xs
xsm
sm
md
lg

“ฝีดาษลิง” มหันตภัยเงียบที่กลับมาอีกครั้ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ใครจะไปคาดคิดได้ว่า “ฝีดาษลิง” ที่คิดว่าสูญพันธ์บนโลกนี้ไปแล้วนั้น จะกลับมาเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพของชาวโลกอีกครั้งจนได้ ซึ่งแน่นอนว่า ชาวโลกทั้งหลายต้องมีการตั้งรับทางภัยดังกล่าวนี้ขึ้นมาอีกครั้ง และไม่รู้ว่าโรคที่ว่านี้จะหมดสิ้นหรืออ่อนลงเมื่อไหร่ด้วยเช่นเดียวกัน

สำหรับโรคฝีดาษลิง หรืออีกชื่อที่เรียกว่า ไข้ทรพิษลิงนั้น เกิดมาจากไวรัสที่มีชื่อว่า Othopoxvirus ซึ่งอยู่ในตระกูลเดียวกันกับเชื้อไวรัสโรคฝีดาษ โดยจะมีการพบในสัตว์ตระกูลลิงและสัตว์ฟันแทะ โดยปัจจุบัน ยังไม่มีวิธีการรักษาหรือมีวัคซีนป้องกันโดยเฉพาะ แต่สามารถควบคุมการระบาดได้โดยการฉีดวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษ ซึ่งช่วยป้องกันภัยจากโรคนี้ได้ประมาณ 85 เปอร์เซนต์

หากถามให้ลงลึกอีกครั้ง ว่าโรคฝีดาษลิง มีความต่างจากโรคฝีดาษทั่วไปอย่างไร คำตอบก็คือ จะมีอาการที่สังเกตได้ คือ หลังจากที่สัมผัสเชื้อไปแล้วประมาณ 12 วัน ผู้ป่วยอาจมีอาการแสดง ได้แก่


ระยะก่อนออกผื่น

-จะเริ่มต้นด้วยมีอาการต่างๆ เช่น มีไข้ ปวดหัว ปวดตัว ปวดหลัง อ่อนเพลีย และต่อมน้ำเหลืองโต โดยเฉพาะอาการหลังสุด จะเป็นอาการที่สังเกตได้ของโรคฝีดาษลิง ซึ่งแตกต่างจากโรคอื่น ๆ ทั้งโรคอีสุกอีใส โรคหัด โรคฝีดาษ หรือไข้ทรพิษ 

-ในบางครั้งอาจมีอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร ท้องเสีย อาเจียน และอาการทางระบบหายใจ เช่น เจ็บคอ ไอ เหนื่อย ได้อีกด้วย


ระยะออกผื่น

-หลังจากมีอาการไข้ประมาณ 1-3 วัน จะเริ่มมีการแสดงผลออกมาทางผิวหนัง โดยจะมีลักษณะตุ่มผื่นขึ้น ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงตามลำดับ โดยเริ่มจากรอยแดงจุดๆ เป็นตุ่มนูนแดง ตุ่มน้ำใส ตุ่มน้ำหนอง และจากนั้นจะแห้งออกหรือแตกออกแล้วหลุด เรียงไปตามลำดับ

-โดยตุ่มที่เกิดขึ้นมานั้น มักจะมีความหนาแน่นที่ตรงบริเวณใบหน้า และแขนขา มากกว่าที่ร่างกาย

-ในระยะออกผื่น ผื่นจะกลายเป็นสะเก็ดคลุม แห้งและหลุดออกมา โดยใช้เวลาประมาณ 2-4 สัปดาห์

ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว อาการป่วยจะกินเวลาประมาณ 2-4 สัปดาห์ โดยส่วนใหญ่จะสามารถหายจากโรคเองได้ แต่ในกรณีผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ มีโรคประจำตัว อาจมีภาวะแทรกซ้อน เช่น ปอดบวม หรือเสียชีวิตได้

โรคดังกล่าวสามารถติดต่อจากคนสู่คนได้จากการสัมผัสใกล้ชิด โดยผ่านการสัมผัสทางผิวหนังกับผู้ติดเชื้อโดยตรง หรือสัมผัสวัตถุที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัสชนิดนี้ ซึ่งแม้ว่าโรคฝีดาษลิงจะมีโอกาสติดจากคนสู่คนได้น้อย แต่ผู้ป่วยที่ติดเชื้อนี้ก็สามารถเสียชีวิตได้ โดยมีอัตราการเสียชีวิต อยู่ที่ 1-10 เปอร์เซนต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเด็กเล็ก


วิธีป้องกันและห่างไกลโรคฝีดาษลิง

-หลีกเลี่ยงการไปสัมผัสกับสัตว์ที่ป่วยไม่สบาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สัตว์ที่เป็นพาหะโรคนี้โดยตรง เช่น ลิง กับ สัตว์ประเภทฟันแทะ

-หมั่นล้างมือด้วยสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์บ่อยๆ โดยเฉพาะหลังสัมผัสสัตว์ หรือสิ่งของสาธารณะ

-หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารคัดหลั่ง บาดแผล เลือด น้ำเหลืองของสัตว์

-ใส่หน้ากากอนามัย เมื่อต้องเดินทางไปยังสถานที่เสี่ยงมีการแพร่ระบาด

-หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารคัดหลั่ง แผล ตุ่มหนอง หรือตุ่มน้ำใส จากผู้มีประวัติเสี่ยง หรือสงสัยว่าติดเชื้อ กรณีที่สัมผัสเชื้อไปแล้ว ควรฉีดวัคซีนป้องกันในกรณีที่ยังไม่เกิน 14 วัน ซึ่งวัคซีนป้องกันไข้ทรพิษ สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อได้ แต่จะต้องฉีดในกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงติดเชื้อเท่านั้น และยังสามารถรับวัคซีนได้ภายหลังจากการได้รับเชื้อไม่เกิน 14 วัน

ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลศิครินทร์


กำลังโหลดความคิดเห็น