แน่นอนว่า อาการป่วยของโรคโควิด-19 นั้น ย่อมมีความแตกต่างกันออกไป แล้วแต่ละคน แต่ถ้าเชื้อไวรัสลงสู่ปอดแล้ว อาจจะมีอาการที่มากกว่าแค่อาการหวัด บางรายอาจจะมีถึงขั้นอาการลงปอดเลยก็ได้ทีเดียว ฉะนั้น มาสังเกตอาการคร่าว ๆ ว่า หากเชื้อโควิด-19 ลงปอดแล้วหรือยังนั้น เป็นอย่างไร และควรจะทำอย่างไร
วิธีสังเกตว่าเชื้อลงปอดแล้วหรือยัง
-มีอาการไข้มากกว่า 37.5 องศาเซลเซียสขึ้นไป
-มีอาการไอ ไม่ว่าจะเป็นทั้งไอแห้ง หรือ ไอแบบมีเสมหะ
-มีการหายใจลำบาก หรือ หายใจได้แบบไม่เต็มปอด
-มีการเหนื่อยหอบเมื่อมีการออกแรงเล็กน้อย เช่น เดินขึ้นลงบันได หรือ ออกกำลังกายเบา ๆ
-แน่นหน้าอก
วิธีทดสอบอาการเหนื่อย
โดยทาง รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ นิธิพัฒน์ เจียรกุล นายกสมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทย ได้ให้ข้อมูลวิธีทดลองอาการเหนื่อย หรือ Sit-to Stand test ว่า มีอาการเหนื่อยผิดปกติหรือไม่ ซึ่งทำการได้โดยทำการลุกนั่งจากเก้าอี้โดยไม่จับเก้าอี้โดยไม่จับเก้าอี้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 1 นาที แล้วสังเกตอาการรวมถึงทำการวัดค่าออกซิเจนหลังทำ ถ้าวัดค่าออกซิเจนหลังทำการลุกนั่งแล้วได้ค่าต่ำกว่า 95 เปอร์เซ็นต์ อาจจะเป็นสัญญาณว่าเชื้อโควิด-19 นั้น ลงปอดแล้วเรียบร้อย
เมื่อเชื้อโควิด-19 ลงปอดก็ต้องดูแลตนเอง
ถ้าทราบว่าเชื้อโควิด-19 มีการลงปอด จะทำการดูแลตนเองอย่างไร เรื่องนี้ ทาง นายแพทย์ธนีย์ ธนัยวัน อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับโรคปอด ได้ให้คำแนะนำดังนี้
-ควร ‘นอนคว่ำ’ ในระหว่างรอเตียง
ซึ่งการนอนคว่ำนั้น เพื่อไม่ให้ปอดมีการกดทับ และทำงานได้ดีขึ้น โดยทำการนอนคว่ำกอดหมอนไว้ที่หน้าอก เพื่อให้นอนสบายขึ้น ซึ่งหากบางรายหายใจไม่ออก ให้นอนกึ่งตะแคงกึ่งคว่ำ 45 องศามาทางเตียง
หากในกรณีที่ตั้งครรภ์ ให้ทำการนอนตะแคงทางด้านซ้าย เพราะอาจจะทำให้น้ำหนักของมดลูกไม่ไปกดเส้นเลือดดำใหญ่ ทำให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก
-ทำการขยับขาบ่อย ๆ เพื่อป้องกันการเกิดลิ่มเลือด
ให้มีความพยายามขยับขาบ่อยๆ เพื่อให้เลือดไหลเวียนสะดวก และป้องกันการเกิดลิ่มเลือด เช่น ยืดงอขา หรือยืดเหยียดปลายเท้า เป็นต้น
-ดื่มน้ำมาก ๆ รับประทานอาหารให้เพียงพอ
ให้ดื่มน้ำในประมาณ 2 – 2.5 ลิตรต่อวัน แต่อย่าดื่มมากเกินไปเพราะจะส่งผลเสียทำให้เกลือแร่ในร่างกายเจือจางลง ขณะเดียวกัน ถ้ายังสามารถรับประทานอาหารได้ ให้พยายามรับประทานให้เพียงพอ แต่ถ้าเป็นในกรณีที่ทานอาหารไม่ได้เลย ให้ทำการดื่มน้ำเกลือแร่ทดแทน
-รับประทานยาประจำตัวอย่างสม่ำเสมอ
ไม่ควรงดการทานยาประจำตัว อย่าขาดยา แต่ถ้ามีโรคประจำตัวที่ต้องรับประทานยาขับปัสสาวะอยู่ แล้วดื่มน้ำไม่ได้ ตรงนี้ให้งดยาไปก่อน
ขณะเดียวกัน ถ้ามีการทานยาประเภทโรคความดันโลหิตสูงอยู่ ควรทำการวัดความดันบ่อยๆ ถ้าพบว่าความดันต่ำกว่า 90/60 ควรงดยาความดันโลหิตสูง เพราะไม่ควรให้ความดันต่ำไปกว่านั้น ซึ่งถ้าความดันต่ำมากจะอันตราย อาจช็อกหรือหมดสติได้
แต่ถ้าหากทานยาประเภทโรคเบาหวานอยู่ ควรตรวจน้ำตาลสม่ำเสมอ ๆ พยายามมีการตรวจ 4 เวลาแล้วจดไว้ ถ้าพบว่าน้ำตาลต่ำประมาณ 100 และทานอาหารไม่ได้ ทานได้น้อย ควรงดฉีดอินซูลิน หรืองดยากลุ่มที่ลดน้ำตาลในเลือด เพราะถ้ามีภาวะน้ำตาลต่ำในขณะที่ป่วยโควิดจะเป็นอันตรายได้
-เตรียมยาพาราเซตามอล ไว้รับประทานเวลามีไข้
ถ้ามีไข้ ให้รับประทานยาพาราเซตามอลเท่านั้น หากเริ่มมีไข้ต่ำๆ ให้รับประทานพาราฯ ได้เลย อย่ารอให้ไข้สูงหรือหนาวสั่น เพราะจะยิ่งทำให้ร่างกายอ่อนแอ *แต่ไม่แนะนำให้รับประทานยาลดไข้กลุ่ม NSAID เช่น ibuprofen, naproxen, mefenamic acid (Ponstan), diclofenac (Voltaren) เพราะอาจทำให้ไตวายได้*
ขณะเดียวกัน ทางด้านยาสมุนไพร เช่น ฟ้าทะลายโจร/กระชายขาว รับประทานได้แต่ต้องทานตามปริมาณกำหนดของกรมการแพทย์แผนไทย เพราะถ้าทานเกินปริมาณกำหนดอาจทำให้ตับวายได้
ส่วนผู้ป่วยโรคตับ ห้ามรับประทาน เพราะอาจทำให้ตับวายได้ หรือผู้ที่แพ้ยาพาราเซาตามอล แนะนำให้เช็ดตัวเพื่อลดไข้
-ถ้าเหนื่อยมาก อย่าเข้าห้องน้ำ
ถ้ามีอาการเหนื่อยมาก อย่าไปเข้าห้องน้ำ เพราะการเบ่งถ่าย และลุกนั่งอาจทำให้เป็นลมหมดสติ หรือหัวใจหยุดเต้นได้ ควรขับถ่ายบริเวณข้างเตียงเลยดีที่สุด ใช้กระโถน กระดาษ หรืออะไรที่หาได้
หากมีความจำเป็นที่จะเข้าห้องน้ำ ห้ามล็อกประตูเด็ดขาด และควรบอกคนอื่น ๆ ในครอบครัวด้วย เนื่องจากมีหลายรายที่เหนื่อยแล้วไปเข้าห้องน้ำ เกิดเป็นลมและหัวใจหยุดเต้น
เช่นเดียวกัน ส่วนที่สำคัญที่สุด คือ ควรหมั่นมีการติดต่อญาติ ครอบครัว หรือคนใกล้ชิดอย่างสม่ำเสมอ