ต้องยอมรับว่าปัจจุบันคนไทยเป็นโรค NCDs หรือ non-communicable diseases (กลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง) เช่น โรคเบาหวาน โรคความดัน โรคไตเรื้อรัง โรคมะเร็งต่าง ๆ ฯลฯ กันมากขึ้น ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่ามาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการกินอาหารรสจัด นอนดึก ไม่ออกกำลังกาย สูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ เป็นต้น และผู้ป่วยโรคเหล่านี้ก็ต้องได้รับการดูแลเรื่องอาหารการกินเป็นพิเศษ
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดการรวมทีมกันระหว่างผู้เชี่ยวชาญ ได้แก่ ผศ.พญ.ศานิต วิชานศวกุล (หมอนุ้ย) ที่ปรึกษาด้านโภชนาการ / อายุรแพทย์โภชนศาตร์คลินิก, ผศ. ดร. ฉัตรภา หัตถโกศล (อาจารย์นุ่น) นักกำหนดอาหาร /ที่ปรึกษาบริษัท, นพ. กฤตชัย โสภากร (หมอดอย) Co-Founder/ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกและข้อ และคุณ ชนินทร์ ชื่นอิ่ม (คุณน็อต) กรรมการบริษัท ได้เล็งเห็นความสำคัญของอาหารผู้ป่วย และมีความตั้งใจอยากดูแลเรื่องโภชนาการที่ถูกต้อง เพื่อทุกคนจะได้มีสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน จึงเกิดเป็นธุรกิจอาหารเดลิเวอรี่ชื่อว่า ‘Modish Food Design’ ทางเลือกสำหรับผู้ป่วยโรคอายุรกรรมเจ้าแรกในประเทศไทยขึ้นมา อีกทั้งยังต่อยอดมาทำอาหารสุขภาพแช่แข็งเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้ป่วยและกลุ่มคนรักสุขภาพได้มากขึ้นอีกด้วย
‘Modish Food Design’ เริ่มต้นจากแพสชั่น สู่ธุรกิจทางเลือกของผู้ป่วย
คุณหมอนุ้ยผู้ก่อตั้ง ‘Modish Food Design’ และที่ปรึกษาด้านโภชนาการ เริ่มต้นเล่าให้ฟังว่า จุดเริ่มต้นของ ‘Modish Food Design’ ร้านอาหารเดลิเวอรี่สำหรับผู้ป่วยเฉพาะทางเกิดขึ้นจากความตั้งใจ เกิดจากแพสชั่นที่อยากช่วยเหลือคนไข้หรือผู้ป่วยให้เขาได้กินอาหารที่เหมาะกับตนเอง เพราะด้วยความที่เป็นหมอ มีความรู้ด้านโภชนาการและมีประสบการณ์วินิจฉัยและดูแลคนไข้ มามากกว่า 15 ปี จึงอยากทำอาหารที่เหมาะสมแต่ละบุคคล เพราะมองว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะกินเหมือนกันได้
“เมื่อ 8 ปีที่แล้ว ช่วงนั้นกระแสอาหารคลีนเริ่มมา ด้วยความที่พวกเราเป็นหมอ มีความรู้ด้านโภชนาการ ก็จะรู้สึกว่าจริง ๆ แล้ว อาหารสุขภาพ ต้องเหมาะสำหรับแต่ละคนด้วย ไม่ใช่ว่ากินเหมือน ๆ กัน ยกตัวอย่างเช่น ผู้ชายกับผู้หญิงก็กินสัดส่วนไม่เท่ากัน หรือว่าการทำกิจวัตรประจำวันแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน เช่น คนนี้ทำงานออฟฟิศ คนนี้ออกกำลังกาย ก็ใช้พลังงาน หรือใช้ปริมาณโปรตีนไม่เหมือนกัน เราจึงมีไอเดียว่าอยากออกแบบเมนูสุขภาพ และเป็นเดลิเวอรี่ให้ทั้งคนกลุ่มรักสุขภาพ และกลุ่มผู้ป่วยเฉพาะทาง เช่น โรคเบาหวาน โรคไต โรคความดัน ฯลฯ เป็นต้น”
คุณน็อต กรรมการบริษัท กล่าวเสริมถึงจุดเริ่มต้นว่า จริง ๆ แล้วมาจากแพสชั่นของคุณหมอที่มีความตั้งใจอยากจะช่วยเหลือคน อีกทั้งยังมีความสนใจในเรื่องของอาหาร ซึ่งหมอนุ้ยด้วยความเป็นหมอก็จะเจอกับคนไข้ที่เข้ามาปรึกษาเรื่องการรับประทานอาหารเป็นประจำอยู่แล้ว
“คนไข้ส่วนใหญ่เขาจะกลัวว่าจะต้องกินอะไร ต้องทำอะไรกิน เขาก็จะมาปรึกษา ยกตัวอย่างเช่น คนไข้โรคไต เขาจะเข้าใจว่ากินอาหารต้องไม่ใช้เกลือเลย ต้องกินแต่ไข่ขาวเพราะรู้ว่าปลอดภัย ซึ่งมองว่าพอผ่านไปนาน ๆ สุดท้ายก็อาจจะกินหลุด หรือทำให้ไปกินอย่างอื่นแทน จนเกิดอันตรายต่อร่างกาย ตรงนี้จึงเป็นเป้าหมายหลักที่ทำให้เกิดโมดิชขึ้นมา”
หมอดอย ผู้ร่วมก่อตั้ง ‘Modish Food Design’ เล่าให้ฟังถึงที่มาเพิ่มเติมว่า Modish มาจากคำว่า Modify ผสมกับคำว่า Dish หมายถึง การปรับและออกแบบสารอาหารแต่ละจาน ให้เหมาะกับแต่ละบุคคล โมดิชจึงไม่ใช่อาหารคลีนหรืออาหารสุขภาพทั่วไป แต่สูตรอาหารของโมดิชออกแบบและคิดค้นโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ และทีมนักกำหนดอาหาร โมดิชจึงไม่ได้ผลิตแค่อาหารเพื่อสุขภาพ แต่ยังครอบคลุมไปถึงอาหารสำหรับผู้ป่วยเฉพาะโรค เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โรคมะเร็ง และโรคไตเสื่อม รวมไปถึงผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักแบบปลอดภัย ถูกหลักโภชนาการ ผู้ที่ออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ‘Modish Food Design’ ถือว่าเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ได้ดีทีเดียว
เรียกได้ว่ากว่า 8 ปี ที่ ‘Modish Food Design’ มุ่งมั่นเพื่อส่งมอบสุขภาพดีและความสุขแบบยั่งยืนให้กับทุกคน เพื่อส่งเสริมโภชนาการที่ถูกต้องและครบถ้วนตามที่ร่างกายของแต่ละคนควรได้รับ โดยมีทีมนักโภชนาการและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านให้คำปรึกษาและออกแบบเมนูอาหารให้เหมาะกับสุขภาพแต่ละบุคคล
รังสรรค์แต่ละเมนูโดยผู้เชี่ยวชาญ ตรงกับความต้องการของลูกค้า
อาจารย์นุ่น ที่ปรึกษาของโมดิช และในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการกำหนดอาหาร ได้เล่าเสริมเพิ่มเติมว่า การออกแบบอาหารของโมดิชไม่เพียงแต่เน้นในเรื่องของสุขภาพ แต่โมดิชยังเปรียบเสมือนกับโรงพยาบาล คนไข้สามารถเอาผลเลือดจากโรงพยาบาลมาให้ทางโมดิชประเมินได้ โดยโมดิชก็จะมีหน้าที่ออกแบบอาหารให้เหมาะสมเป็นรายบุคคล
“ลูกค้าของโมดิชทุกคนจะได้รับการดูแลรายบุคคล เพราะด้วยโรคที่แตกต่างกัน ฉะนั้นอาหารของแต่ละโรคก็จะมีส่วนประกอบ สัดส่วน และคุณค่าของสารอาหารที่ต่างกันออกไป ยกตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ต้องควบคุมปริมาณของคาร์โบไฮเดตให้เหมาะกับน้ำหนักตัว คนที่เป็นเบาหวานเหมือนกัน แต่ละคนก็จะมีสัดส่วนของข้าว ของปริมาณน้ำตาลแตกต่างกัน ไม่ใช่ว่า คนนี้เป็นเบาหวานต้องกินเหมือนกัน ผู้ป่วยโรคไต ต้องคุมเรื่องแร่ธาตุ ระยะของไตที่แตกต่างกัน จำนวนโปรตีนก็จะมีความแตกต่างกัน หรือความรุนแรงของโรค หรือแม้กระทั่งยาที่กินก็ต้องมีคำแนะนำที่เหมาะสม เพราะฉะนั้นการทำงานของเราจะละเอียด ใส่ใจในทุกกระบวนการขั้นตอน”
หมอนุ้ย กล่าวเสริมว่า ไม่เพียงแต่การออกแบบอาหารเป็นรายบุคคลที่ต้องละเอียดแล้ว แต่โมดิชยังคำนึงถึงเรื่องวัตถุดิบ ซึ่งต้องสะอาด สดใหม่ มีคุณค่าสารอาหารที่หลากหลายด้วย
“ยกตัวอย่างเช่น เราจะเลือกใช้โปรตีนที่ดี น้ำมันที่ดี เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันรำข้าว น้ำมันคาโนล่า คาร์โบไฮเดรตที่ดีไม่ผ่านกระบวนการขัดสีในปริมาณที่เหมาะสม ผักผลไม้ที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ใช้เครื่องปรุงโซเดียมต่ำ ไม่ใส่ผงชูรสและสารปรุงแต่ง เป็นต้น”
“ต้องบอกว่าอาหารบ้านเราอร่อยเยอะ หลาย ๆ อย่างก็ไม่เหมาะกับโรค คำถามคือเราจะทำอย่างไรให้อาหารเหล่านั้นเหมาะกับโรคได้ อันนี้ก็จะเป็นดีเทลที่หมอนุ้ย และอาจารย์นุ่นจะต้องไปปรับ อย่างเช่นแกงกะทิ เราสามารถเลือกวัตถุดิบที่ทำให้มันดีได้ เช่น กะทิธัญพืช หรืออะไรก็แล้วแต่คำนวณสารอาหารออกมา ก็คือเรายังสามารถที่จะมีความสุขกับไลฟ์สไตล์การกินในอดีตโดยที่ยังคุมโรคได้ อันนี้ก็เป็นเป้าหมายที่เราพยายามทำมาตลอด จริง ๆ อาหารทุกประเภททำให้เป็นอาหารสุขภาพได้หมด แต่คุณต้องรู้จักการใช้วัตถุดิบ และการใช้สัดส่วนที่พอเหมาะ” หมอดอยกล่าว
ปัจจุบันโมดิชมีโปรแกรมปรับและออกแบบสารอาหารแต่ละจานให้เหมาะกับแต่ละบุคคล ทั้งผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพ รวมไปถึงผู้ป่วยเพื่อจะได้สามารถเข้าถึงอาหารเฉพาะโรคได้ด้วยบริการ Delivery ที่มีความสะดวก รวดเร็วและส่งตรงถึงหน้าบ้านได้ทันที โดยมีคอร์สอาหารให้เลือกหลากหลาย ได้แก่
1. Health Balance เป็นคอร์สอาหารเพื่อสุขภาพที่เน้นการควบคุมปริมาณโซเดียม ไขมันอิ่มตัว และคอเรสเตอรอล เพื่อช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคและคงไว้ซึ่งการมีสุขภาพดี
2. Weight Control เป็นคอร์สสำหรับบุคคลที่ต้องการลดน้ำหนักโดยหลักการการจัดอาหารและการกระจายพลังงาน เพื่อช่วยให้การลดน้ำหนักเป็นไปอย่างมีประสิทธิผลมากที่สุด
3. Body Booster เหมาะกับคนออกกำลังกายปานกลางถึงหนักที่ต้องการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ เพื่อส่งเสริมการสร้างกล้ามเนื้อและสลายไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
4. Specialized Program โปรแกรมที่ออกแบบเพื่อผู้ป่วยที่มีภาวะ
• เบาหวาน
• ความดันโลหิตสูง
• ผู้ป่วยโรคไต
• ผู้ป่วยโรคมะเร็ง
• ผู้ป่วยระยะพักฟื้น
• ผู้ต้องการเพิ่มน้ำหนัก
• แม่ให้นมบุตร
ต่อยอดเป็นอาหารสุขภาพแช่แข็ง ‘สำรับไต’ ‘สำรับเบาหวาน’ บายโมดิช
ด้วยความที่อยากให้อาหารสุขภาพเข้าถึงกลุ่มผู้ป่วยได้มากขึ้น จึงต่อยอดมาเป็นอาหารสุขภาพแช่แข็งที่เดินทัพด้วย อาหารสำหรับโรคไต และอาหารสำหรับโรคเบาหวาน รวมไปถึงกลุ่มผู้ป่วย NCDs ผู้สูงอายุ หรือผู้ต้องการดูแลสุขภาพด้วย
คุณน็อต กรรมการบริษัท กล่าวว่า อยากให้อาหารเข้าถึงทุกคน เพราะมองว่าไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามก็น่าจะเข้าถึงสุขภาพที่ดีได้เลยเมื่อต้องการ ซึ่งไม่ว่าจะป่วยหรือยังไม่ป่วยก็ตาม จึงเกิดเป็นอาหารสุขภาพแช่แข็งบายโมดิชที่จะช่วยเหลือคนได้เยอะขึ้น
หมอดอย-หมอนุ้ย เล่าถึงที่มาของอาหารสุขภาพแช่แข็งเพิ่มเติมว่า จากเดิมที่ทำด้วยแพสชั่น ก็ได้เริ่มเปลี่ยนไปว่า โมดิชอยากจะเป็นผู้นำในธุรกิจนี้อย่างจริงจัง เพราะมีเป้าหมายใหญ่ขึ้น คือ อยากเข้าถึงคนได้มากขึ้นทั่วประเทศ จากเดิมการออกแบบอาหารของโมดิชอาจจะเข้าถึงคนได้หลักร้อยหลักพัน แต่หากทำธุรกิจอาหารสุขภาพแช่แข็งน่าจะทำให้เข้าถึงคนได้มากขึ้นกว่านี้ โดยตอนนี้ 2 หมวดหมู่คือ อาหารสำรับไต และอาหารสำรับเบาหวาน
“ต้องบอกว่ากลุ่มผู้ป่วยกว่า 70% ของโมดิช คือ ผู้ป่วยไต รองลงมาคือ ผู้ป่วยเบาหวาน เราจึงต่อยอดอาหารสุขภาพแช่แข็งสำหรับกลุ่มโรคเหล่านี้ขึ้นมา ซึ่ง Frozen Food จะไม่ใช่การออกแบบอาหารเป็นรายบุคคลเหมือนกับ Modish Food แต่จะเป็นตัวช่วยให้กับคนไข้ที่มีพื้นฐานความรู้เบื้องต้น ทราบว่าตนเองจะต้องกินแบบไหน ซึ่งจะมีเมนูให้เลือกได้เองตามความชอบ เพื่อให้ง่ายและสะดวกต่อการเลือกซื้อ”
“ยกตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยไต เรามีการแบ่งระยะของโรค อาหารสำรับไตก็จะมีการคำนวณโพแทสเซียม ฟอสฟอรัส โซเดียม แร่ธาตุที่กลุ่มคนโรคไตต้องคำนึง หรืออาหารสำรับเบาหวานก็จะคำนึงถึงปริมาณคาร์โบไฮเดรต น้ำตาล ที่ไม่เพียงเหมาะแค่เฉพาะคนเป็นเบาหวานเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงผู้ป่วยกลุ่มคนที่เป็นโรค NCDs (non-communicable diseases) ได้แก่ เบาหวาน ความดัน ไขมัน โรคอ้วน หรือจริง ๆ คนรักสุขภาพก็รับประทานได้ อย่างบางคนลดน้ำหนักอยู่ ก็กินอาหารสุขภาพแช่แข็งสำรับเบาหวานได้เช่นกัน โดยจะมีการคำนวณแคลอรี่ และสารอาหารทุกอย่างไว้ทั้งหมด”
โดยจุดเด่นของอาหารสุขภาพแช่แข็งบายโมดิช คือ มีนักโภชนาการที่จะคอยเป็นแอดมินให้ ความรู้ ให้คำปรึกษา ถ้าไม่แน่ใจว่าต้องกินแบบไหนก็สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ เพราะฉะนั้นมั่นใจได้ว่าปลอดภัยอย่างแน่นอน
อีกจุดเด่นหนึ่ง คือ อาหารแช่แข็งจะไม่ใส่สารเคมีใด ๆ ไม่ว่าจะเป็น สารกันเสีย สารป้องกันการเกาะตัวของน้ำแข็ง สารปรุงแต่งรสชาติ หรือแม้แต่สารคงตัว กระบวนการผลิตเราจะใช้เทคโนโลยี Blast Freezer ที่ทำให้ลดอุณภูมิอย่างรวดเร็ว ลดเรื่องการเกาะตัวของน้ำแข็ง จึงลดโอกาสการเติบโตของเชื้อโรคด้วย แถมอาหารจะยังคงสด สะอาด สามารถเก็บได้นาน สารอาหารครบจบในซองเดียว โดยสนนราคาเริ่มต้นที่ 95 บาท
มากกว่าการทำธุรกิจ คืออยากส่งต่อข้อมูลเรื่องสุขภาพที่ถูกต้อง
รวมไปถึงส่งกำลังใจให้ผู้ป่วยผ่านอาหาร
“เรามองลูกค้าเสมือนเพื่อน มีลูกค้าบางรายทักมาคุยว่า สั่ง Frozen Food ไปให้คุณแม่ คุณแม่เขามีความสุขในการกินมากขึ้น เขากลับมากินอาหารอร่อยได้อีก เพราะเดิมทีลูกทำอาหารให้จะไม่กล้าปรุง จะให้กินจืดเป็นหลัก จึงทำให้คุณแม่ไม่ค่อยอยากอาหาร พอกินอาหารได้น้อย โรคก็แย่ลง ซึ่งอาหารของเราทำให้คนไข้แฮปปี้ด้วย ตัวโรคยังคุมได้ด้วย เพราะเป็นอาหารที่ถูกต้องตามหลักโภชนาการแถมรสชาติอร่อย ตรงนี้ทำให้คนไข้มีกำลังใจในการใช้ชีวิต จึงไปตอบโจทย์ผู้ป่วยหลายคนเหมือนกัน”
“ลึก ๆ แล้ว เราอยากให้สังคมเข้าใจภาพของอาหารสุขภาพให้มากขึ้น อยากให้คนเข้าใจได้ถูกต้อง 100% ในบ้านเราคนป่วยเยอะขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะโรค NCDs มหาศาลเลย มันจะมีข้อความที่ไม่ค่อยถูกต้องถูกแชร์หรือส่งต่อกันเรื่อย ๆ โมดิชจึงอยากเป็นส่วนหนึ่งให้คนได้ตระหนักรู้เรื่องความถูกต้องของข้อมูล ดังนั้นการที่พวกเราทำตรงนี้ก็เพื่ออยากให้มีอาหารสุขภาพที่ดีต่อสุขภาพจริง ๆ ที่คนเข้าถึงทุกคนได้” หมอดอยผู้ร่วมก่อตั้ง กล่าว
ก้าวต่อไปของโมดิชในอนาคต = ไม่หยุดพัฒนา
คุณน็อต ในฐานะกรรมการบริษัท กล่าวด้วยความภาคภูมิใจว่า ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา โมดิชมีความมั่นใจในคุณภาพของอาหารที่ทำ เพราะทุกอย่างมีที่มาที่ไปในเชิงวิชาการ มีการปรับตัวตามยุคสมัยเพื่อให้ทันสมัยและเหมาะสมกับทุกยุคที่ผ่านมา ซึ่งโมดิชจะไม่มีการหยุดพัฒนา
“เราใช้ความรู้และประสบการณ์จากคุณหมอนุ้ยที่เป็นที่ปรึกษาด้านโภชนาการ และอาจารย์นุ่นที่เป็นนักกำหนดอาหาร เรามีทีมเชฟที่มีความเข้าใจด้านอาหาร และอยู่ภายใต้การดูแลของอาจารย์ทั้งสองท่านที่คอยควบคุมคุณภาพ เรารับฟังลูกค้าตลอดทำให้มีการพัฒนาอยู่เรื่อย ๆ แม้ว่าผ่านมา 8 ปี แต่ทุกวันนี้เรายังมีทีม R&D ในการทำอาหารอยู่เลย ซึ่งเราจะไม่ใช่แค่ออกเมนูมาครั้งเดียวแล้วก็จบ แต่อาหารของเราจะปรับปรุงอยู่ตลอด วัตถุดิบที่ใช้ก็มีการเปลี่ยนไปตามยุคตามสมัย เรามั่นใจคุณภาพ และจะไม่มีการหยุดพัฒนา”
มุมมองของหมอ
ในฐานะหมอ มองเทรนด์สุขภาพ ณ ปัจจุบัน อย่างไร?
เมื่อ 8 ปีก่อน เรื่องสุขภาพเป็นสิ่งที่น่ากังวลต่างจากยุคปัจจุบันที่คนส่วนใหญ่มีความรู้และใส่ใจในเรื่องสุขภาพกันมากขึ้น
“สมัยก่อนคนจะค่อนข้างกลัวอาหารสุขภาพ บอกเลยไม่อร่อย จืดชืด ไม่กล้ากิน ส่วนใหญ่คนจะมองอาหารสุขภาพ คืออาหารคลีน ซึ่งตัวนี้มันจะเป็นแค่กลุ่มคนที่ลดน้ำหนัก มองมุมลดน้ำหนัก หรืออย่างในยุคก่อน เราจะเจอคนไข้ที่มีปัญหาเฉพาะเจาะจง แต่ยุคนี้จะมีกลุ่มคนที่ต้องการดูแลตัวเองเพิ่มมากขึ้น มากกว่าที่เป็นโรคแล้ว อย่างยุคนี้หลังโควิดมาแล้ว คนเริ่มใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ข้อมูลสุขภาพก็ค่อนข้างเยอะขึ้น คนก็หันมาใส่ใจให้ความรู้ด้านสุขภาพมากขึ้น พอคนมีความรู้มากขึ้น ทำให้คนเข้าถึงอาหารสุขภาพมากขึ้น”
คำแนะนำ กินอย่างไร ไม่ให้ป่วย
“ต้องเริ่มต้นจากตัวเรา ต้องเปิดใจก่อน ว่าอยากดูแลสุขภาพ เพราะต่อให้มีอาหารสุขภาพมาอยู่ตรงหน้า แต่เรายังไม่เปิดใจที่จะกินก็เปลี่ยนไม่ได้ อย่างการใช้ชีวิตพื้นฐานก็เหมือนกันต้องปรับเปลี่ยน เช่น ต้องไม่สูบบุหรี่ ไม่กินแอลกอฮอล์ ไม่เครียด นอนหลับให้เพียงพอ กินอาหารสุขภาพ ออกกำลังกาย เพราะฉะนั้นคงต้องบอกว่า ต้องเริ่มที่ตัวเราก่อน ต้องเริ่มจากการปรับพฤติกรรม”
2 เมนู สุขภาพ กินได้ทุกวัย
1. ข้าวขยำปลาทู เด็กก็กินได้ ผู้ใหญ่ก็กินดี ผู้ใหญ่กินก็อาจจะเพิ่มพริก หอมแดง เติมผัก บีบมะนาว ใช้ปริมาณซอสที่เหมาะสม เป็นเมนูที่ทำได้ที่บ้านง่าย ๆ ที่บ้าน สามารถรับประทานได้ทุกวัย
2. แกงจืดเต้าหู้หมูสับ เติมเต้าหู้ เพิ่มสาหร่าย ใส่ผักเยอะหน่อย เลือกเป็นหมูสันในไม่ติดมัน นำมาบดมาสับเอง ไม่ใส่ผงชูรส ปรุงแต่งรสเล็กน้อย ใช้ความหวานจากซุปผัก เนื้อสัตว์ กินกับข้าวกล้อง เป็นเมนูที่รับประทานได้ทุกวัย ป่วยไม่ป่วยก็กินได้
Modish Food Design ช่วยออกแบบสุขภาพดีให้กับคุณตั้งแต่วันนี้รับคำปรึกษาฟรีได้ที่
Modish Food Design
เบอร์โทร : 090-919-7414
Line : @modishfooddesign
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ >> https://www.modishfooddesign.co.th/
Facebook >> สำรับไต อาหารที่ออกแบบเพื่อผู้ป่วยโรคไต >> https://www.facebook.com/Samrubtai
Facebook >> สำรับเบาหวาน และผู้ป่วย NCDs >> https://www.facebook.com/profile.php?id=61554438153308
