กี่เข็มถึงจะพอ? เชื่อว่าหลายคนต้องเคยคิดแบบนี้ ภายใต้สถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสซึ่งไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดลงง่าย ๆ เนื่องจากวัคซีนที่ฉีดเข้าไป ไม่ว่าจะ 2 เข็ม 3 เข็ม หรือ 4 เข็ม อาจจะช่วยลดอาการรุนแรงได้ แต่ก็ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ ขณะที่หลายคนพยายามมองหาตัวเลือกเพิ่มในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันด้วยการรับประทานวิตามินหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
หนึ่งในบรรดาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทั้งหมดที่กำลังถูกจับตาว่า “มีความน่าสนใจ” และอาจจะมีศักยภาพมากที่สุดในช่วงการเกิดโรคระบาดนี้ ก็คือ “เควอซิติน" (Quercetin) ซึ่งเรื่องที่น่ายินดีมากสำหรับคนไทยเราก็คือ หนึ่งในพืชที่มี “สารเควอซิติน” ปริมาณมาก ได้แก่ “หอมแดง” ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่สามารถหายได้ง่ายในประเทศไทย (ส่วนพืชที่มีสัดส่วนเควอซิตินมากที่สุดคือ เอลเดอร์เบอร์รี่ (Elder-Berry) แต่หายากในประเทศไทย หรือแถบร้อนชื้น)
จากข้อมูลในตำรายาแผนโบราณ ระบุถึงสรรพคุณและการใช้ “หอมแดง” ไว้ว่า ใช้หัวแก่จัด ๆ กินเป็นยาขับลมในลำไส้ แก้ปวดท้อง บำรุงธาตุ แก้หวัดคัดจมูก ...
ทำไมคนโบราณถึงใช้หอมแดงแก้โรคหวัด? คำตอบนี้เกิดขึ้นเมื่อคนรุ่นหลังมาทำการวิจัยและพบว่า ในหอมแดงนั้นมีสาร “เควอซิติน” อยู่จำนวนมาก
โดยหลัก ๆ “เควอซิติน” นั้นมีสรรพคุณในการช่วยลดความเสี่ยง ความรุนแรง หรือลดการอักเสบในการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจส่วนบน ซึ่งตรงกับอาการซึ่งเกิดจากไวรัสที่กำลังระบาดอยู่ในเวลานี้ โดยวารสารการวิจัยทางเภสัชวิทยาที่มีชื่อว่า Pharmacological Research ฉบับเดือนพฤษภาคม 2553 ระบุว่า
“สำหรับผู้ที่มีอายุเกินกว่า 40 ปีขึ้นไป (ผู้สูงวัย) และมีความแข็งแรง จำนวน 325 คนพบว่า เมื่อรับประทาน “เควอซิติน” ในฐานะเป็นอาหารเสริม 12 สัปดาห์ จะลดความรุนแรงของการติดเชื้อในปอดได้ถึง 36% และลดจำนวนวันที่ป่วยลง 31%”
ดังนั้น การกิน “เควอซิติน” ในฐานะผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจึงน่าจะเป็นประโยชน์ในสถานการณ์ปัจจุบัน
นอกจากนั้น เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2563 วารสารด้านด้านภูมิคุ้มกันวิทยาชื่อ Frontier in Immunology ได้เผยแพร่บทความงานวิจัยที่ค้นพบว่า ถ้าใช้ “เควอซิติน” ร่วมกับ “วิตามินซี” ในช่วงสถานการณ์การเกิดโรคระบาดแล้ว จะสามารถร่วมกันทำงานเสริมฤทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในด้านการต้านไวรัส และการควบคุมความสมดุลของระบบภูมิคุ้มกันยิ่งกว่าเดิม
ทั้งนี้ จากงานวิจัยในมนุษย์ที่มีอยู่ในหลายประเทศ พบว่า การบริโภควิตามินซี หรือการบริโภควิตามินซีผสมกับซิงค์ ทั้งสองอย่างไม่ได้ช่วยทำให้ลดอัตราการเสียชีวิตจากการติดเชื้อโรคระบาด และไม่ได้ทำให้ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อลดลง
ดังนั้น “เควอซิติน” ต้องเป็นหลัก ส่วน “วิตามินซี” และ “ซิงค์” เป็นส่วนเสริมฤทธิ์เควอซิตินเท่านั้น
กล่าวสำหรับ “วิตามินซี” ถือเป็นอีกหนึ่งไอเท็มเสริมสุขภาพที่สำคัญ เนื่องจากมีส่วนช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้สุขภาพแข็งแรงได้ ช่วยสร้างเม็ดเลือดขาว และป้องกันการเป็นหวัดได้อย่างดี แต่การบริโภควิตามินซีมาก ๆ แต่เพียงอย่างเดียว จนเกินขนาด ก็อาจทำให้เกิดอาการท้องร่วง คลื่นเหียน และเป็นตะคริวที่ท้อง รวมไปถึงการทำให้ระดับน้ำตาลต่ำหรือสูงผิดปกติในผู้ป่วยเบาหวาน และในผู้ป่วยที่มีธาตุเหล็กในเลือด อาจทำให้มีธาตุเหล็กเกิน ซึ่งอาจทำให้ทำลายเนื้อเยื่อในร่างกายด้วย
ขณะที่ “ซิงค์” (Zinc) หรือแร่ธาตุสังกะสี มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเร่งปฏิกิริยาของเอ็นไซม์กว่า 100 ชนิด และเป็นแร่ธาตุที่สำคัญในกระบวนการระบบภูมิคุ้มกันหลายชนิด ช่วยต้านไวรัส และช่วยลดการอักเสบ และยังช่วยปกป้องเยื่อบุผิวของทางเดินหายใจ และที่สำคัญคือเป็นแร่ธาตุที่ช่วยทำให้ประสาทสัมผัสในเรื่อง “กลิ่น” และ “รสชาติ” ให้เป็นปกติ ซึ่งตรงกับอาการของไวรัสในปัจจุบันที่มักจะทำให้ผู้ป่วยสูญเสียการได้กลิ่นและรับรส
งานวิจัยของคณะวิจัยชาวสเปน ได้เผยแพร่งานวิจัยชื่อ “Low Zinc Levels at Admission Associated with Poor Clinical Outcomes in SARS-CoV-2 Infection” ในวารสารทางโภชนาการชื่อ Nutrients เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2564 โดยเป็นการศึกษาประชากรผู้ป่วยโรคระบาดนี้ 249 คนอายุเฉลี่ย 65 ปี พบว่าคนที่ตรวจเลือดแล้วพบซิงค์ต่ำกว่า 50 ไมโครกรัมต่อเดซิลิตร จะป่วยด้วยโรคระบาดนี้รุนแรงกว่า นานกว่า และเสียชีวิตมากกว่า คนที่มีซิงค์ในกระแสเลือดปกติ
งานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งซึ่งมีความสำคัญมากไม่แพ้กัน คืองานวิจัยของคณะวิจัยในมลรัฐนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ที่ตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ด้านจุลชีววิทยา ชื่อ Journal of Medical Microbiology ได้เผยแพร่งานวิจัยเมื่อเดือนกันยายน 2563 ในการสำรวจกลุ่มผู้ป่วยโรคระบาดจำนวน 932 คน ที่ใช้ยารักษาปกติ แต่กลุ่มหนึ่งได้รับซิงค์ อีกกลุ่มหนึ่งไม่ได้รับซิงค์
ผลปรากฏว่าการให้อาหารเสริม “ซิงค์” กับผู้ป่วยนั้น พบว่า ถ้ารับประทานซิงค์ตั้งแต่เนิ่น ๆ หรือตั้งแต่ป่วยอาการน้อยไม่แสดงอาการ ซิงค์จะช่วยลดความรุนแรงของโรค และลดอัตราการตายได้ จากข้อมูลนี้ จึงทำให้เราเห็นว่า ถ้าเรากินซิงค์เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารตั้งแต่ยังไม่ป่วย ไม่ให้ขาดซิงค์ตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็อาจจะดีกว่าการมากินเมื่อตอนที่ป่วยแล้ว
อย่างไรก็ดี ต้องเน้นย้ำอีกครั้งว่า “เควอซิติน” นั้นต้องเป็นตัวหลัก ส่วน “วิตามินซี” และ “ซิงค์” เป็นส่วนเสริมฤทธิ์เควอซิติน เมื่อทั้งสามประกอบกัน จึงเปรียบเสมือน 3 ทหารเสือ ผู้ดูแลภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรง
.
มาเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแกร่งไปด้วยกันได้แล้ว ที่นี่ คลิกเลย
>>> https://www.lazada.co.th/shop/baan-phra-athit-herb/
>>> https://shopee.co.th/baanphrarthit_herb