xs
xsm
sm
md
lg

วิตามินตัวไหน? ที่ร่างกายขาดแล้วทำให้ป่วย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หากมีการถามคร่าว ๆ ว่า ‘วิตามิน’ มีประโยชน์ต่อร่างกายเพียงใด หลาย ๆ คนอาจจะเห็นด้วยกับสิ่งนี้อยู่ไม่มากก็น้อย แต่ในขณะเดียวกันนั้น หากเปลี่ยนคำถามที่ว่า วิตามินอะไรที่ถ้าร่างกายขาดแล้วจะส่งผลเสียบ้าง เชื่อว่าหลาย ๆ คน ก็อาจจะสงสัยอยู่เช่นกัน ฉะนั้นแล้ว เรามาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กัน

โดยคร่าว ๆ หากมีการตั้งคำถามถึงวิตามินแล้ว วิตามินก็คือสารอาหารที่ร่างกายจำเป็นต้องมีในปริมาณน้อย แต่ไม่สามารถขาดได้ เนื่องจากเพื่อให้เซลล์ในร่างกายทำงานได้ปกติ ซึ่งการขาดวิตามินทำให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานผิดปกติและเกิดโรคต่าง ๆ ได้ ถามว่าร่างกายควรรับวิตามินมากน้อยแค่ไหน คำตอบคือ ร่างกายไม่ได้ต้องการวิตามินในปริมาณมาก แต่ต้องการทุกวัน คนส่วนใหญ่ที่กินอาหารที่มีประโยชน์ครบถ้วนทั้ง 5 หมู่มักจะได้รับวิตามินเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน


วิตามินใดที่ร่างกายไม่ควรขาดอย่างยิ่ง

วิตามินซี

วิตามินซีจะช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็กจากอาหาร ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน และทำให้แผลหายเร็วขึ้น อาหารที่มีวิตามินซีสูง ได้แก่ บร็อคโคลี่ มันฝรั่ง พริกหวาน ผักโขม มะละกอ มะม่วง สตรอเบอร์รี่ ฝรั่ง ส้ม

วิตามินดี

ช่วยในการดูดซึมแคลเซียมและป้องกันโรคที่เกี่ยวกับกระดูก โดยปกติร่างกายสามารถสังเคราะห์วิตามินดีได้เมื่อได้รับแสงแดด สำหรับผู้สูงอายุที่ไม่ได้รับแสงแดด ร่างกายอาจจะสร้างวิตามินดีได้ไม่เพียงพอ ฉะนั้น ควรรับประทานอาหารประเภทธัญพืช เห็ด และดื่มนมที่เสริมวิตามินดีเป็นประจำ

วิตามินเอ

ด้านวิตามินเอ จะช่วยรักษาสายตาของผู้สูงวัยไม่ให้เสื่อมสภาพเร็ว ช่วยการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อและระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย แหล่งของวิตามินเอในอาหาร ได้แก่ ผักโขม แครอท มันเทศ ฟักทอง มะละกอ มะม่วงสุก 

วิตามินอี

ส่วนวิตามินอีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดี ช่วยป้องกันเซลล์ในร่างกายไม่ให้ถูกทำลาย วิตามินอีพบมากในอะโวคาโด ถั่วต่างๆ เมล็ดทานตะวัน เนยถั่ว งา และน้ำมันสำหรับปรุงอาหารทุกชนิด

แคลเซียม

สำหรับแคลเซียมนั้น จะช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนและสร้างมวลกระดูกให้มีความหนาแน่น โดยผู้สูงอายุต้องการแคลเซียมอย่างน้อยวันละ 1,000 มิลลิกรัม ส่วนอาหารที่เป็นแหล่งของแคลเซียม ได้แก่ นมถั่วเหลืองเพิ่มแคลเซียม นมสด ผลิตภัณฑ์จากนม เช่น โยเกิร์ต นมเปรี้ยวไม่หวานจัด ถั่วเหลือง ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง เช่น ฟองเต้าหู้ ปลาตัวเล็กที่รับประทานได้ทั้งกระดูก, ผักใบเขียวเข้ม ผักสีส้ม เช่น คะน้า กวางตุ้ง ตำลึง ใบยอ ฟักทอง แครอท


เสริมวิตามินกับร่างกายอย่างไรให้ได้ประโยชน์

เพราะในความเป็นจริงแล้ว คนโดยส่วนใหญ่ อาจจะได้รับวิตามินและแร่ธาตุไม่ครบทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตแบบไหนก็ตามที บวกกับกระบวนการทำอาหารระหว่างทางที่อาจทำให้สูญเสียสารอาหารบางอย่างไปได้ ฉะนั้นวิธีเสริมวิตามินและแร่ธาตุที่มีประสิทธิภาพจึงมักมาจาก 3 แหล่งหลักๆ คือ

-ผักและผลไม้ เช่น ผักโขม พริกหวาน มันฝรั่ง มะละกอ สตรอว์เบอร์รี ฝรั่ง ส้ม และถั่วต่างๆ

-การรับประทานวิตามินและแร่ธาตุเสริม ซึ่งเป็นตัวช่วยที่ดีของผู้ที่มีเวลาดูแลตัวเองน้อย

-วิตามินจากธรรมชาติ

โดยการออกไปรับวิตามินดีฟรีๆ ผ่านแสงแดด เป็นการเพิ่มระดับวิตามินดีให้ร่างกายที่สามารถทำได้ง่ายๆ ทุกวัน รวมถึงการเดินเหยียบหญ้าในตอนเช้าก็สามารถช่วยกระตุ้นความสดชื่น กระปรี้กระเปร่า พร้อมรับอากาศบริสุทธิ์ไปในตัวอีกด้วย


ผลเสียในการรับวิตามินที่มากเกินไป

แม้ว่าวิตามินจะมีประโยชน์ต่อร่างกายมากขนาดไหนก็ตาม แต่ถ้าได้รับที่มันมากเกินไปแล้ว อาจจะส่งผลเสียต่อร่างกายได้ด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างง่ายๆ คือ การทานอาหารเสริมหลายอย่างอาจจะได้รับวิตามินและแร่ธาตุซ้ำกันจนได้รับเกินขนาด เช่น ได้รับธาตุเหล็กมาเกินไปจะเพิ่มความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ ได้รับวิตามินเอมากเกินไปก็เป็นพิษต่อตับ

ฉะนั้นแล้ว การได้รับแร่ธาตุบางอย่างมากเกินไปก็จะรบกวนการดูดซึมของแร่ธาตุอีกชนิดหนึ่ง ทำให้ตัวหนึ่งขาด ตัวหนึ่งเกิน การทานสารสกัดจากพืชบางชนิดในปริมาณมากเป็นเวลานานอาจเกิดปัญหากับตับและไตได้ด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก : ซิกน่า, โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต และ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์


กำลังโหลดความคิดเห็น