เรียกว่าในช่วงนี้นั้น ‘น้ำขิง’ กลายเป็นที่ถูกพูดถึงอยู่พอสมควรเลย อาจจะเป็นเพราะคุณสมบัติที่มากมายของเครื่องดื่มชนิด ที่เรียกว่าสร้างประโยชน์ให้กับร่างกายหลายอย่างก็เป็นได้ แถมเป็นสมุนไพรที่หากันได้ทั่วไปไม่ยาก แต่คุณสมบัติดังกล่าวนี้มีอะไรบ้างนั้น ลองมารับทราบข้อมูลกัน
-ช่วยย่อยอาหาร แก้ท้องอืด
สารประกอบฟิโนลิกในชิงนั้น มีส่วนช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองในลำไส้ พร้อมยังทำการกระตุ้นการบีบตัวของกระเพาะอาหารและลำไส้อย่างอ่อน ส่งผลให้อาการปวดท้องต่าง ๆ เช่น ท้องอืด บรรเทาลง
-บรรเทาอาการคลื่นไส้
ฤทธิ์ร้อนของขิงนั้น เป็นยาแก้อาการคลื่นไส้ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอาการคลื่นไส้ที่เกิดจากความผิดปกติของกระเพาะอาหารและลำไส้ ที่ได้รับสารเคมีหรืออาหารแสลงบางอย่างมา ซึ่งทางวารสาร Support Care Cancer ได้เคยทำการตีพิมพ์ผลการศึกษาในปี 2012 ด้วยว่า การดื่มน้ำขิงเป็นประจำทุกวันจะช่วยลดอาการคลื่นไส้ในผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาด้วยเคมีบำบัดได้ด้วย
ผลการศึกษาของนักวิจัยชาวญี่ปุ่นที่ถูกตีพิมพ์ในวารสาร Pharmaceutical Society of Japan ในปี 2008 พบว่า ขิงมีส่วนช่วยเพิ่มการทำงานของระบบเผาผลาญในร่างกาย ทำให้ร่างกายสามารถเผาผลาญไขมันได้มากกว่าปกติ จึงมีส่วนช่วยลดน้ำหนักได้ นอกจากนี้น้ำขิงอุ่น ๆ ยังสามารถช่วยในเรื่องระบบขับถ่าย ลดอาการท้องผูก รวมทั้งลดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งเป็นสาเหตุของความเครียด อันเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ร่างกายบริโภคไขมันมากขึ้นจนทำให้น้ำหนักขึ้นได้อีกด้วย
-ช่วยลดน้ำหนัก
ในผลการศึกษาของนักวิจัยชาวญี่ปุ่นที่ถูกตีพิมพ์ในวารสาร Pharmaceutical Society of Japan ในปี 2008 มีการพบว่า ขิงมีส่วนช่วยเพิ่มการทำงานของระบบเผาผลาญในร่างกาย ทำให้ร่างกายสามารถเผาผลาญไขมันได้มากกว่าปกติ จึงมีส่วนช่วยลดน้ำหนักได้ ขณะเดียวกันนั้น น้ำขิงอุ่นๆ ก็ยังสามารถช่วยในเรื่องระบบขับถ่าย ลดอาการท้องผูก รวมทั้งลดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งเป็นสาเหตุของความเครียด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ร่างกายบริโภคไขมันมากขึ้นจนเป็นเหตุให้น้ำหนักขึ้นได้อีกด้วย
-ช่วยฆ่าเชื้อโรคและแบคทีเรีย
เคยมีการทดลองน้ำที่ได้จากการแช่ขิง มีการพบว่า น้ำขิงนั้นช่วยสามารถยับยั้งการเติบโตของเชื้อแบคทีเรียและพยาธิชนิดต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งสารจิงเกอร์รอลในขิงนั้น ยังมีอานุภาพมากพอที่จะช่วยลดโอกาสในการติดเชื้อต่าง ๆ ของร่างกายได้โดยเฉพาะ ซึ่งหากเราทำการดื่มน้ำขิงเป็นประจำทุกวัน สารจิงเกอร์รอลจะต่อสู้กับเชื้อไวรัสโรคหวัดและอาการไข้ได้อย่างเต็มที่อีกด้วย
-บำรุงรักษาสุขภาพช่องปาก
ในสารจิงเกอร์รอลของขิงยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพช่องปาก ซึ่งมีส่วนช่วยในการกำจัดเชื้อโรคอันเป็นสาเหตุของโรคเหงือกอักเสบและคราบพลัคในช่องปากเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ
-ช่วยในการลดอาการอักเสบ
ในส่วนประกอบของขิงนั้น อุดมไปด้วยสารต้านการอักเสบ และสารต้านอนุมูลอิสระก็ค่อนข้างสูง นอกจากนี้ในขิงก็ยังมีสารจิงเกอร์รอล ที่มีฤทธิ์รุนแรงกว่าแอสไพริน แถมยังมีฤทธิ์ต้านการอักเสบภายในร่างกาย ดังนั้นหากดื่มน้ำขิงเป็นประจำ ก็จะช่วยป้องกันการอักเสบในร่างกายได้อีกทางหนึ่ง
- เป็นยาลดปวด
อย่างที่บอกว่าในสารจิงเกอร์รอลในชิงนั้น มีฤทธิ์แรงกว่ายาแอสไพรินซะอีก ซึ่งก็สอดคล้องกับการศึกษาของ University of Georgia ที่มีการพบว่า การดื่มน้ำขิงเป็นประจำทุกวันมีส่วนช่วยลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเนื่องจากการออกกำลังกายได้ราว ๆ 25% เลยทีเดียว
- แก้ปวดประจำเดือน
จากผลการศึกษาจาก University of Georgia ได้มีการพบว่า นอกจากขิงจะช่วยลดอาการปวดเมื่อยได้แล้ว น้ำขิงก็ยังมีฤทธิ์บรรเทาอาการปวดประจำเดือนของสาว ๆ ได้ราว ๆ 47% เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังช่วยลดอาการคลื่นไส้อาเจียน และอาการท้องเสียที่สาว ๆ บางคนอาจจะเป็นระหว่างวันแดงเดือดได้ด้วย
- ลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง
ผลการศึกษาใน British Journal of Nutrition ได้มีการระบุว่า น้ำขิงมีคุณสมบัติยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้ เนื่องจากมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ขณะเดียวกันในน้ำขิงยังมีฤทธิ์ต้านการอักเสบของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย และยังมีสารเคมีธรรมชาติที่ไปช่วยกระตุ้นเอนไซม์กลูตาไธโน-เอส-ทรานสเฟอรเรส ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่งที่จะชวยลดโอกาสเกิดเซลล์มะเร็งร้ายได้อีกด้วย
สำหรับประโยชน์ของการดื่มน้ำขิงนั้น ควรจะดื่มในตอนที่เพิ่งชงร้อนๆ แต่ถ้าชอบดื่มแบบเย็น ก็สามารถใส่น้ำแข็งเพื่อเพิ่มรสชาติ และ แก้กระหายได้ ขณะเดียวกัน แม้ว่าในน้ำขิงนั้นอาจจะไม่มีรสชาติที่ถูกปากเท่าไหร่นัก ฉะนั้น ถ้าใส่น้ำตาลทรายลงไป 2-3 ช้อน ก็สามารถทำได้ แต่ก็ไม่สามารถใส่ไปมากดเวยเช่นกัน
แต่อย่างไรก็ตาม ข้อควรระวังในการดื่มน้ำขิงนั้น ก็มีเช่นกัน อาทิ
-ในสตรีมีครรภ์ควรปรึกษาแพทย์ก่อนดื่มน้ำขิง เพราะถึงขิงจะมีสรรพคุณมากมาย แต่บางรายอาจจะมีภาวะแทรกซ้อนในการตั้งครรภ์และเกิดการแท้งได้
-การดื่มน้ำขิง อาจจะเกิดอาการร้อนใน เนื่องจากเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน ถ้ามีการดื่มในปริมาณที่มาก อาจจะทำให้เยื่อบุภายในช่องปากอักเสบเกิดเป็นร้อนในได้
-หากมีอาการเลือดออกผิดปกติ หรือกำลังใช้ยาละลายลิ่มเลือด ไม่ควรดื่มน้ำขิง เนื่องจากมีขิงมีคุณสมบัติ คือ ต้านการแข้งตัวของเลือดนั่นเอง