้นมาในหลอดอาหารได้ เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง เนื้อเยื่อบุด้านในของหลอดอาหารจะถูกทำลายจากการสัมผัสกับกรดกระเพาะอาหารซ้ำ ๆ นำไปสู่การอักเสบและภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ตามมา
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นหากปล่อยกรดไหลย้อนเรื้อรัง
การที่หลอดอาหารได้รับความเสียหายจากกรดเป็นเวลานาน สามารถนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่คุกคามสุขภาพได้ ดังนี้
1. หลอดอาหารอักเสบและเป็นแผล: การอักเสบเรื้อรังจากกรดที่ไหลย้อนขึ้นมา ทำให้เกิดแผลในเยื่อบุหลอดอาหาร ซึ่งอาจนำไปสู่การมีเลือดออก อาการปวด และกลืนลำบากได้
2. หลอดอาหารตีบตัน: เมื่อเกิดการอักเสบและแผลในหลอดอาหารซ้ำ ๆ ร่างกายจะพยายามซ่อมแซมด้วยการสร้างเนื้อเยื่อแผลเป็น ซึ่งการสะสมของเนื้อเยื่อเหล่านี้จะทำให้หลอดอาหารแคบลง ส่งผลให้กลืนอาหารลำบากและอาจถึงขั้นทำให้น้ำหนักลดได้
3. ภาวะหลอดอาหารบาร์เรตต์ (Barrett's Esophagus): นี่คือภาวะที่น่ากังวลที่สุดและถือเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อการเกิดมะเร็งหลอดอาหาร ภาวะนี้เกิดขึ้นเมื่อเซลล์บุผิวปกติของหลอดอาหารที่ถูกทำลายด้วยกรดเป็นเวลานาน เปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์ชนิดอื่นที่มีลักษณะคล้ายเซลล์บุผิวลำไส้ เพื่อปรับตัวให้ทนทานต่อกรดได้มากขึ้น
ความเชื่อมโยงระหว่างกรดไหลย้อน, หลอดอาหารบาร์เรตต์ และมะเร็งหลอดอาหาร
ภาวะหลอดอาหารบาร์เรตต์ไม่ได้ก่อให้เกิดอาการใด ๆ ด้วยตัวมันเอง แต่มีความสำคัญอย่างยิ่งเนื่องจากเป็นภาวะก่อนการเป็นมะเร็ง (precancerous condition) ซึ่งอาจพัฒนาไปเป็น มะเร็งหลอดอาหารชนิดอะดีโนคาร์ซิโนมา (Esophageal Adenocarcinoma) ได้ แม้ว่าความเสี่ยงนี้จะไม่ได้เกิดขึ้นกับผู้ป่วยกรดไหลย้อนทุกคน แต่ผู้ที่มีภาวะหลอดอาหารบาร์เรตต์จะมีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งหลอดอาหารสูงกว่าคนทั่วไปถึง 30-125 เท่า
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้คือ มะเร็งหลอดอาหารเป็นมะเร็งที่พบได้ค่อนข้างน้อย และผู้ป่วยกรดไหลย้อนส่วนใหญ่จะไม่พัฒนาไปเป็นมะเร็ง แต่สำหรับผู้ที่มีอาการกรดไหลย้อนเรื้อรัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น มีอาการมานานกว่า 5 ปี, อ้วน, หรือมีประวัติสูบบุหรี่ ควรเข้ารับการตรวจคัดกรองจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างสม่ำเสมอเพื่อเฝ้าระวังและป้องกันไม่ให้ภาวะนี้ลุกลามไปในทางที่อันตราย
สัญญาณเตือนที่ต้องรีบพบแพทย์
นอกจากอาการกรดไหลย้อนทั่วไปแล้ว หากคุณมีอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที
1. มีอาการกลืนลำบากหรือรู้สึกว่ามีก้อนอาหารติดอยู่ในลำคอ
2. น้ำหนักลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ
3. อาเจียนเป็นเลือดหรือถ่ายอุจจาระเป็นสีดำเหมือนยางมะตอย
4. อาการเจ็บหน้าอกรุนแรงซึ่งอาจเป็นสัญญาณของภาวะที่ร้ายแรงกว่ากรดไหลย้อน
โรคกรดไหลย้อนที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราวอาจไม่ใช่เรื่องน่ากังวล แต่หากมีอาการเรื้อรังและไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงและเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งหลอดอาหารได้ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การควบคุมน้ำหนัก การหลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่กระตุ้นอาการ การไม่นอนทันทีหลังอาหาร และการพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันและดูแลสุขภาพของหลอดอาหารในระยะยาว