เชื่อว่าหลายๆ คน ไม่ว่าจะเป็นคนวัยไหนก็ตามที มักจะมี “หูฟัง” ติดตัวอยู่เสมอ เพราะนั่นคือสิ่งความบันเทิงเดียวที่จะพาเราไปเพลิดเพลินในเรื่องต่างๆได้ แต่ในขณะเดียวกัน หากเราใส่หูฟังไปในพฤติกรรมดังต่อไปนี้นั้น บางทีความเพลิดเพลินที่ว่า มันอาจจะมาทำร้ายทางอ้อมผ่านทางกิจกรรมดังกล่าวก็ว่าได้
ฟังเพลงเสียงดัง
การฟังเพลงเสียงดัง ก็เข้าใจได้ว่า บางทีก็อยากที่จะอยู่ในโลกส่วนตัว ตัดเสียงที่ไม่พึงประสงค์ออกไป หรือบางรายใส่ใจในรายละเอียด ชอบฟังเสียงเบสหนักๆ เพราะมีความรู้สึกว่าฟังแล้วรู้สึกสะใจ ซึ่งการเปิดเพลงดังๆ ย่อมส่งผลต่อหูแน่นอน เริ่มที่หูตึงก่อนวัยอันควร ประสาทหูเสื่อม เสี่ยงต่อการได้ยินถาวร ซึ่งการฟังเพลงนั้น ควรที่จะได้ยิน ดังนี้
-ผู้ใหญ่ สามารถฟังในระดับเสียงไม่เกิน 80 เดซิเบล ได้ประมาณ 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
-เด็ก สามารถฟังในระดับเสียงไม่เกิน 75 เดซิเบล ได้ประมาณ 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
-แต่ถ้าใช้เสียงดังกว่านั้น ไม่ควรเกิน 100 เดซิเบล และไม่ใส่ต่อเนื่องกันนานกว่า 15 นาที
โดยคนกว่า 1 พันล้านคนทั่วโลก เสี่ยงต่อการสูญเสียการได้ยิน โดยอาการแรกเริ่ม อาจรู้สึกว่า ความสามารถทางการได้ยินมีการลดลง และอาจพบร่วมกับมีเสียงวี้ดในหู ซึ่งสาเหตุสำคัญนั้น มาจาก ความดังของเสียง ระยะเวลาในการใช้หูฟัง และความถี่ในการฟัง
ใส่หูฟังตอนนอน
หลายๆ คน ก็เคยมีพฤติกรรมลักษณะนี้ โอเคอาจจะเข้าใจได้ว่าเป็นเพราะในเรื่องการนอนไม่หลับ ซึ่งก็เป็นวิธีที่พอจะช่วยได้ แต่ในบางครั้ง หากเราเผลดไผลหลับไปโดยไม่รู้ตัว ซึ่งหากเป็นหูฟังในลักษณะ In-Ear ในบางครั้งก็อาจจะทำให้ซิลิโคนจะอัดเข้าไปด้านในและแน่นกว่าเดิม
ซึ่งจากผลกระทบดังกล่าว ก็จะทำให้มีอาการปวดหู หูชั้นนอกอักเสบ ลามมาถึงบริเวณขากรรไกร ทำให้อ้าปากลำบากมากขึ้น เคี้ยวข้าวยาก อาจจะกลายเป็นหูน้ำหนวก หรือมีหนองในหู สูญเสียการได้ยินชั่วคราว หรือในบางครั้งหูหนวกไปเลยก็ได้ ซึ่งหากจำเป็นต้องฟังเพลงก่อนนอนจริงๆ ให้ใช้วิธีเปิดลำโพงเบาๆ แล้ววางใกล้ตัว หรือเสียบหูฟังไว้ที่โทรศัพท์แล้วเปิดเสียงดังๆ ให้เสียงเล็ดลอดออกมาผ่านหูฟังแทน ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยได้เช่นเดียวกัน
ใส่หูฟังขณะชาร์จแบตโทรศัพท์
พฤติกรรมนี้ อาจจะทำให้เกิดการเสียชีวิตอย่างไม่รู้ตัว หากมีปัญหาไฟฟ้าลัดวงจร ไฟช็อต หรือ ไฟรั่วขึ้นมา เพราะปกติแล้ว ไฟบ้านจะมีความดันไฟฟ้าอยู่ที่ 220 โวลต์ โดยเมื่อมีการเสียบชาร์จจะผ่านตัวแปลงไฟฟ้าให้ได้ไฟอยู่ที่ประมาณ 5 โวลต์ ซึ่งแรงดันนั้นยังไม่แรงพอที่จะทำให้เสียชีวิต แต่การใส่หูฟังขณะชาร์จแบตก็ไม่ควรทำ เพราะถ้าอุปกรณ์ตัวใดตัวหนึ่งชำรุด ไม่ได้มาตรฐาน หรือทำงานขัดข้อง แล้วปล่อยความดันไฟฟ้าออกมาเต็มพิกัด ก็มีความเป็นไปได้สูงว่า สายหูฟังจะเป็นตัวส่งสัญญาณไฟฟ้ารั่วเข้าสู่ตัวได้ในที่สุด
ขณะเดียวกัน ถึงแม้ว่าความดันไฟอาจไม่มาก แต่ก็สามารถทำลายระบบประสาทได้ เพราะหูของคนเรานั้น มีการเชื่อมโยงกับสมองโดยตรง มีอาการเล็กน้อยคือมึนงง หลงลืม สับสนชั่วคราว แต่ถ้ามีอาการรุนแรง ก็จะทำให้ชัก หมดสติ สมองเสียหายได้เช่นเดียวกัน ฉะนั้น อุปกรณ์ต่างๆ ต้องมีมาตรฐานด้วย
ไม่เคยทำความสะอาดหูฟัง
แน่นอนว่า หูฟัง เป็นอีกส่วนหนึ่งของร่างกายแบบอ้อมๆ เพราะเวลาที่จะออกจากบ้านในแต่ละครั้ง ก็ต้องไม่ลืมสิ่งนี้ แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า หูฟังก็อยู่กับตัวตลอดเวลา หากไม่ทำความสะอาดเสียบ้าง เพื่อสุขลักษณะของแต่ละคนเอง และได้ถนอมการใช้งานหูฟังด้วย ซึ่งอุปกรณ์ทำความสะอาด ก็หาไม่ยาก แค่ใช้สำลีก้านปลายแหลมชุบแอลกอฮอล์หรือน้ำสบูเช็ดสาย ก็ทำได้แล้ว
ใส่หูฟังโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง
การที่ได้เพลิดเพลินกับหูฟัง มันก็เป็นมุมหนึ่งที่สามารถหลบหนีจากโลกไปในชั่วขณะได้ แต่ในขณะเดียวกัน การตัดขาดจากโลกภายนอกจริงๆ ก็อาจจะส่งผลต่อตัวเองได้ เช่น การที่ไม่ได้ยินเสียงต่างๆ มั้ง เสียงบีบแตรขอทาง เสียงหมาวิ่งไล่ นั่งรถเมล์เลยป้าย เป็นต้น ฉะนั้น การอยู่ในที่สาธารณะนั้น จะต้องมีการสนใจสิ่งรอบตัวด้วยเช่นเดียวกัน