xs
xsm
sm
md
lg

๑๗ เรื่องที่น่าสนใจ ในร่างกฎหมาย กัญชา กัญชง / ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ร่างพระราชบัญญัติ กัญชา กัญชง พ.ศ. …. ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรเสียงข้างมากได้ให้ความเห็นชอบรับหลักการในวาระที่ ๑ ตั้งแต่วันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๖๕ แล้วก็ได้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติ กัญชา กัญชง พ.ศ…..ซึ่งมีการประชุมต่อเนื่องจนถึงเมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๕ แม้จะยังร่างกฎหมายไม่แล้วเสร็จ แต่มีสาระสำคัญที่น่าสนใจดังนี้

ประการแรก มีการควบคุมกัญชาโดยการผสมผสานประยุกต์ใช้กฎหมายการควบคุมยาสูบและการควบคุมสุรา และกระท่อม ดังนั้น การควบคุมกัญชาจึงไม่ต่ำกว่าการควบคุมสุรา ยาสูบ และกระท่อม

ประการที่สอง แม้สำหรับประเทศไทยแล้วจะไม่ได้จัดให้กัญชาเป็นยาเสพติด แต่ยังคงให้สารสกัดที่มี THC (สารทำให้มึนเมา) เกินกว่าร้อยละ ๐.๒ เป็นยาเสพติด ดังนั้น สารสกัดของกัญชา กัญชงที่มีสาร THC เกินกว่าร้อยละ ๐.๒ ของน้ำหนักจะต้องไปดำเนินการตามประมวลกฎหมายยาเสพติด

ประการที่สาม คณะกรรมาธิการฯ ได้กำหนดให้มีการแบ่งพืชกัญชา กัญชง ออกจากกันเพื่อให้มีระดับการบริหารจัดการที่แตกต่างกัน โดยจะให้พิจารณาจากปริมาณสารที่ทำให้มีนเมา คือ สาร THC ในช่อดอกเป็นตัวแบ่งกัญชา(ควบคุมเข้มมากกว่า) และกัญชง (ควบคุมอ่อนกว่า) แต่ไม่ว่ากัญชาหรือกัญชงก็ยังคงจะต้องมีการควบคุมต่อไป

ประการที่สี่ คณะกรรมาธิการฯ ยังคงเห็นว่าทั้งกัญชา กัญชง โดยภาพรวมจะยังคงต้องปฏิบัติตามแนวทางของอนุสัญญาเดี่ยวว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ ค.ศ. ๑๙๖๑ โดยให้ใช้ประโยชน์ทางการแพทย์และทางวิทยาศาสตร์ และยังคงให้ใช้ประโยชน์ในฐานะเป็นพืชสวนครัว (Horticultural purposes) เพื่อใช้ประโยชน์ในครัวเรือนได้

โดยปรากฏหลักฐานการใช้ส่วนต่าง ๆ ของกัญชาในการประกอบอาหารในประวัติศาสตร์ตำราอาหารของประเทศไทยที่ใช้อย่างเหมาะสมและมีความปลอดภัย

สำหรับวัตถุประสงค์ในเชิงอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ โดยในด้านอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับใยไฟเบอร์ของพืชกัญชา กัญชง รวมถึงการพาณิชย์เพื่อสุขภาพและทางการแพทย์ และยังคงมีการให้มีไว้เพื่อการพาณิชย์ในรูปของอาหารและเครื่องดื่ม ภายใต้การควบคุมระดับความปลอดภัยในด้านอาหารตามกฎหมายที่เกี่ยวกับอาหารหลายฉบับ ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ควบคุมเข้มข้นกว่าอีกหลายประเทศที่ได้เปิดกัญชาในทางนันทนาการ ซึ่งรวมถึง หลายมลรัฐในสหรัฐอเมริกา, แคนนาดา, อุรุกกวัย, เนเธอร์แลนด์ ฯลฯ

ร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวจึงยึดประโยชน์โดยรวมของประเทศ ในเรื่องการใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ สุขภาพ และเศรษฐกิจ


ประการที่ห้า สำหรับการปลูกกัญชา และกัญชง “ในครัวเรือนจะห้ามขาย” จะใช้เพียงการ “จดแจ้ง” เท่านั้นและหน่วยงานที่รับจดแจ้งจะต้องทำให้แล้วเสร็จภายใน ๑ วัน โดยกำหนดให้กัญชาเพื่อใช้ในครัวเรือนได้ไม่เกิน ๑๕ ต้น ในขณะที่กัญชงที่ไม่มึนเมาและเน้นการใช้ใยผ้าและเมล็ดนั้นสามารถจดแจ้งใช้ในครัวเรือนได้ไม่เกิน ๕ ไร่ ให้ใช้การจดแจ้งโดยไม่ต้องขออนุญาตเช่นกัน
ประการที่หก สำหรับการปลูกกัญชา และกัญชง การผลิต การสกัด การแปรรูป และขาย “เพื่อธุรกิจ” จะต้องขออนุญาตทุกกรณี และหากภาครัฐได้รับเอกสารครบถ้วนทางคณะกรรมการอาหารและยาจะต้องอนุญาตให้แล้วเสร็จภายใน ๖๐ วัน

ประการที่เจ็ด การใช้กัญชา กัญชง หรือสารสกัด ที่เป็นวัตถุดิบที่มีกฎหมายอื่น ๆ ควบคุมดูแลอยู่แล้ว ก็ให้ดำเนินการตามกฎหมายฉบับนั้น ๆ ไป (ซึ่งปกติแล้วมาตรฐานของประกาศกระทรวงสาธารณสุข และการดูแลขององค์การอาหารและยา ตลอดจนกรมอนามัยนั้นมีมาตรฐานความปลอดภัยสูงอยู่แล้ว)

เช่น เป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรตามกฎหมายว่าด้วยผลิตภัณฑ์สมุนไพร เป็นยาตามกฎหมายว่าด้วยยา เป็นอาหารตาม กฎหมายว่าด้วยอาหาร เป็นเครื่องสำอางตามกฎหมายว่าด้วยเครื่องสำอาง หรือผลิตภัณฑ์อื่นใดตามที่มี กฎหมายเฉพาะบัญญัติไว้ รวมถึงการนำเข้า การส่งออก การขาย และการโฆษณา ซึ่งผลิตภัณฑ์ ดังกล่าวให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น

ประการที่แปด กฎหมายฉบับนี้ห้ามโฆษณา ช่อดอกหรือยางของกัญชา หรือสารสกัด รวมถึงเครื่องมือและอุปกรณ์ในการสูบกัญชาโดยเด็ดขาดไม่ว่าในรูปแบบใด อีกทั้งรวมถึงการห้ามโฆษณาส่วนอื่น ๆ ของกัญชาและกัญชงที่เกินจริงด้วย

ประการที่เก้า ห้ามขายกัญชา กัญชง สารสกัดให้กับเยาวชนอายุต่ำกว่า ๒๐ ปี สตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตร ซึ่งถือเป็นกลุ่มเปราะบางและมีบทลงโทษจำคุก ๑ ปีและปรับไม่เกิน ๑ แสนบาท ส่วนบทลงโทษในมาตราอื่น ๆ หากรกระทำกับกลุ่มเปราะบางดังกล่าวด้วย ให้มีบทลงโทษเพิ่มขึ้นเป็น ๒ เท่า

ประการที่สิบ มีการควบคุมวิธีการขาย (เช่น ห้ามขายด้วยตู้ขาย, ห้ามขายช่อดอกหรือยางกัญชาออนไลน์ ห้ามเร่ขาย ฯลฯ ), และสถานที่ห้ามขาย (เช่น วัด โรงเรียน หอพัก สวนสาธารณะ ฯลฯ)

ประการที่สิบเอ็ด ห้ามสูบกัญชาในสถานที่ต้องห้าม ซึ่งรวมถึง วัด, สถานที่สาธารณะ, สถานที่ราชการ, สถานศึกษา, สถานพยาบาล, หอพัก, สวนสาธารณะ, ร้านอาหาร รวมถึงสถานที่ซึ่งรัฐฐมนตรีประกาศกำหนดเพิ่มเติมได้โดยคำแนะนำของคณะกรรมการกัญชา กัญชง

ประการที่สิบสอง ห้ามผู้มีนเมาจากกัญชาขับยานพาหนะ หากฝ่าฝืนมีบทลงโทษจำคุก ๑ ปี ปรับไม่เกิน ๑ แสนบาท

ประการที่สิบสาม เปิดให้มีการปลูกเพื่อปรุงยาเพื่อผู้ป่วยเฉพาะรายได้ในสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาลโดยการจดแจ้ง (ไม่ต้องขออนุญาต)

ประการที่สิบสี่ บทลงโทษในความผิดเล็กน้อยมีตั้งแต่ปรับ ไปจนถึงโทษจำคุก โดยโทษสูงสุดคือกรณีการ “นำเข้า” กัญชากัญชงจากต่างประเทศโดยไม่ได้ขออนุญาตจะมีบทลงโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน ๕ ปี ปรับไม่เกิน ๕ แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ประการที่สิบห้า กฎหมายฉบับนี้อนุญาตให้สำหรับการบริโภคกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ได้ รวมถึงการสูบของผู้ป่วยในสถานพยาบาลของภาครัฐ และสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล โดยการอนุญาตของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์ ผู้ประกอบวิชาชีพโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนจีน

อีกทั้งยังให้คณะกรรมการกัญชา กัญชงสามารถให้ความเห็นชอบเพื่อให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขกำหนดเขตหรือสถานที่สูบกัญชาได้อย่างมีการควบคุมตามความจำเป็น โดยต้องมีการประกาศหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเอาไว้ในกฎกระทรวง (คณะรัฐมนตรีต้องให้ความเห็นชอบ)

ประการที่สิบหก ผู้ที่จะออกกฎกติกา หลักเกณฑ์ เงื่อนไข วิธีการ คือคณะกรรมการกัญชา กัญชง ซึ่งมีองค์ประกอบคือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานกรรมการ

โดยมีกรรมการโดยตำแหน่ง จำนวน ๑๖ คน ได้แก่ ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคม, และความมั่นคงของมนุษย์, ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, ปลัดกระทรวงพาณิชย์, ปลัดกระทรวง สาธารณสุข, อธิบดีกรมการแพทย์, อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก, อธิบดีกรมวิชาการเกษตร, อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์, อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร, อธิบดีกรมอนามัย, นายกแพทยสภา, นายกสภาการแพทย์แผนไทย, นายกสภาเภสัชกรรม, ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ, ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

นอกจากนี้ยังมีการกำหนดให้มีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน ๗ คน ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้มีความรู้ ความ เชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ ด้านกฎหมาย ด้านการเกษตรและพันธุ์พืช ด้านการตลาด ด้านการ คุ้มครองผู้บริโภค ด้านภูมิปัญญาท้องถิ่น ด้านวิจัยและพัฒนา และด้านสมุนไพร ด้านละหนึ่งคน ในจำนวนนี้ให้แต่งตั้งจากภาคเอกชนไม่น้อยกว่าสามคน

และให้เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยาเป็นกรรมการและเลขานุการ และให้ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยาแต่งตั้งข้าราชการในสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา จำนวนไม่เกินสองคนเป็นผู้ช่วยเลขานุการ

ประการที่สิบเจ็ด มีบทเฉพาะกาลสำหรับการเปลี่ยนผ่านสำหรับผู้ที่ได้รับใบอนุญาตกัญชา กัญชง ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษที่ได้ยกเลิกไปแล้ว ยังคงสามารถใช้ได้ต่อไปจนหมดอายุของใบอนุญาตนั้น

นอกจากนั้นทางกรรมาธิการอาจพิจารณาบทเฉพาะกาลสำหรับการคุ้มครองผู้สุจริตที่ได้ลงทะเบียนปลูกกัญชา กัญชงในเว็บไซต์ปลูกกัญขององค์การอาหารและยา ให้สามารถดำเนินการนั้นได้อีกสักระยะหนึ่งในช่วงการเปลี่ยนผ่านในการปฏิบัติตาม พระราชบัญญัติ กัญชา กัญชง

แม้ร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวจะเป็นความคืบหน้าของการพิจารณาของคณะกรรมาธิการฯดังที่กล่าวมาข้างต้น แต่ก็แสดงให้เห็นว่าการประกาศบังคับใช้กฎหมายโดยเร็ว ย่อมดีกว่าสถานการณ์ปัจจุบันอย่างแน่นอน

เหลือเพียงแต่ว่าสมาชิกรัฐสภาจะมีการปรับปรุงแก้ไขให้เร็วหรือจะยืดเยื้อออกไปนานเท่าไหร่นั้นไม่มีใครจะทราบได้จริง ๆ

ด้วยความปรารถนาดี
ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์



กำลังโหลดความคิดเห็น