xs
xsm
sm
md
lg

“ตากระตุก” อาจเป็นได้มากกว่าเรื่องโชคลาง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ตากระตุก อาจไม่ใช่สัญญาณเตือนลางร้าย แต่กำลังเตือนเรื่องสุขภาพของคุณได้ ถึงแม้ว่าหลายคน อาจจะมีความคิดเกี่ยวกับโชคลางมานำหน้าก่อน แต่อาการดังกล่าวนี้ อาจจะมีอะไรที่มากกว่าสิ่งดังกล่าวก็เป็นได้

ตากระตุก คืออาการที่เปลือกตาที่มีการขับเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ซึ่งในอาการแต่ละครั้งนั้น อาจไล่ไปตั้งแต่มีอาการเพียงเล็กน้อย ไปจนถึงเกิดอาการถี่ ๆ จนทำให้เกิดความรำคาญ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้บ่อย ๆ ทั้งบริเวณเปลือกตาบนและเปลือกตาล่าง แต่ส่วนใหญ่จะเกิดในบริเวณเปลือกตาบน ซึ่งโดยทั่วไปอาการตากระตุกนั้นมักเป็นอาการที่ไม่รุนแรง ไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดและมักไม่เป็นอันตราย สามารถเกิดขึ้นและหายได้เองในเวลาอันสั้น แต่ในบางกรณีอาการอาจรุนแรงและไม่สามารถหายเองได้ เช่น อาการตากระตุกเกร็งจนทำให้เปลือกตาด้านบนปิดลงมา หรืออาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายแรงบางอย่างได้ด้วยเช่นกัน อาทิ โรคอัมพาตใบหน้า หรือ โรคกล้ามเนื้อบิดเกร็ง เป็นต้น

หากจะถามว่า สาเหตุของตากระตุกนั้น มันมาจากอะไร โดยภาพีรวมแล้ว อาจจะไม่เป็นที่แน่ชัดนัก แต่ทางการแพทย์ก็สรุปสันนิษฐานคร่าว ๆ ว่า อาจจะมีความสัมพันธ์กับการทำงานของสมองส่วนที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อที่ผิดปกติโดยมาจากความเครียด การอดนอน, การบริโภคคาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์มากเกินไป หรือรวมไปถึงสาเหตุต่าง ๆ เช่น

-เกิดการระคายเคืองที่ตาหรือเปลือกตาด้านใน
-ตาล้า หรือ แห้ง
-มีการเวียนศีรษะ
-ออกกำลังกาย
-เผชิญกับแสงสว่าง และ ลม
-การสูบบุหรี่
-มีผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิด


การวินิจฉัยตากระตุก

ถ้าหากมีอาการตากระตุกต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานเป็นสัปดาห์ หรืออาการแย่ลงจนสร้างความรำคาญให้กับตนเอง ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย โดยทางแพทย์นั้นจะวินิจฉัยด้วยการตรวจตาอย่างละเอียดเพื่อจำแนกโรคตาอื่น ๆ และภาวะที่มีอาการใกล้เคียงกัน เช่น ตาแห้ง ตาไวต่อแสง หรืออาการกระตุกที่ลามลงมายังส่วนอื่น ๆ ของใบหน้าหรือหากเกี่ยวข้องกับกล้ามส่วนต่าง ๆ ของใบหน้า ควรจะต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม

นอกจากนี้ หากทางแพทย์มีการสงสัยว่าอาการตากระตุกมีสาเหตุเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของสมองหรือระบบประสาท แพทย์จะตรวจสอบหาสัญญาณหรืออาการอื่น ๆ เพิ่มเติม รวมไปถึงอาจส่งตัวไปให้แพทย์ระบบประสาทหรือผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาทโดยเฉพาะ


อย่างไรก็ตาม ถ้ามีอาการตากระตุกในระยะที่เพิ่มขึ้นดังต่อไปนี้ ควรที่จะไปพบแพทย์ โดยอาการที่ว่านี้คือ

-มีอาการตากระตุกติดต่อกันเป็นเวลา 2 สัปดาห์ หรือนานกว่านั้น

-มีตำแหน่งที่เกิดตากระตุกเพิ่มขึ้นจากบริเวณเดิม หรือ เป็นเพิ่มไปอีกข้างหนึ่ง เช่น ตาข้างซ้ายกระตุก แล้วตาข้างขวากระตุก หรือเป็นตรงบริเวณอื่นๆ ของใบหน้า

-บริเวณที่เกิดตากระตุกมีอาการอ่อนแรงหรือหดเกร็ง

-มีอาการบวม แดง หรือมีสารคัดหลั่งไหลออกมาจากดวงตา

-เปลือกตาบวม แดง หรือมีขี้ตา

-เกิดการบาดเจ็บที่กระจกตา


หากเกิดอาการตากระตุกแล้ว ควรทำอย่างไร

-นอนหลับให้เพียงพอ
-ลดการใช้โทรศัพท์มือถือ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ลง
-ลดเครื่องดื่มประเภทต่าง ๆ ได้แก่ เครื่องดิ่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชา, กาแฟ และ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
-งดสูบบุหรี่
-พยายามหาสิ่งที่ผ่อนคลาย ไม่เครียด
-ทำการนวดบริเวณรอบดวงตา หรือ ทำการประคบอุ่นรบดวงตา ซัก 10 นาที
-หากเกิดอาการตาแห้ง หรือ ระคายเคืองตา สามารถหยอดน้ำตาเทียมได้

ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลสมิติเวช และ pobpad.com


กำลังโหลดความคิดเห็น