xs
xsm
sm
md
lg

สัญญาณอันตราย ที่เตือนว่าคุณกำลังจะเป็น “ต้อกระจก”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เพราะ “ดวงตา” เป็นหน้าต่างของหัวใจ และเป็นอวัยวะสำคัญสำหรับการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งการดูแลสุขภาพดวงตาจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก แต่ปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นอายุที่มากขึ้น การทำงานหน้าจอเป็นประจำ การใช้ยาสเตียรอยด์ หรือพฤติกรรมบางอย่างที่ส่งผลต่อดวงตา ก็อาจนำมาซึ่งปัญหาต่อสุขภาพดวงตาได้
 

โรคต้อกระจก เกิดจากเลนส์ตาเสื่อมสภาพจนมีความขุ่นมัวเกิดขึ้น แสงจึงผ่านเข้าไปในตาได้ไม่เต็มที่ ทำให้การมองเห็นไม่ชัดเจนหรือมีอาการพร่ามัวได้ 
โดยมักเกิดกับผู้สูงอายุ 40 ปีขึ้นไป แต่อาจมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลทำให้เกิดต้อกระจกได้ เช่น กรรมพันธุ์, โรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง, การใช้ยากลุ่มสเตียรอยด์เป็นระยะเวลานาน, การเกิดอุบัติเหตุที่ดวงตา, การฉายแสงรักษาโรคบริเวณที่ใกล้ดวงตา, การสูบบุหรี่, การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่มากเกินไป เป็นต้น 
ต้อกระจกในระยะเริ่มแรก อาจไม่มีอาการแสดงใด ๆ แต่หากเลนส์ตามีความขุ่นมัวมากขึ้น อาจพบอาการดังต่อไปนี้

•ตามัว มองเห็นไม่ชัดเจน

•สายตาไวต่อแสงจ้า


•มีปัญหาในการมองเห็นตอนกลางคืน


•มีปัญหาในการอ่านหนังสือ ต้องเพ่งสายตา


•มองเห็นแสงไฟกระจาย


•มองเห็นภาพซ้อน


•มองเห็นสีลดลง มองเห็นสีผิดเพี้ยนไปจากเดิม


•ระดับค่าสายตาเปลี่ยนบ่อย สายตาสั้นมากขึ้น


การรับมือกับ “โรคต้อกระจก”

-พักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน

-สวมแว่นตากันแดด เพื่อป้องกัน uv หรือ สวมแว่นกรองแสงขณะจ้องหน้าจอ

-รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ 
 
-งดการดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่

-ใช้เวลากับหน้าจอให้น้อยลง หรือพักสายตาจากหน้าจอบ้าง โดยทุก ๆ 1 ชั่วโมงควรละสายตาจากจอสัก 20 วินาที

-รับประทานอาหารที่มีวิตามินเอ วิตามินซี ลูทีนและซีแซนทีน เป็นต้น 

ทั้งนี้ควรตรวจสุขภาพตาอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อวัดความดันตา ตรวจเช็คจอประสาทตา และความผิดปกติอื่น ๆ ทางด้านสายตา เพื่อจะได้ทราบว่าคุณกำลังมีปัญหาสุขภาพดวงตาหรือไม่ จะได้รับมือได้ทันท่วงที

ข้อมูลอ้างอิงประกอบจาก :
 
โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ https://www.bumrungrad.com/th/health-blog/september-2020/cataract

 
เพจ อโรคยาวิถี Arokya Way



กำลังโหลดความคิดเห็น