xs
xsm
sm
md
lg

“ภาวะขอบตาดำ” ไม่ได้เกิดจากแค่นอนน้อย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



และแล้ว เทศกาลของคนนอนดึก อย่างศึกฟุตบอลโลก ก็ได้กลับมาเวียนให้ได้รับชมกันอีกครั้ง ซึ่งในเรื่องของความมันในการการแข่งขันนั้น อาจจะไปวัดกันในสนาม แต่ในเรื่องของสุขภาพของคนไทย อาจจะมีปัญหาอยู่บ้าง เพราะเนื่องด้วย ยิ่งการแข่งขันที่ดึก ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมา ซึ่งก็รวมถึงเรื่อง “ขอบตาดำ” ที่เชื่อได้เลยว่า อาจส่งผลเสียต่อแฟนบอลอยูjพอสมควรแน่ ๆ

สำหรับ “ภาวะขอบตาดำ” นั้น อาจจะเกิดหลายสาเหตุด้วยกัน แต่ปัจจัยที่ก่อให้เกิดอาการดังกล้าวนั้น อาจจะแบ่งได้ ดังนี้

-อายุ

พอคนเราเริ่มมีอายุมากขึ้น ถุงใต้ตาบริเวณหนังตา ก็จะเริ่มหย่อนยานตามความเพิ่มของอายุ จนทำให้เกิดเป็นเงาบริเวณขอบตา อีกทั้งการผลิตไขมันและคอลลาเจนบริเวณผิวหนังก็ลดลง ทำให้ผิวหนังบางลงจนเห็นเส้นเลือดใต้ผิวหนังได้ชัดเจน และทำให้ความคล้ำบริเวณขอบตายิ่งชัดเจนขึ้น

-ความเครียดและการพักผ่อนน้อย

ภาวะความเครียดที่สะสมหรือเรื้อรัง ก็อาจส่งผลให้มีปัญหาในการนอนหลับ ทำให้ผิวซีดจางและดวงตาบุ๋มลึกมากขึ้น จนสามารถสังเกตเห็นรอยคล้ำใต้ตาได้ชัดเจนในที่สุด

-อาการเจ็บป่วยต่าง ๆ

ได้แก่ อาการแพ้ เป็นต้น เพราะหากเกิดอาการภูมิแพ้ขึ้นตาจะทำให้ระคายเคืองดวงตาและถ้าเผลอไปขยี้ตา ก็อาจส่งผลให้ขอบตาดำ หรือเกิดการคัดจมูก และอาการคัดจมูกอาจทำให้เส้นเลือดบริเวณดวงตาและจมูกบวมขึ้นจนทำให้ผิวบริเวณใต้ดวงตาดำคล้ำขึ้นได้เช่นกัน

-ภาวะขาดน้ำ

เมื่อร่างกายไม่ได้รับน้ำอย่างเพียงพอตามปริมาณที่ต้องการ เซลล์ผิวก็จะไม่กระจ่างใส ส่งผลให้รอยดำคล้ำใต้ตา เกิดความเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

-การตั้งครรภ์

ถ้าอยู่ในช่วงตั้งครรภ์ ฮอร์โมนในร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจส่งผลให้เส้นเลือดใต้ผิวหนังขยายตัวจนเห็นเป็นรอยคล้ำใต้ตา

-การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์

เพราะบุหรี่จะทำให้ขอบตาดำคล้ำยิ่งขึ้น และการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อาจทำให้เส้นเลือดใต้ผิวหนังขยายตัวจนเห็นเป็นรอยคล้ำใต้ดวงตา

-แสงแดด

แสงแดดอาจทำการกระตุ้นให้เกิดการผลิตเม็ดสีที่ผิวหนังเพิ่มมากขึ้น จนผิวหน้าบริเวณขอบตาดำคล้ำขึ้นได้

แก้ปัญหาเรื่อง “ขอบตาดำ” ยังไงดี

-จัดการกับความเครียด

เนื่องจากความเครียดอาจส่งผลให้มีปัญหาในการนอน การจัดการความเครียดและหาวิธีผ่อนคลายก็อาจช่วยให้นอนหลับสบายและพักผ่อนได้อย่างเพียงพอ

-ดื่มน้ำ

ควรดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ

-หลีกเลี่ยงแสงแดด

เพื่อไม่ให้แสงแดดกระตุ้นการสร้างเม็ดสีที่ผิวหนังมากเกินไป

-จัดหมอนรองนอน

ควรจัดหมอนหนุนรองนอนให้สูงขึ้น หรือหาหมอนใบอื่นมาหนุุนเพิ่ม เพื่อช่วยลดปริมาณของเหลวที่สะสมอยู่บริเวณใต้ตา

-ประคบเย็น

สำหรับการประคบเย็นนั้น เริ่มด้วยการใช้ผ้าแช่เย็นหรือแตงกวาหั่นแว่นแช่เย็นมาประคบบริเวณดวงตาและขอบตา ซึ่งความเย็นอาจช่วยแก้ปัญหาขอบตาดำได้ แต่แตงกวาถูกนำมาใช้เพื่อเพิ่มความเย็นแก่ผิวรอบดวงตาเท่านั้น ส่วนสารประกอบอื่น ๆ ในแตงกวาไม่ได้มีผลทำให้ขอบตาหายดำคล้ำได้แต่อย่างใด

-แต่งหน้า

ในการแก้ปัญหาด้วยการแต่งหน้านั้น ทำได้โดยทาผลิตภัณฑ์ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวบริเวณขอบตาแล้วใช้เครื่องสำอางทาปกปิดบริเวณรอยคล้ำดังกล่าว เพื่อป้องกันอาการตาแห้งที่อาจทำให้ขอบตาดำคล้ำกว่าเดิม

แต่อย่างไรก็ตาม การแต่งหน้าเป็นเพียงการอำพรางรอยคล้ำเท่านั้น ไม่ได้รักษาปัญหาขอบตาดำได้

-ใช้ยา

สำหรับการใช้ยา จะทำเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยที่ทำให้ขอบตาดำ เช่น ใช้ยาต้านฮิสตามีนเพื่อรักษาอาการแพ้ เป็นต้น

-เลิกดื่มแอลกอฮอล์และไม่สูบบุหรี่

เพื่อไม่ให้เส้นเลือดใต้ผิวหนังขยายตัวจนเห็นเป็นรอยคล้ำใต้ตา

รักษาขอบตาดำด้วยวิธีทางการแพทย์

ในขณะเดียวกัน นอกจากการดูแลตนเอง ผู้ที่ประสบปัญหาขอบตาดำอาจปรึกษาแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างเหมาะสม เช่น

-รักษาโรค

ควรรักษาโรคและการเจ็บป่วยที่เป็นสาเหตุทำให้ขอบตาคล้ำ เช่น โรคภูมิแพ้ หรือโรคหวัด เป็นต้น

-ศัลยกรรมเลเซอร์

ส่วนการทำศัลยกรรมนั้น จะทำด้วยการยิงเลเซอร์เพื่อกระชับผิวหนังที่หย่อนยาน กำจัดผิวหนังส่วนเกินของถุงใต้ตา และทำลายเม็ดสีบริเวณใต้ดวงตาที่เป็นรอยดำคล้ำ

แต่อย่างไรก็ตาม การศัลยกรรมเลเซอร์เป็นวิธีที่มีค่าใช้จ่ายสูง เสี่ยงเกิดแผลเป็นและการติดเชื้อ ทำให้เกิดความเจ็บปวดมาก และอาจต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการฟื้นตัว

-ฉีดฟิลเลอร์

วิธีนี้ เป็นวิธีที่อาจช่วยปกปิดความคล้ำของเม็ดสีและเส้นเลือดใต้ผิวหน้า โดยอาจช่วยปกปิดได้นานถึง 6 เดือน แต่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง และอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงตามมาได้ เช่น อาการบวม ช้ำ หรืออาการแพ้ เป็นต้น ซึ่งในบางครั้งการฉีดฟิลเลอร์ก็อาจทำให้ขอบตาดำคล้ำกว่าเดิม

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงประกอบจาก : Poppad.com


กำลังโหลดความคิดเห็น