xs
xsm
sm
md
lg

ร่างกายอ่อนเพลีย อาจเสี่ยง “ภาวะหลับใน”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หลาย ๆ คน ที่เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากการทำงานมาทั้งวัน หรือ มีอาการง่วงนอนมาก่อนหน้านี้ แล้วต้องมาขับรถส่วนตัว เพื่อที่จะไปจุดหมายตามที่ต้องการเฉกเช่นปกติที่ผ่านมา แต่หากเผลอเรอลืมจนวูบหลับไป นั่นก็อาจจะเจอ “ภาวะหลับใน” ก็ได้ ซึ่งถ้าเกิดเจออุบัติเหตุก็อาจจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดได้เช่นกัน


“ภาวะหลับใน” คืออะไร

ภาวะหลับในหรือการหลับระยะสั้น ๆ หรือ Microsleep เป็นปรากฏการณ์การสับสนระหว่างการหลับและการตื่น โดยการหลับเข้ามาแทรกการตื่นอย่างเฉียบพลันโดยไม่รู้ตัวในช่วงเวลาสั้น ๆ ประมาณ 1 – 2 วินาที

สัญญาณบอกเหตุของ “ภาวะหลับใน”

ร่างกาย


เมื่อร่างกายกำลังจะเข้าสู่ภาวะหลับใน ร่างกายอาจเกิดอาการ อย่างหาวบ่อย กะพริบตาช้า ๆ หรือกะพริบตาถี่ ๆ เพื่อให้ตื่น เห็นสิ่งต่าง ๆ ไม่ชัดเจน สัปหงก ร่างกายกระตุก และตาหนักหรือลืมตาไม่ขึ้น

ความคิด

การสังเกตอาการทางความคิดเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่อาจช่วยให้แน่ใจว่าร่างกายกำลังจะหลับใน ซึ่งสังเกตได้จากความคิดของสมอง เช่น ไม่สามารถจดจำเหตุการณ์เมื่อไม่กี่นาทีก่อนได้ ไม่สามารถจดจ่อกับงานหรือสิ่งที่ทำ ความสามารถในการควบคุมอารมณ์ลดลง และตอบสนองต่อสิ่งต่าง ๆ ช้า เป็นต้น

พฤติกรรมการขับรถ

พฤติกรรมและสัญญาณการหลับในขณะขับรถ สามารถยืนยันได้ถึงภาวะดังกล่าว ดังนั้น เมื่อเกิดขึ้นต่อไปนี้ควรหยุดรถในที่ปลอดภัยทันที เลี้ยวรถผิดทาง ขับเลยทางออก ไม่จดจ่อกับการขับรถ จดจำทางที่เพิ่งผ่านมาไม่ได้ ขับรถส่ายหรือคร่อมเลนถนน และเฉี่ยวชนขอบถนน

โดยหากมีอาการเหล่านี้หรือความรู้สึกง่วง ไม่ควรฝืนขับรถหรือทำงานที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เนื่องจากอาจทำให้เกิดความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินได้


วิธีป้องกัน “ภาวะหลับใน”

นอนให้พอ

ในจำนวนชั่วโมงที่เหมาะสมคือ 7 – 8 ชั่วโมงต่อวัน โดยเฉพาะถ้าต้องขับรถทางไกล ควรพักผ่อนให้เพียงพอติดต่อกัน 2 – 3 คืนขึ้นไปก่อนออกเดินทาง

นอนเป็นเวลา

ควรเข้านอนเวลาที่เหมาะสมคือ ช่วง 4 ทุ่มถึงเที่ยงคืน เพื่อให้โกรธฮอร์โมนที่ช่วยเรื่องการเจริญเติบโตและส่งเสริมการทำงานระบบต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่งหลั่งในช่วงตี 2 ถึงตี 4 ทำงานได้ดี เพราะฉะนั้นในช่วงใกล้ 3 ทุ่มควรฝึกตัวเองให้ผ่อนคลายและเตรียมพร้อมเข้าสู่การนอน

นอนเวลาเดิมสม่ำเสมอ

พยายามเข้านอนและตื่นนอนในเวลาเดียวกันทุก ๆ วัน จะช่วยให้นอนหลับเต็มอิ่ม

งดดื่มกาแฟหรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน

เครื่องดื่มจำพวก ชา โกโก้ เป็นต้น ในช่วงหลัง 4 โมงเย็น เพราะจะทำให้นอนไม่หลับหรือหลับไม่ลึก ส่งผลให้ตื่นมาไม่สดชื่น

เลือกใช้หลอดไฟสีส้ม

ในห้องนอน เพราะไม่รบกวนดวงตา ช่วยให้ผ่อนคลาย หลับได้ง่ายขึ้น

อุณหภูมิห้องนอน

ควรอยู่ระหว่าง 25 – 26 องศาเซลเซียส ไม่ร้อนหรือเย็นจนเกินไป ช่วยให้ไม่ตื่นกลางดึกหลับสนิทต่อเนื่อง

ขอบคุณข้อมูลจาก : pobpad.com และ โรงพยาบาลกรุงเทพอินเตอร์เนชั่นแนล


กำลังโหลดความคิดเห็น