เข้าสู่หน้าร้อนของเมืองไทยแล้ว ซึ่งอากาศร้อนมาก ๆ อาจส่งผลให้เป็น “โรคไข้หวัดแดด” ได้ ถามว่าโรคนี้เกิดขึ้นอย่างไร เรามาหาคำตอบไปพร้อมกัน
โรคไข้หวัดแดด คืออะไร
สำหรับ โรคไข้หวัดแดด หรือ Summer Flu นั้น เกิดมาจากร่างกายได้รับเชื้อไข้หวัดใหญ่ ที่มีปัจจัยทางด้านอากาศและอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงบ่อยเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการ โดยร่างกายจะสะสมความร้อนเอาไว้ภายใน จนทำให้ล้มป่วยลงนั่นเอง โดยผู้ที่จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่สามารถป่วยเป็นไข้หวัดแดดได้มากกว่าปกติ คือ
-ผู้ที่ต้องเข้าออกไปมาบ่อย ๆ ระหว่างห้องที่อากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศ กับภายนอกที่อากาศร้อนกว่ามาก
-ผู้ที่ต้องทำงานกลางแจ้ง หรือทำงานท่ามกลางอากาศร้อนจัดเป็นเวลานาน
-ผู้ที่กำลังป่วย หรือมีสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรงพอ
-ผู้ที่อยู่ในสถานที่ที่มีความแออัดเป็นเวลานาน
-เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ไม่คุ้นกับอากาศร้อนจัด
อาการของโรคไข้หวัดแดด
-มีไข้ต่ำ ๆ (อุณหภูมิของร่างกายไม่เกิน 40 องศาเซลเซียล)
-วิงเวียน ปวดศีรษะ
-เกิดการครั่นเนื้อครั่นตัว
-อ่อนเพลีย ไม่มีแรง
-ปากแห้ง คอแห้ง หรือ แสบคอ
-ท้องไส้ปั่นป่วน ท้องเสีย
-คลื่นไส้ อาเจียน
-มักจะนอนไม่ค่อยหลับ
วิธีรักษาโรคไข้หวัดแดด
โรคไข้หวัดแดดเกิดขึ้นมาจากเชื้อตัวเดียวกับไข้หวัดใหญ่ ซึ่งหากดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง อาการที่เกิดขึ้นมักจะหายเป็นปกติใน 2 สัปดาห์ ดังนั้นผู้ป่วยจึงควรปฏิบัติตัว ดังนี้
-พักผ่อนให้เพียงพอ
-หมั่นเช็ดตัวเพื่อระบายความร้อนภายใน
-ดื่มน้ำอุ่นให้มาก ๆ
-รับประทานอาหารที่สะอาดและปรุงสุกใหม่
-บางกรณี ก็อาจทานยาลดไข้ร่วมด้วย
วิธีป้องกันโรคไข้หวัดแดด
-หลีกเลี่ยงการเผชิญแสดงแดดโดยตรง หรือที่อากาศร้อนจัด
-แต่ถ้ามีความจำเป็นที่จะอยู่กลางแดด ก็ควรใส่เสื้อคลุมกันแดด หรือพกร่มไปด้วย
-หลีกเลี่ยงสถานที่ที่ผู้คนแออัด
-สวมใส่เสื้อผ้าสีอ่อน ที่ระบายอากาศได้ดี
-ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอาหารที่มีวิตามินซีสูง เพื่อป้องกันหวัด
-หากต้องเผชิญสภาพอากาศที่ร้อนจัด ควรนั่งพักในที่ร่มที่อากาศถ่ายเทสะดวกสักพัก ก่อนเข้าในสถานที่ที่มีเครื่องปรับอากาศ เพื่อให้ร่างกายปรับตัวกับอุณหภูมิที่แตกต่างได้ทัน
ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงประกอบจาก : กองควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และ hellokhunmor.com