xs
xsm
sm
md
lg

ใครเป็นสิวเร่เข้ามา! รวมกลวิธีปราบสิวให้อยู่หมัดตั้งแต่ต้นตอ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพจาก : pixabay.com
หลายคนคงเคยได้ยินเพลงที่ร้องว่า “นี่คือผิวหน้าหนู เอ๊ะ! ดูทำไมช่างดูไม่เกลี้ยงเกลา” พร้อมกับภาพหญิงสาวคนหนึ่งวิ่งไปวิ่งมา แล้วมีคุณหมอวิ่งตามกันใช่ไหมคะ ส่วนความหมายเพลงก็ตรงตัว ว่ากำลังพูดถึงเรื่อง “ปัญหาสิว” ที่ทำให้วัยเรียน วัยทำงาน หรือแม้กระทั่งวัยกลางคน ต้องวิ่งวุ่นหาทางกำจัดออกไปให้พ้นผิวหน้าเป็นว่าเล่น

สิว (Acne) เป็นการอักเสบของผิวหนังที่เกิดจาก “น้ำมัน” และ “เซลล์ผิวหนังกำพร้า” รวมพลังกันอุดตันบริเวณรูขุมขน กลายเป็นจุดเล็ก ๆ ที่อักเสบ บวมแดง หรือมีหนอง มักจะเกิดขึ้นบริเวณใบหน้า ลำคอ หน้าอก ไหล่ หรือหลัง สิวนั้นจะพบมากในช่วงวัยรุ่น เพราะมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน โดยทั่วไปสิวจะหายไปหรือทุเลาลงเมื่อมีอายุเพิ่มมากขึ้น

สิวมีหลายประเภท ลักษณะและอาการของสิวที่ปรากฏแตกต่างกันไป ได้แก่


1. สิวหัวขาว หรือสิวหัวปิด มีลักษณะคล้ายกับสิวหัวดำ แต่จะเป็นจุดเล็ก ๆ ที่มีสีขาวอุดตันอยู่
2. สิวหัวดำ หรือสิวหัวเปิด เป็นจุดสีดำเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นบนผิวหนัง เกิดจากน้ำมันที่อุดตันในรูขุมขนเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้มเมื่อสัมผัสกับอากาศบนชั้นผิวหนัง
3. สิวตุ่มนูนแดง เป็นตุ่มสีแดงขนาดเล็กเป็นก้อนแข็งนูนขึ้น ทำให้เกิดความเจ็บปวดเมื่อสัมผัสโดน
4. สิวหัวหนอง เป็นผลมาจากการอักเสบบริเวณต่อมเหงื่อและรูขุมขน เกิดเป็นตุ่มที่มีหนองสีขาวอยู่ตรงหัวสิว
5. สิวซีสต์ ตุ่มสิวขนาดใหญ่ลักษณะคล้ายฝี ภายในเป็นหนองอักเสบ เป็นสิวอักเสบที่รุนแรงที่สุด สัมผัสแล้วจะเกิดความเจ็บปวด
6. สิวอักเสบหัวแข็ง คล้ายสิวตุ่มธรรมดา แต่ตุ่มจะเป็นก้อนแข็งขนาดใหญ่ลึกลงไปในชั้นผิวหนัง
7. สิวฮอร์โมน เป็นตุ่มแดงขนาดใหญ่หรือมีอาการสิวเห่อขึ้นบริเวณรอบปาก คาง และแก้ม ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นในช่วงก่อนมีประจำเดือน

มาดูกันว่า อะไรบ้างที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิว

1. รูขุมขนที่บริเวณผิวหนังถูกอุดตันจากการที่ร่างกายผลิตน้ำมันที่ชั้นผิวหนังมากเกินไป ต่อมไขมันขนาดเล็กจะแทรกตัวอยู่กับรูขุมขนที่ใต้ชั้นผิวหนัง เรียกว่า “ซีบัม” จะคอยสร้างสารไขมัน เพื่อหล่อลื่นเส้นขน เมื่อต่อมมีการผลิตไขมันมากเกินไป ทำให้เกิดการจับตัวกับเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วเกิดเป็นการอุดตันใต้ผิวหนัง หากสารที่อุดตันถูกชั้นผิวหนังชั้นนอกสุดปิดกั้นจะกลายเป็นสิวหัวขาว แต่หากสารที่อุดตันสามารถออกมาสู่ผิวหนังชั้นนอกได้ สารไขมันที่สัมผัสกับอากาศจะเปลี่ยนเป็นสีดำ กลายเป็นสิวหัวดำ

2. การติดเชื้อแบคทีเรียบริเวณผิวหนัง ได้แก่ สิวตุ่ม สิวหัวหนอง สิวก้อนลึก และสิวซีสต์ การอุดตันของสิวจะเกิดจากแบคทีเรียที่อาศัยอยู่บนผิวหนังได้เจือปนเข้าไปในรูขุมขนจนทำให้เกิดการติดเชื้อ ทำให้เกิดการอักเสบในรูปของสิวที่เป็นหนองอุดตันได้

3. การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนและแอนโดรเจนในวัยรุ่น มีส่วนทำให้เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังบริเวณรูขุมขนหนาขึ้น จึงเพิ่มการอุดตันของสารไขมันจนทำให้เกิดสิวนั่นเอง

4. ปัจจัยอื่น ๆ ที่เสี่ยงต่อการเกิดสิว หรือทำให้สิวอักเสบเพิ่มมากขึ้น เช่น การใช้เครื่องสำอางบางชนิดที่อาจทำให้หน้ามัน การทานอาหารที่ส่งผลทำให้ร่างกายขับไขมันออกมามากขึ้น การใช้ยากลุ่มสเตียรอยด์ ประวัติครอบครัว การสวมใส่เสื้อผ้าแนบเนื้อ เป็นต้น

ภาพจาก : pixabay.com
ตำรารักษาสิวหลายแขนงสอนให้รู้ว่า...อย่าเพิ่งเชื่อ และทำตามสิ่งเหล่านี้ เพราะนอกจากสิวจะไม่หายแล้ว ยังอาจทำให้สิวอักเสบเพิ่มขึ้นได้!

1. สิวเกิดจากอาหารที่ไม่มีประโยชน์ ข้อมูลที่ว่า “อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการต่ำ ของหวาน เครื่องดื่มคาเฟอีน ช็อกโกแลต รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมอย่างชีสหรือเนย เป็นตัวการที่ก่อให้เกิดสิวได้” ความจริงแล้วในปัจจุบันยังไม่มีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ชิ้นใดสามารถยืนยันได้ว่า อาหารพวกนี้เป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดสิวได้จริง ๆ

2. ล้างหน้าไม่สะอาดทำให้เกิดสิว โดยปกติสิวมักเกิดจากปฏิกิริยาทางชีวภาพใต้ผิวหนัง และยังไม่มีงานวิจัยใดสามารถสรุปได้ว่า การล้างหน้าไม่สะอาดนั้นมีส่วนทำให้เกิดสิว ในทางกลับกันการขัดถูหน้าแรง ๆ หรือการล้างหน้าบ่อยเกินไปอาจทำร้ายผิวหน้าและทำให้ผิวบอบบางยิ่งขึ้น ดังนั้นจึงควรทะนุถนอมผิวและไม่ควรล้างหน้าเกิน 2 ครั้ง/วัน

3. ถ้าสิวขึ้นต้องรีบบีบ “หากรีบบีบหนองภายในสิวออกมา สิวจะหายเร็วขึ้น” ประโยคนี้ไม่ถูกต้อง เพราะการบีบหรือเกาสิวอาจทำให้อาการของสิวรุนแรงขึ้น และเกิดการอักเสบหรือรอยแผลเป็นตามมาได้ ซึ่งหากสิวมีขนาดใหญ่หรือสิวอักเสบรุนแรง ควรไปพบเภสัชกรหรือแพทย์ผิวหนัง เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้อง

4. ครีมกันแดดทำให้เกิดสิว บางคนอาจใช้ครีมกันแดดแล้วมีสิวขึ้นหรือเกิดผดร้อน จึงทำให้ไม่กล้าใช้ครีมกันแดดอีก แต่นั่นอาจเป็นเพราะการใช้ครีมกันแดดที่ไม่เหมาะกับสภาพผิวหรือใช้ครีมที่มีส่วนผสมของสารเคมีบางชนิด ผู้ที่มีปัญหาสิวหรือเป็นสิวง่ายจึงควรใช้ครีมกันแดดที่มีซิงก์ออกไซด์ (Zinc Oxide) เป็นส่วนประกอบ ซึ่งซิงก์หรือสังกะสีเป็นสารอาหารที่มีสรรพคุณต้านการอักเสบ อีกทั้งยังมีผลลัพธ์ยืนยันจากการศึกษาในวงกว้างว่าสารอาหารชนิดนี้อาจช่วยรักษาสิวได้

5. สิวเกิดจากความเครียด จริง ๆ แล้วต้นเหตุที่ก่อให้เกิดสิวนั้นมีหลายปัจจัย จึงยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดว่าความเครียดเป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กนักเรียนเป็นสิว อีกทั้งในปัจจุบันยังไม่มีงานวิจัยใดสามารถยืนยันได้ว่าฮอร์โมนความเครียดกับการเกิดสิวนั้นเกี่ยวข้องกัน

6. ควรงดแต่งหน้าระหว่างเป็นสิว ผู้ที่กำลังมีปัญหาสิวหรือเป็นสิวง่ายสามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ แต่ควรหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางที่มักอุดตันรูขุมขนอย่างรองพื้นชนิดน้ำที่ให้เนื้อสัมผัสหนา เพราะอาจทำให้อาการของสิวรุนแรงขึ้น และหันมาเลือกใช้เครื่องสำอางชนิดอื่นที่เสี่ยงอุดตันรูขุมขนน้อยกว่าแทน เช่น แป้งรองพื้นชนิดฝุ่น หรือเครื่องสำอางที่ทำจากวัตถุดิบธรรมชาติเท่านั้น เป็นต้น

7. ผู้ใหญ่เป็นวัยที่จะไม่เป็นสิว ความเชื่อดังกล่าวไม่เป็นความจริง เพราะผู้ใหญ่ไม่ว่าจะช่วงอายุใดต่างก็เป็นสิวได้ทั้งนั้น เพียงแต่สิวที่เกิดขึ้นกับผู้ใหญ่มักมีลักษณะเป็นตุ่มแดงขึ้นอยู่รอบปากและกราม แตกต่างจากวัยรุ่นที่มักเป็นสิวหัวดำหรือสิวอุดตันกระจายอยู่ทั่วหน้าผาก จมูก และบริเวณแก้ม

8. ยาสีฟันหรือน้ำมะนาวช่วยรักษาสิวได้ จริง ๆ แล้วสิ่งเหล่านี้ไม่เหมาะนำมาใช้กับผิวหน้าและอาจส่งผลเสียต่อผิวได้ด้วย ดังนั้น ผู้ที่มีปัญหาสิวจึงควรไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรับคำแนะนำถึงวิธีการรักษาสิวอย่างถูกต้อง และไม่ลองใช้ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ด้วยตัวเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์

ทุกท่านคะ การรักษาสิวนั้นใช้เวลา ดังนั้นอย่าใจร้อน ช้า ๆ แต่ชัวร์ดีกว่า...วิธีการช่วยป้องกันการเกิดสิว หรือป้องกันไม่ให้มีสิวอักเสบเพิ่มขึ้น ทำได้ดังนี้

1. ทายารักษาสิวที่มีตัวยาเบนโซอิล เพอร์ออกไซด์ หรือกรดซาลิซัยลิกเป็นส่วนผสม

2. ไม่แตะต้องสัมผัสบริเวณที่มีสิวอักเสบ เพราะเชื้อโรคหรือสิ่งสกปรกอาจไปเพิ่มการอุดตันหรือเร่งการอักเสบของสิว

3. ล้างหน้าบริเวณที่เป็นสิว เพื่อชำระน้ำมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้วไม่ให้อุดตัน แต่ไม่ควรล้างหน้าเกิน 2 ครั้งต่อวัน เพราะจะทำให้ผิวระคายเคือง เสี่ยงต่อการเกิดการแพ้อื่น ๆ ตามมา โดยควรเลือกใช้ครีมหรือโฟมล้างสูตรธรรมชาติและปราศจากน้ำมัน

4. ล้างหน้าให้สะอาดและล้างเครื่องสำอางออกให้หมดก่อนเข้านอน เพื่อป้องกันการสะสมของน้ำมันและสิ่งอุดตันในชั้นผิวหนัง

5. ใช้ครีมบำรุงหรือยาที่ช่วยลดน้ำมันส่วนเกินบริเวณผิวหนัง และหลีกเลี่ยงครีมที่มีส่วนประกอบของน้ำมัน

6. อาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย เพื่อชำระล้างเหงื่อและน้ำมันที่ถูกขับออกมาในแต่ละวัน โดยเฉพาะหลังกิจกรรมหนัก ๆ ที่ทำให้เหงื่อออกมาก

7. ไม่ใส่เสื้อผ้าที่รัดรูปหรือแนบเนื้อ เพื่อลดการอักเสบและระคายเคืองของผิวหนังบริเวณที่ต้องสัมผัสเสียดสีกับเสื้อผ้า
สิวนั้นเป็นง่ายแต่หายยาก จึงไม่แปลกที่หลายคนต้องการวิธีลัดในการรักษาสิว แต่การจะปราบสิวให้หายขาดนั้น ไม่มีวิธีลัดค่ะ ทุกอย่างล้วนต้องใช้เวลาแลความอดทนสูงมาก ๆ Good Health & Well-Being ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกท่านที่กำลังต่อสู้กับเชื้อสิวอยู่ เชื่อมั่นว่าวันที่ผิวหน้าเกลี้ยงเกลานั้น จะมาถึงทุกท่านอย่างแน่นอนค่ะ!


ผู้เขียน : รวินท์นิภา แต้เกียรติเจริญกุล

ข้อมูลอ้างอิง :

https://www.pobpad.com/8-%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%94-%E0%B9%86-%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%B1
https://www.pobpad.com/สิว


กำลังโหลดความคิดเห็น