เคยรู้สึกมั้ยว่า หากเราใช้ชีวิตปกติกันไป แล้วอยู่ ๆ ก็มีอาการเพียงเล็กน้อย แล้วก็ละเลยไป เพราะน่าจะเป็นอาการเล็กน้อย แต่ทราบหรือไม่ว่า อาการที่ว่านี้นั้น อาจจะเป็นสัญญาณเตือนของ “ภาวะความดันโลหิตสูง” ก็เป็นได้นะ ซึค่งหากปล่อยไว้ ก็อาจจะส่งผลเสียต่อร่างกายในภายหลังได้
สำหรับภาวะความดันโลหิตสูงนั้น เกิดมาจาก ความเปลี่ยนแปลงความดันในหลอดเลือดที่สูงขึ้น ซึ่งในปัจจุบัน ทางแพทย์ได้วินิจฉัยว่า ในภาวะความดันปกติ หากมีค่าวัดอยู่ที่เท่ากับหรือมากกว่า 140/90 มิลลิเมตรปรอท จะเป็นผู้ที่มีความดันโลหิตสูง ซึ่งถ้ามีการปล่อยทิ้งไว้ให้อยู่ในระดับนี้นาน ๆ อาจทำให้อวัยวะต่างๆในร่างกายเสื่อม เช่น
-มีโอกาสเป็นโรคหัวใจตีบตัน 3-4 เท่า
-เป็นโรคหลอดเลือดสมองตีบตัน 7 เท่าของผู้ที่มีความดันปกติ
-ถ้ามีการปล่อยทิ้งไว้อย่างต่อเนื่อง ค่าของความดันจะมีการเพิ่มขึ้นทุกๆ 10 มิลลิเมตรปรอทต่อปี
ชนิดของ 'ภาวะความดันโลหิตสูง'
1.ชนิดที่ไม่ทราบสาเหตุชัดเจน
โดยส่วนใหญ่เชื่อกันว่าเกิดจาก 2 สาเหตุ คือ กรรมพันธุ์หรือสิ่งแวดล้อม โดยส่วนใหญ่เกิดจากปัจจัยส่งเสริม เช่น ภาวะอ้วน เบาหวาน ทานอาหารเค็ม ดื่มสุรา สูบบุหรี่ เครียด เป็นต้น
2.ชนิดที่ทราบสาเหตุ
ส่วนที่เป็นแบบทราบสาเหตุนั้น เป็นผลมาจากที่เป็นโรคอื่นมาก่อนและมักต้องรักษาโรคที่เป็นสาเหตุด้วย เช่น เนื้องอกที่ต่อมหมวกไต ไตวายเรื้อรัง หลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงไตตีบ หลอดเลือดแดงใหญ่ตีบในส่วนของช่องอก รวมถึงผู้ที่ใช้ยาสเตียรอยด์เป็นประจำ ซึ่งมักพบในผู้ป่วยที่มีอายุน้อยกว่า 45 ปี
ปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง
ปัจจัยที่ควบคุมได้
1. การเกิดภาวะที่มีความอ้วนหรือมีน้ำหนักเกิน
2. ไขมันในเลือดสูง
3. ดื่มแอลกอฮอล์อย่างหนัก
4. กินเค็มเป็นประจำ
5. ขาดการออกกำลังกาย
6. มีภาวะดื้ออินซูลินหรือเป็นเบาหวาน
ปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้
1.ภาวะสืบเนื่องจากกรรมพันธุ์
โดยการสำรวจความถี่ในการเกิดโรค มีการพบว่า ผู้ที่มีพ่อแม่เป็นโรคความดันโลหิตสูง ผู้สืบทอดจะมีโอกาสและความเสี่ยงในการเป็นโรคความดันโลหิตสูงได้มากกว่าคนปกติทั่วไป
2.เพศและอายุ
ปัจจัยนี้ มาจากการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ซึ่งมีข้อมูลบ่งบอกว่า จะพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ในช่วงก่อนอายุ 50 ปี แต่เมื่ออายุเลย 50 ปี ผู้หญิงจะมีโอกาสเกิดโรคความดันโลหิตสูงมากกว่าผู้ชาย เนื่องจากผู้หญิงมีฮอร์โมนเอสโทรเจนลดลง ซึ่งมีผลต่อความยืดหยุ่นของเส้นเลือด ส่วนในผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป พบความดันโลหิตสูงเท่ากันทั้ง 2 เพศ
อาการ
สำหรับระยะอาการแรกเริ่มนั้น โดยส่วนใหญ่มักจะไม่แสดงอ่าการออกมาแต่อย่างใด แต่ในบางครั้งก็มีการส่งสัญญาณผ่านทางอาการออกมาบ้าง เช่น มีการปวดท้ายทอย, มีอาการตึงที่บริเวณต้นคอ, เวียนศีรษะ, ในบางรายอาจจะมีการปวดศีรษะในลักษณะปวดหัวตุบๆ เหมือนไมเกรน
แต่หากปล่อยอาการไปถึงขั้น เช่น อ่อนเพลีย, เหนื่อยง่าย, ใจสั่น หรือนอนไม่หลับ นั่นเป็นสัญญาณเตือนในระดับหนึ่งของ “โรคความดันโลหิตสูง” ได้ ซึ่งถ้ามีอาการในระดับที่รุนแรงขั้นโคม่า ก็อาจจะเสียชีวิตได้เช่นกัน
การดูแลสุขภาพ ให้ห่างไกล “ภาวะความดันโลหิตสูง”
-ออกกำลังกายในลักษณะที่มีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา อย่างน้อยซัก 15-30 นาที ต่อวัน ประมาณ 3-6 วัน ต่อสัปดาห์
-ลดปริมาณในการดื่มแอลกอฮอล์ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
-งดสูบบุหรี่
-ลดความเครียด เพื่อให้มีสุขภาพจิตที่ดี
-งดทานอาหาร เช่น รสเค็มจัด อาหารมัน แล้วเพิ่มผลไม้ ธัญพืช ปลา นมไขมันต่ำ ถั่ว และ อาหารที่มีไขมันอิ่มตัว หลีกเลี่ยงเนื้อแดง น้ำตาล และเครื่องดื่มประเภทรสหวาน
-ในการใช้ยานั้น ควรปรึกษาแพทย์ในเรื่องของการใช้ยา เพราะยาบางตัว อาจทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูงได้
ขอบคุณข้อมูลจาก : กรมวิทย์.com, ramachannel และ เพจ อโรคยาวิถี Arokya Way