xs
xsm
sm
md
lg

สุขภาพจิตต้องไม่พัง! เคล็ดลับจัดการความเครียดจากข่าวสงคราม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ในโลกปัจจุบันที่ข้อมูลข่าวสารไหลเวียนอย่างรวดเร็วและไร้ขีดจำกัด การติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งหรือภัยสงครามต่าง ๆ กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของหลายคน อย่างไรก็ตาม การรับชมและอ่านข่าวที่ตึงเครียดมากเกินไปอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตอย่างรุนแรง และอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพกาย เช่น ความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

บทความนี้มุ่งนำเสนอแนวทางการดูแลสุขภาพจิตในช่วงเวลาวิกฤต พร้อมวิธีป้องกันตนเองจากการเสพข่าวจนเกิดความเครียดสะสม โดยอ้างอิงจากข้อมูลที่เชื่อถือได้จากองค์กรสุขภาพระดับโลกและผู้เชี่ยวชาญ

ผลกระทบของข่าวสงครามต่อสุขภาพจิต

ผลกระทบทางจิตใจจากสงครามและความขัดแย้งไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะผู้ที่อยู่ในพื้นที่โดยตรงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้ที่รับรู้เรื่องราวผ่านสื่อต่าง ๆ ด้วย การเผชิญกับภาพความรุนแรงและข่าวร้ายอย่างต่อเนื่องสามารถกระตุ้นให้เกิดความเครียด ความวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้าได้

ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตชี้ว่า การบริโภคข่าวสารเชิงลบอย่างต่อเนื่องมีผลเสียต่อความเป็นอยู่ที่ดีและสุขภาพจิตโดยรวม ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะวิตกกังวลและซึมเศร้า รวมถึงอาการทางจิตเวชอื่น ๆ เช่น โรคเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญ (PTSD แม้กระทั่งการสัมผัสกับเหตุการณ์เลวร้ายทางอ้อมผ่านสื่อก็สามารถส่งผลกระทบเทียบเท่ากับการเผชิญเหตุการณ์โดยตรงในบางกรณี

การดูแลสุขภาพจิตในภาวะวิกฤต

องค์กรอนามัยโลก (WHO) และองค์กรด้านสุขภาพจิตหลายแห่งได้ให้คำแนะนำที่สำคัญสำหรับการดูแลสุขภาพจิตในสถานการณ์ฉุกเฉินและภาวะสงคราม โดยเน้นที่การสร้างความยืดหยุ่นทางจิตใจและการเข้าถึงการสนับสนุนที่เหมาะสม:

ตระหนักรู้และยอมรับอารมณ์: เป็นเรื่องปกติที่จะรู้สึกกังวล โกรธ หรือเศร้า เมื่อเผชิญกับข่าวร้าย ดังนั้น ควรยอมรับความรู้สึกเหล่านี้และตระหนักว่าคุณไม่ได้อยู่คนเดียว

สร้างการเชื่อมโยงทางสังคม: การพูดคุยกับคนใกล้ชิด ครอบครัว หรือเพื่อนที่ไว้ใจสามารถช่วยบรรเทาความรู้สึกโดดเดี่ยวและวิตกกังวลได้ การมีส่วนร่วมกับชุมชนหรือกลุ่มสนับสนุนก็เป็นสิ่งสำคัญ

ใช้กลไกการรับมือส่วนบุคคล: ค้นหากิจกรรมที่ช่วยลดความเครียด เช่น การออกกำลังกาย การทำสมาธิ การฝึกหายใจลึก ๆ หรือการทำกิจกรรมที่สร้างความผ่อนคลาย

การดูแลตนเองขั้นพื้นฐาน: ให้ความสำคัญกับการนอนหลับให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และดื่มน้ำให้เพียงพอ กิจกรรมเหล่านี้ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางร่างกายและจิตใจ


การบริหารจัดการการบริโภคข่าวสารเพื่อลดความเครียด

การจัดการกับการบริโภคข่าวสารเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการป้องกันความเครียดสะสมและผลกระทบต่อความดันโลหิตสูง นี่คือแนวทางปฏิบัติที่แนะนำ:

กำหนดเวลาและจำกัดการเข้าถึงข่าวสาร:

หยุดพักจากข่าว:การหยุดพักจากการรับข่าวสารเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะช่วงเริ่มต้นและสิ้นสุดของวัน เนื่องจากเป็นช่วงที่จิตใจอ่อนไหวต่อข้อมูลมากที่สุด คุณอาจพิจารณาหยุดพักชั่วคราวเป็นชั่วโมง วัน หรือสัปดาห์หากจำเป็น

หลีกเลี่ยง “Doomscrolling”:การไถหน้าจอเพื่ออ่านข่าวเชิงลบมากเกินไปอย่างต่อเนื่องจะเพิ่มความกลัวและความวิตกกังวล ดังนั้น ควรกำหนดเวลาที่แน่นอนสำหรับการอ่านข่าวในแต่ละวันและจำกัดระยะเวลา เช่น วันละครั้งในช่วงเวลาสั้น ๆ

หลีกเลี่ยงการอ่านข่าวก่อนนอน:การรับข่าวสารที่รุนแรงก่อนนอนอาจรบกวนการนอนหลับและเพิ่มความวิตกกังวล

ปิดการแจ้งเตือน:ปิดการแจ้งเตือนข่าวสารบนสมาร์ทโฟนและโซเชียลมีเดีย เพื่อให้คุณสามารถเลือกเวลาที่จะรับข้อมูลได้ด้วยตนเอง

เลือกแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้:

เน้นแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ: เลือกติดตามข่าวสารจากสำนักข่าวหรือองค์กรที่มีชื่อเสียงและเชื่อถือได้ เพื่อหลีกเลี่ยงข้อมูลที่บิดเบือนหรือกระตุ้นความตื่นตระหนก

ระมัดระวังเนื้อหา:ตระหนักถึงเนื้อหาที่คุณบริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื้อหาที่มีความรุนแรง หากรู้สึกกังวล ควรหยุดพักและถอยห่างออกมา

ทำกิจกรรมผ่อนคลายหลังรับข่าว:หลังจากรับข่าวสารที่หนักหน่วง ร่างกายและจิตใจอาจรู้สึกตึงเครียดและกดดัน การหากิจกรรมใหม่ ๆ ทำเพื่อจัดการความเครียด เช่น การเดินระยะสั้น ๆ นอกบ้าน หรือการฝึกหายใจที่สงบจะช่วยได้

ใช้โซเชียลมีเดียอย่างมีสติ:

กำหนดขอบเขต: ตั้งค่าจำกัดเวลาการใช้งานอุปกรณ์ หรือใช้ปลั๊กอินเบราว์เซอร์เพื่อจำกัดเวลาบนเว็บไซต์ข่าวสารและโซเชียลมีเดีย

ระวังข้อมูลผิดพลาด: โซเชียลมีเดียอาจเป็นแหล่งรวมของข้อมูลที่ผิดหรือเนื้อหาที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ตรวจสอบความถูกต้องของข่าวสารจากเว็บไซต์ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่น่าเชื่อถือ

เปลี่ยนความรู้สึกไม่สบายใจเป็นการลงมือทำ: หากคุณรู้สึกไม่สบายใจหรือไร้พลังจากการรับข่าวสาร ลองเปลี่ยนความรู้สึกเหล่านั้นเป็นการกระทำที่มีความหมาย เช่น การเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคม การบริจาคให้กับองค์กรที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัย หรือการเป็นอาสาสมัคร การกระทำเหล่านี้สามารถช่วยลดความรู้สึกสิ้นหวังและเสริมสร้างสุขภาพจิตได้

สัญญาณเตือนที่ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ

แม้ว่าการดูแลตนเองและกลยุทธ์ข้างต้นจะช่วยได้มาก แต่หากคุณหรือคนรอบข้างมีอาการผิดปกติที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ความวิตกกังวลอย่างรุนแรง อาการแพนิค นอนไม่หลับต่อเนื่อง หรือความดันโลหิตพุ่งสูง ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตทันทีเพื่อขอความช่วยเหลือที่เหมาะสม

การดูแลสุขภาพจิตในภาวะสงครามและความขัดแย้งเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้สุขภาพกาย การตระหนักถึงผลกระทบของข่าวสาร การบริหารจัดการการรับสื่ออย่างมีสติ และการใช้กลไกการรับมือที่เหมาะสม จะช่วยให้เราสามารถผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้โดยมีสุขภาพจิตที่เข้มแข็ง

...........................
ข้อมูลอ้างอิง (References)
· Change Mental Health: News consumption and your mental health
· Mental Health America (MHA): Mental health during global conflict
· Mental Health Foundation (UK): Tips to look after your mental health during traumatic world events
Psychology Magazine: War Anxiety: When Geopolitical Tensions Take a Personal Toll
· University of Utah Health: The Mental Health Effects of War: Backed by Science
· WebMD: How to Handle War Anxiety
· World Health Organization (WHO): Mental health in emergencies


กำลังโหลดความคิดเห็น