xs
xsm
sm
md
lg

ชอบกินเค็ม ร่างกายเสี่ยงอะไรบ้าง?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



การรับประทานอาหารในแต่ละมื้อ สิ่งที่ควรทำเลยก็คือ เช็กปริมาณอาหารที่รับประทานเข้าไป เพื่อให้ร่างกายสามารถรองรับความอิ่มในแต่ละมื้อ และในขณะเดียวกัน ก็ต้องเช็กรสชาติที่รับประทานเข้าไปด้วย ซึ่งถ้ารับประทานรสเค็มมากเกินไป ก็อาจจะส่งผลต่อร่างกายได้เช่นเดียวกัน


สัญญาณเตือนว่า “กินเค็มมากไปแล้ว”

-มีความชอบกินอาหารแปรรูปเป็นประจำ

ยิ่งหากกินทุกวันยิ่งเสี่ยงต่อการได้รับโซเดียมเกิน ในกลุ่มของอาหารแปรรูปจะมีโซเดียมเป็นส่วนประกอบและมีปริมาณที่มาก กว่าอาหารในกลุ่มของผัก ผลไม้สด รวมถึงกลุ่มข้าว ธัญพืช ซึ่งจากการศึกษาพบว่าคนในประเทศทางตะวันตกได้รับเกลือเกือบ 80 เปอร์เซนต์ โดยมาจากอาหารแปรรูปที่เติมโซเดียมเพื่อให้รสชาติเข้มข้น และยืดอายุการเก็บรักษา

ฉะนั้น ผู้ที่ชอบกินอาหารแปรรูปมักจะชอบกินอาหารรสชาติเค็มมากกว่าผู้ที่ไม่ชอบกินอาหารแปรรูป

-มีการพบโซเดียมสูงในเลือด

หมายถึงว่า พบค่าโซเดียมในเลือดสูงมากว่า 145 mmol/L โดยอาการแสดง เช่น คอแห้ง กระหายน้ำ ปวดศีรษะ อารมณ์หงุดหงิด หากวัดความดันโลหิตจะพบความดันโลหิตสูง ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อการไหลเวียนของเลือด ช็อก หมดสติได้

-เกิดการบวมในร่างกาย

เนื่องมาจากเกลือสามารถทำให้เกิดการกักน้ำในร่างกายเพื่อใช้ในการละลายความเข้มข้นของโซเดียมสามารถสังเกตุได้จากท้องป่อง หน้าบวม แขนบวม

-ชอบกินอาหารรสจัด

เพราะอาหารส่วนใหญ่ที่มีรสจัด เช่น เผ็ดจัด จะมีความเค็มตามมาด้วย

-ชอบกินขนมหรือของว่างที่ชอบกินมักจะอยู่ในรูปของขนมกรุบกรอบ ขนมกระป๋อง เช่น มันฝรั่งทอดกรอบ ปลาหมึกกรอบ ถั่วทอด ขนมปังกรอบ

-ชอบเติมเกลือ ซีอิ๊ว น้ำปลา หรือ ซอสต่าง ๆ ในอาหารก่อนกิน


กินรสเค็มมากเกินไปอาจเสี่ยงโรค ดังนี้

-โรคไต

การได้รับโซเดียมปริมาณมากอย่างต่อเนื่องอาจส่งผลให้ไตทำงานหนักขึ้นจากการกำจัดโซเดียมส่วนเกินออกจากร่างกาย ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้เกิดโรคไต

-โรคกระดูกพรุน

การได้รับโซเดียมที่มากขึ้น อาจจะส่งผลให้ร่างกายนั้นขับแคลเซียมที่จำเป็นต่อการสร้างและคงความแข็งแรงของกระดูกออกไปทางปัสสาวะมากยิ่งขึ้น จึงอาจทำให้กระดูกบาง เสี่ยงต่อภาวะเปราะหักง่ายขึ้น รวมถึงอาจเป็นสาเหตุของโรคกระดูกพรุน

-โรคหลอดเลือดหัวใจ

ด้วยคุณสมบัติที่ช่วยเพิ่มความดันโลหิตของโซเดียมอาจส่งผลให้หลอดเลือดและหัวใจนั้นทำงานหนักมากยิ่งขึ้น จึงอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคหลอดเลือดและโรคหัวใจ ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลว หรือภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดได้

-โรคมะเร็งกระเพาะอาหาร

มีงานวิจัยพบว่าเกลือนั้นอาจช่วยให้แบคทีเรียในท้องเติบโตอย่างรวดเร็ว รวมทั้งสร้างความเสียหายให้กับเยื่อบุกระเพาะอาหาร ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งชนิดนี้ อย่างไรก็ตาม ทฤษฎีเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งจากหลายการศึกษาเท่านั้น และในปัจจุบันยังไม่พบสาเหตุที่แท้จริงว่าเกลือนั้นเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งกระเพาะอาหารได้อย่างไร

ในขณะเดียวกัน แม้ว่าโรคที่เกิดจากการกินเค็มอาจเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย แต่ก็มีคนบางกลุ่มอาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดความผิดปกติจากการกินโซเดียมมากกว่าคนทั่วไป เช่น

-ผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป

-ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับความดันโลหิตสูง

-ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน


วิธีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการกินเค็มให้ลดลง

-เลือกกินอาหารสดจากธรรมชาติให้มากขึ้น เน้นผัก ผลไม้สด

-ลดการกินอาหารแปรรูป

-อ่านฉลากโภชนาการเป็นประจำ เลือกผลิตภัณฑ์อาหารที่เหมือนกันแต่มีปริมาณของโซเดียมให้น้อยที่สุด หรือเลือกดูบรรจุภัณฑ์ที่มีคำว่า ลดการใช้เกลือ หรือ Low sodium

-เลือกน้ำเปล่าแทนที่น้ำหวานหรือน้ำผลไม้ เนื่องจากน้ำผลไม้ในปัจจุบันบางครั้งมีการเติมเกลือลงไปเพื่อเพิ่มรสชาติ แต่จะยิ่งทำให้เราติดรสเค็มมากยิ่งขึ้น

-ชิมรสชาติอาหารก่อนปรุง เครื่องปรุงรสเค็ม

-ตั้งเป้าหมายในการกินเพื่อลดความเค็มลง โดยลดการเติมเครื่องปรุงในอาหาร

- เมื่อต้องออกไปกินอาหารนอกบ้าน อาจขอแยกซอสปรุงรสต่าง ๆ หรือขอเค็มน้อยแทน

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงประกอบจาก : โรงพยาบาลบางปะกอก และ Pobpad.com


กำลังโหลดความคิดเห็น