ยาพาราเซตามอล เป็นยาแก้ปวดลดไข้ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย หาซื้อได้ง่าย และเป็นยาที่ค่อนข้างปลอดภัยเมื่อใช้อย่างถูกวิธี แต่หากใช้ยาไม่ถูกต้องหรือกินมากจนเกินความจำเป็น จะส่งผลเสียต่อการทำงานของตับ อาจนำไปสู่ภาวะการเกิดตับอักเสบเฉียบพลัน และเกิดภาวะตับวาย ถึงขั้นเสียชีวิตได้
การรับประทานยาพาราเซตามอลที่ถูกต้อง
- ปริมาณที่เหมาะสม คือ เด็ก ควรรับประทาน 10-15 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม และควรเว้นระยะเวลาในการรับประทานยาอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมง ไม่เกิน 5 ครั้งภายใน 24 ชั่วโมง ผู้ใหญ่ ควรรับประทาน 500 มิลลิกรัม และควรเว้นระยะเวลาในการรับประทานยาอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมง ไม่เกิน 4,000 มิลลิกรัม ต่อวัน
- สำหรับผู้ที่ต้องรับประทานต่อเนื่อง ควรอยู่ในการดูแลของแพทย์และไม่ควรเกิน 2,500-2,600 มิลลิกรัม
- สามารถรับประทานยาได้ทั้งก่อนและหลังอาหาร
หากใช้เกินขนาดจะก่อให้เกิดอาการดังต่อไปนี้
ท้องเสีย, เหงื่อออกมากผิดปกติ, เบื่ออาหาร, คลื่นไส้หรืออาเจียน, ปวดท้องอย่างรุนแรง, มีอาการปวดบวม ที่บริเวณหน้าท้องส่วนบน หรือบริเวณช่องท้อง ทั้งนี้การรับประทานยาในปริมาณที่มากกว่าปริมาณที่กำหนดอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต เนื่องจากยาจะกลายเป็นพิษต่อตับและทำให้ตับถูกทำลายรุนแรง
ข้อควรระวังในการรับประทานยาพาราเซตามอล
- ไม่ควรรับประทานควบคู่กับการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
- ผู้ที่เป็นโรคตับหรือโรคตับเรื้อรัง ควรเลี่ยงการรับประทานหรือปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาทุกครั้ง
- ผู้ที่มีประวัติเป็นโรคพิษสุราเรื้อรังควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาพาราเซตามอลในทุกกรณี
-สตรีมีครรภ์ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาพาราเซตามอล
-สตรีที่อยู่ในช่วงให้นมบุตรควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาพาราเซตามอล
- ไม่ควรใช้ยาพาราเซตามอลร่วมกับยาแก้ไอ ยารักษาอาการไข้หวัด ยาแก้แพ้ หรือยาแก้ปวดชนิดอื่น ๆ เพราะในยาเหล่านั้นมักมีส่วนผสมของพาราเซตามอล ซึ่งหากใช้ควบคู่กันอาจทำให้ได้รับยาเกินขนาด
- ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำควรหมั่นเช็คสุขภาพ เพื่อตรวจหาความเสี่ยงเกี่ยวกับโรคตับ
- ตรวจสอบวันหมดอายุก่อนรับประทานยาทุกครั้ง
- สังเกตเลขทะเบียนตำรับยาที่แสดงถึงการเป็นยาที่ได้รับการขึ้นทะเบียนแล้ว
- หากไม่มีอาการปวดหรือเป็นไข้ไม่ควรรับประทานยาล่วงหน้า
ข้อมูลอ้างอิงจาก :
พาธแล็บ ศูนย์ตรวจสุขภาพ
https://bit.ly/3xy72Qx
พบแพทย์
https://bit.ly/3ilQbvK
ข่าวโดย : ฟ้า เต็มเปียง