xs
xsm
sm
md
lg

หลากหลายคุณประโยชน์ กับ “วิตามินบี”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



‘วิตามินบี’ เรียกได้ว่าเป็นวิตามินยอดนิยม ที่เอามาใช้เพื่อเป็นประโยชน์ให้กับใครหลายคน ฉะนั้นแล้วเรามาดูคุณสมบัติคร่าวๆ ของวิตามินชนิดนี้กัน


หน้าที่ของวิตามินบี

-วิตามินบี 1

ทำหน้าที่เผาผลาญน้ำตาลที่ทานเข้าไปให้เกิดพลังงาน ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง และ อาการเหน็บชา ช่วยบำรุงประสาท กล้ามเนื้อ ช่วยให้หัวใจเป็นปกติ

-วิตามินบี 2

ถือว่ามีประโยชน์สำหรับเด็กที่กำลังเจริญเติบโต เพราะช่วยป้องกันการเกิดแผลในช่องปาก รวมถึงโรคปากนกกระจอก ช่วยป้องกันการเกิดไมเกรน และยังช่วยให้ผิวหนัง เล็บ เล้นผมมีสุขภาพดี และลดการเกิดมะเร็งหลอดอาหาร

-วิตามินบี 3

วิตามินชนิดนี้มีส่วนช่วยเผาผลาญอาหาร ทำให้เกิดพลัง และสร้างไขมันในร่างกาย และยังช่วยทำลายสารพิษจากควันบุหรี่ มลพิษ รักษาภาวะเครียด และช่วยการไหลเวียนของเลือด

-วิตามินบี 5

สำหรับวิตามินบี 5 นั้น มีความจำเป็นต่อการทำงานของสมอง และยังช่วยในเรื่องการนอนหลับ และสามารถควบคุมสมดุลเกลือแร่ในร่างกาย บรรเทาอาการข้ออักเสบ ลดระดับคอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์

-วิตามินบี 6

ส่วนวิตามินบี 6 นั้น จะช่วยในเรื่องของการทำงานของระบบประสาทและสมอง แถมยังเสริมสร้างภูมิต้านทานของร่างกายให้แข็งแรง นอกจากนี้ยังช่วยชะลอวัย และมีหน้าที่สำคัญเรื่องการเผาผลาญโปรตีนในร่างกาย ช่วยปรับสภาพผิวหนังให้เป็นปกติ

-วิตามินบี 7

ช่วยป้องกันผมหงอก รักษาโรคเกี่ยวกับเส้นผม และหนังศีรษะ บำรุงรักษาเล็บที่แห้งเปราะ ช่วยในการเผาผลาญไขมัน และโปรตีน บรรเทาอาการผื่นผิวหนังอักเสบ ผดผื่นคันต่าง ๆ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ

-วิตามินบี 9

ช่วยบำรุงผิวพรรณและสุขภาพ แก้ปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ ช่วยชะลอการเกิดผมขาว หากรับประทานร่วมกับพาบา และวิตามิน B5 จะช่วยให้เจริญอาหาร หากร่างกายอ่อนเพลีย ช่วยป้องกันแผลร้อนในได้ ช่วยรักษาภาวะซีดหรือโลหิตจาง ป้องกันพยาธิในลำไส้ และอาการแพ้จากอาหารเป็นพิษ ป้องกันภาวะพิการในทารกแรกเกิด ช่วยในการสร้างน้ำนมของมารดาหลังคลอดบุตร ช่วยลดระดับกรดอะมิโนโฮโมซิสเทอีนในเลือด และลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจได้

-วิตามินบี 12

ปิดท้ายด้วยวิตามิน 12 ประโยชน์คือ มีความจำเป็นต่อการสร้างเม็ดเลือด การทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง และระบบทางเดินอาหาร ป้องกันการอ่อนเพลียจากโรคโลหิตจาง


ประโยชน์ของวิตามินบี

-วิตามินบี 1 และ 2 จะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ เส้นปรสารท และหัวใจที่แข็งแรง สำหรับชนิด บี 1 จะช่วยส่งเสริมการสร้างเซลล์ใหม่ ขณะที่ ชนิดบี 2 ช่วยในเรื่องของการผลิตเซลส์เม็ดเลือดแดงและปกป้องจากอนุมูลอิสระ

-สำหรับ วิตามินบี3 จะทำหน้าที่สำคัญในการควบคุมระบบประสาทและระบบขับถ่าย ขณะเดียวกันก็ยังช่วยเปลี่ยนแปลงอาหารให้เป็นพลังงานสำหรับร่างกาย

-ด้าน วิตามินบี 5 จะคอยทำหน้าที่ช่วยในการย่อยสลายไขมันและคาร์โบไฮเดรต และเปลี่ยนให้เป็นพลังงาน ทั้งยังจำเป็นต่อการผลิตฮอร์โมน ซึ่งคนเราจำเป็นจะต้องใช้วิตามิน บี5 และ บี12 ในการเจริญเติบโตและมีพัฒนาการที่เหมาะสม

-ส่วน วิตามินบี 6 ส่งผลดีต่อระบบภูมิคุ้มกัน และจำเป็นต่อกระบวนการผลิตฮอร์โมนและช่วยย่อยสลายโปรตีน

-วิตามินบี 7 ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญในการช่วยผลิตฮอร์โมน

-วิตามินบี 9 ช่วยให้เซลล์สร้างและบำรุงดีเอ็นเอ และยังช่วยเสริมสร้างการผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดง

-ส่วน วิตามินบี 6 บี 9 และ บี12 จะช่วยส่งเสริมการควบคุมระดับของกรดอะมิโนโฮโมซีสเทอีน ซึ่งถ้ามีระดับนี้สูงเกินไป คุณอาจเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจได้

ถ้ามีการถามว่า แหล่งอาหารของวิตามินบี นั้น สามารถหาได้จากที่ไหน เภสัชกรหญิงวิชชุดา ผรณเกียรติ์ ผู้เชี่ยวชาญจากทางเมก้าวีแคร์ ได้กล่าวว่า วิตามินบี ไม่สามารถสร้างจากร่างกายขึ้นเองได้ ต้องได้รับจากการทานอาหารเท่านั้น ฉะนั้นต้องมีการหาจากอาหารต่างๆ เช่น ข้าวซ้อมมือ ช้าวโอ๊ตถั่ว รำข้าว ยีสต์ เครื่องในสัตว์ต้ม เนื้อหมู ปลา นมเปรี้ยว และ ผักใบเขียว เป็นต้น

ขณะเดียวกัน ถ้าคนเราไม่มีวิตามินบี เข้ามาสู่ร่างกายเลย ก็จะมีผลต่อร่างกายเช่นเดียวกัน ดังนี้

1.ร่างกายจะเกิดความอ่อนเพลีย อาจจะมีอาการชาตามนิ้วมือนิ้วเท้า มีความรู้สึกไวต่อความเจ็บปวดเพิ่มขึ้น มีอาการท้องผูก เบื่ออาหาร หัวใจเต้นเร็ว ซึ่งอาจจะเกิดจากการขาดวิตามินบี 1

2.อาหารไม่ย่อย กระเพาะอาหารทำงานได้ไม่ดี นอกจากนี้ อาจจะมีอาการแสบตา มุมปากแตก ตาไม่สู้แสง มีอาการตาแดง น้ำตาไหล จมูกและหูอักเสบ ซึ่งเป็นสัญญาณของการขาดวิตามินบี 2

3.ผิวหนังอักเสบ แถมมีอาการเบื่ออาหาร ท้องเดิน ร่างกายอ่อนเพลีย และ ผิวหนังเป็นจ้ำๆ สีม่วง ซึ่งิอาจจะเป็นการขาดวิตามินบี 3

4.มีภาวะที่เกิดอาการนอนไม่หลับ หรือนอนหลับยาก หรือมีการผมร่วง เกิดโรคผิวหนัง โดยเป็นการขาดวิตามินบี 6

5.มีภาวะโลหิตจาง ซึ่งทำให้ร่างกายอ่อนเปลี้ย หัวเบา หัวใจเต้นเร็ว หายใจเร็ว ผิวซีด ระบบประสาททำงานผิดปกติ เช่น การขาดรีเฟล็กซ์ เป็นต้น โดยเป็นการขาดวิตามินบี 12


กำลังโหลดความคิดเห็น