เมื่อพูดถึงอาหารทะเลที่ยอดฮิตสำหรับหลายๆ คน ที่ชอบทานเวลาที่ไปทานอาหารข้างนอก ก็ย่อมหนีไม่พ้น “หอยนางรม” แน่นอน เพราะอาหารชนิดนี้หากใครได้ทานแบบสดๆ แล้ว ก็ย่อมเกิดอาการฟิน หลังจากทานลงไป และเชื่อว่า ยิ่งทานแบบสดดิบนั้นจะดี ตี่รู้หรือไม่ว่า อันตรายในการทานแบบดังกล่าวนั้น ก็ส่งผลต่อสุขภาพร่างกายได้ด้วยเช่นกัน
คุณสมบัติของ “หอยนางรม”
สำหรับประโยชน์ของ “หอยนางรม” นั้น ทางสถาบันหัวใจและปอดแห่งชาติของแคนาดา ได้ระบุว่า เป็นอาหารที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหาร เป็นแหล่งของวิตามินเอ บีหนึ่ง บีสอง บีสาม ซี และดี การบริโภคหอยนางรมตัวที่มีขนาดกลาง 4-5 ตัว ช่วยให้ร่างกายได้รับแร่ธาตุประเภทเหล็ก ทองแดง ไอโอดีน แมกนีเซียม แคลเซียม สังกะสี แมงกานีส และฟอสฟอรัส
นอกจากนี้ ยังได้ระบุ เพิ่มเติมว่า หอยนางรมอุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหาร คือเป็นแหล่งของวิตามินเอ บีหนึ่ง (ไทอามิน) บีสอง (ไรโบฟลาวิน) บีสาม (ไนอาซิน) ซี (กรมแอสคอร์บิค) และดี (แคลซิฟีรอล) การบริโภคหอยนางรมตัวที่มีขนาดกลาง 4-5 ตัว ช่วยให้ร่างกายได้รับแร่ธาตุประเภท แร่เหล็ก ทองแดง ไอโอดีน แมกนีเซียม แคลเซียม สังกะสี แมงกานีสและฟอสฟอรัส
ส่วนประโยชน์ของ “หอยนางรม” นั้น แบ่งได้ดังนี้
-ช่วยเพิ่มความรู้สึกทางเพศในผู้ชายมากขึ้น
-ช่วยรักษาและป้องกันการเป็นหมันในผู้ชาย
-ป้องกันโรคต่อมลูกหมากโต ต่อมลูกหมากอักเสบ
-ควบคุมความดันโลหิต
-ควบคุมการแลกเปลี่ยนของออกซิเจนในเซลล์
-ป้องกันการเสื่อมของเซลล์ต่างๆ
ทำไมถึงไม่ควรทาน “หอยนางรม” แบบดิบสด
แม้ว่า “หอยนางรม” จะมีประโยชน์มากเพียงใดก็ตาม แต่อย่างไรก็ดี ก็ไม่ควรทานแบบดิบสด เพราะชีวิตของ ‘หอยนางรม’ ในทะเล จะกรองน้ำทะเลในปริมาณมาก จนมีการสะสมเชื้อแบคทีเรียในร่างกาย โดยเฉพาะ เชื้อวีบริโอ (Vibrio) ซึ่งแม้ว่าจะมีการเก็บรักษาออาหารดังกล่าวได้ดีอย่างไร ก็ยังมีเชื้อตัวนี้อยู่ในหอยนางรมอยู่ดี ไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ตาม
โดยอาการที่พบได้ในผู้ป่วยคือ มีอาการท้องเสีย บางครั้งอาจจะขับถ่ายปัสสาวะไม่ออก หรือถ้าในระดับที่ร้ายแรงก็ถึงขั้นความดันตกเลยทีเดียว
เชื้อวีบริโอ ก่อโรคในมนุษย์ได้ 3 ทาง คือ
1.การติดเชื้อที่บาดแผล
โดยเชื้อดังกล้าวนี้ สามารถลุกลามอย่างรวดเร็ว จนทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น เนื้อเยื่ออักเสบ ผิวหนังมีอาการบวม ร้อนแดง เจ็บปวด จนอาจกลายเป็นตุ่มที่มีเลือดปน หรือเกิดอาการเนื้อเน่าตายของเนื้อเยื่ออ่อนใต้ผิวหนัง โดนการติดเชื้อที่บาดแผล พบประมาณ 45 เปอร์เซ็นต์ และมีอัตราการตายถึง 50 เปอร์เซ็นต์
2.ภาวะโลหิตเป็นพิษ
สำหรับอาการนี้นั้น เชื้อจะสามารถบุกรุกเข้าสู่กระแสโลหิตโดยผ่านทางเยื่อบุทางเดินอาหารจากการรับประทานอาหารทะเลดิบ หรือผ่านทางบาดแผลจากการติดเชื้อที่บาดแผลนั้นเอง มีอาการไข้ หนาวสั่น อ่อนเพลีย ความดันต่ำ อาจมีอาการอุจจาระร่วง อาเจียน อาการโลหิตเป็นพิษนี้พบประมาณ 43 เปอร์เซ็นต์ มีอัตราการตายสูงถึง 75 เปอร์เซ็นต์
3.กระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ
จากการรับประทานอาหารทะเลดิบทำให้อุจจาระร่วง อาเจียน พบประมาณ 12 เปอร์เซ็นต์ อัตราการตายน้อยมาก โดยปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้มีอาการรุนแรง พบว่ามีความสัมพันธ์กับผู้ป่วยที่มีโรคตับเรื้อรัง เช่น ตับแข็ง ไวรัสตับอักเสบ ฯ รวมทั้งผู้ป่วยภูมิคุ้มกันบกพร่อง มะเร็ง ไตวายเรื้อรัง โรคเลือด เบาหวาน
วิธีการรับประทาน “หอยนางรม” อย่างถูกต้อง
หากอยากจะรับประทานหอยนางรม ก็ควรที่จะนำไปแปรรูปในรูปแบบต่างๆ ทั้งการปรุงสุก ทำการต้ม หรือจากทอดในรูปแบบต่างๆ นั่นเอง
ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงประกอบจาก : Tiktok : หมอเปา dr.pao katanyoo, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข และ thaibio.com