xs
xsm
sm
md
lg

ชีสมีประโยชน์หรือไม่ กินอย่างไรถึงดีต่อสุขภาพ?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพจาก : pixabay.com
หลายคนคงชอบรับประทาน “ชีส” เป็นชีวิตจิตใจ และรู้หรือไม่ว่า “ชีส” นั้นมีประโยชน์มากมายหากรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ ซึ่งชีส จัดเป็นผลิตภัณฑ์อาหารที่ทำจากนม เป็นอาหารจำพวกโปรตีนใกล้เคียงกับเนื้อสัตว์ และมีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก ในชีสอุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นโปรตีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส สังกะสี แมกนีเซียม วิตามินเอ วิตามินบี 12 วิตามินดี วิตามินเค ฯลฯ เป็นต้น
 
โดย “ชีส” มีหลายประเภท เช่น มอสซาเรลลา (Mozzarella Cheese) มาสคาโปน (Mascarpone Cheese) เชดดาชีส (Cheddar Cheese) เฟตา (Feta Cheese)พาร์มีซานชีส (Parmigiano-Reggiano or Parmesan) คอตเทจชีส (Cottage Cheese) ฯลฯ เป็นต้น
 
ประโยชน์ของชีสมีอะไรบ้าง?


-บำรุงกระดูกให้แข็งแรง

ชีสถือเป็นอาหารที่มีแคลเซียมสูง ซึ่งมีแคลเซียมมากกว่านมถึง 2 เท่า อีกทั้งยังอุดมไปด้วยโปรตีน และวิตามินดี โดยแคลเซียมนั้นมีส่วนช่วยบำรุงกระดูกให้แข็งแรง แถมยังส่งผลดีต่อมวลกระดูก และมีช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกพรุนได้ โดยเฉพาะเชดด้าชีสที่มีแคลเซียมสูงปรี๊ด เพราะ 100 กรัม มีแคลเซียมประมาณ 710 มิลลิกรัมเลยทีเดียว
 
-ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ

ชีสมีโปรตีนสูง โดยมีโปรตีนที่มีมากกว่านมถึง 2 เท่า จึงมีส่วนช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและเคซีนในร่างกาย
 
-ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกัน และซ่อมแซมส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย


ชีสมีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายในปริมาณสูง เป็นแหล่งที่มาของโปรตีนที่ดีซึ่งมีส่วนช่วยบำรุงดูแลเซลล์กล้ามเนื้อที่สึกหรอ ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ช่วยให้ผิวพรรณมีความยืดหยุ่น ช่วยปกป้องริ้วรอย ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้แก่เส้นผมและเล็บ เป็นต้น

-ช่วยลดน้ำหนักได้

 
รู้หรือไม่ว่า ชีสสามารถช่วยลดน้ำหนักได้ แต่ควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ โดยชีสมีโปรตีนสูงจึงช่วยทำให้รู้สึกอิ่มเร็ว อยู่ท้องนานขึ้น และไม่รู้สึกหิวบ่อย
  
- ป้องกันฟันผุ

มีงานวิจัยพบว่า โพรไบโอติกที่อยู่ในชีส อาจช่วยลดความเสี่ยงการเกิดฟันผุได้ โดยในการทดลองพบว่าเมื่อรับประทานชีสปริมาณ 75 กรัมต่อวัน ปริมาณเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของฟันผุ และยีสต์ที่เป็นสาเหตุของปัญหาช่องปากมีปริมาณลดลง

-ลดความเสี่ยงโรคเบาหวาน


มีงานวิจัยพบว่า การรับประทานชีสอาจส่งผลให้ร่างกายได้รับกรดไขมันทรานส์ปลามิโทเลอิก (Trans–palmitoleic Acid) ซึ่งเป็นกรดไขมันที่สามารถพบได้ในผลิตภัณฑ์นม ที่อาจช่วยลดความเสี่ยงโรคเบาหวานได้ นอกจากนี้ ชีสยังอาจช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอล ระดับอินซูลิน ลดความเสี่ยงการอักเสบต่าง ๆ และเพิ่มความไวต่ออินซูลินได้
 
-ช่วยบำรุงลำไส้

ชีสอุดมไปด้วยโพรไบโอติก (Probiotic) ซึ่งเป็นสารอาหารที่ดีแต่อสุขภาพลำไส้ การรับประทานชีสจึงอาจช่วยดูแลสุขภาพลำไส้ได้

โทษของชีส


ชีสมีโซเดียมสูง ซึ่งเชดดาร์ ชีส 1 แผ่นจะมีโซเดียมอยู่ที่  190-320 มิลลิกรัม อีกทั้งชีสยังมีไขมันอิ่มตัวและคอเลสเตอรอลค่อนข้างสูง หากรับประทานมากไปอาจทำให้เกิดคอเลสเตอรอลในเลือดสูงซึ่งจะส่งผลทำให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ ที่สำคัญรับประทานเยอะยังทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นด้วย
 
คำแนะนำในการรับประทานชีส


-ควรรับประทานในปริมาณที่พอดี ไม่เกิน 2 แผ่นต่อวัน
-ควรเลือกชีสแบบไขมันต่ำ
-ควรรับประทานชีสคู่กับโปรตีน หรืออาหารที่มีไฟเบอร์สูง เพื่อร่างกายจะได้รับสารอาหารครบถ้วนหลากหลาย
-ผู้ที่มีภาวะย่อยน้ำตาลแล็กโทสบกพร่อง ผู้ที่แพ้นม ผู้ที่แพ้โปรตีนเคซีน ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานชีส

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงประกอบจาก เว็บไซต์พบแพทย์ (https://shorturl.asia/6t1Dx)


กำลังโหลดความคิดเห็น