‘หม่าล่า’ ไม่ใช่ชื่อเมนูอาหาร แต่เป็นเครื่องปรุงรสชนิดหนึ่งที่มีต้นกำเนิดมาจากมณฑลเสฉวน ประเทศจีน มีลักษณะคล้ายพริกป่น มีส่วนผสมหลักมาจากเครื่องเทศชนิดหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายเม็ดพริกไทยดำ ชื่อว่า หรือ ‘ชวงเจี่ย’ หรือที่คนไทยเรียกว่า ‘พริกไทยเสฉวน’ ที่ให้รสชาติเผ็ดซ่า กินแล้วชาที่ปลายลิ้น จึงเป็นที่มาของคำว่า ‘หม่าล่า’ (คำว่า ‘หม่า’ หมายถึงอาการชาที่ปลายลิ้น และคำว่า “ล่า” หมายถึงรสชาติเผ็ดนั่นเอง)
ปัจจุบันหมาล่าเป็นที่นิยมอย่างมากไม่เว้นแม้แต่ในประเทศไทย มักใช้นำมาประกอบอาหารหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นต้ม ผัด แกง ทอด หรือปิ้งย่าง นอกจากความอร่อยแล้ว หม่าล่ายังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและสารอาหารต่างๆ ได้แก่ โพแทสเซียม ธาตุเหล็ก แมงกานีส สังกะสี ทองแดง ฟอสฟอรัส วิตามินเอ ฯลฯ ที่ดีต่อร่างกายอีกด้วย

ประโยชน์ดีๆ ของหม่าล่า สรรพคุณที่ได้จากพริกไทยเสฉวน
‘พริกไทยเสฉวน’ หากพูดถึงพริกไทยเสฉวนแล้วนั้น นอกจากจะถูกนำมาปรุงอาหารเพื่อเพิ่มรสชาติแล้วยังถูกนำมาใช้เป็นยาอีกด้วย และในปัจจุบันมีการนำมาทำเป็นยาบำรุงหัวใจและบำรุงเลือด นอกจากนี้แล้วยังมีสรรพคุณที่ดีต่อร่างกายมากมาย ดังนี้
- อุดมไปด้วยธาตุเหล็กสูง มีส่วนช่วยบำรุงเลือด กระตุ้นการไหลเวียนเลือด และแก้โรคโลหิตจาง
- อุดมไปด้วยโพแทสเซียมสูง จึงมีส่วนช่วยลดความดันโลหิตสูง ลดคอเลสเตอรอล ป้องกันโรคหัวใจ โรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือด เนื่องจากโพแทสเซียมมีหน้าที่เป็นตัวขยายหลอดเลือดทำให้หลอดเลือดคลายตัวได้นั่นเอ
- มีธาตุสังกะสีที่มีส่วนช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย
- มีสรรพคุณช่วยขับลม ลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ แก้จุกเสียด ช่วยย่อยอาหาร ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น กระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ แก้อาการท้องผูกได้
- รสเผ็ดของหม่าล่านั้นยังมีส่วนช่วยทำให้เจริญอาหารและช่วยในการเผาผลาญพลังงานได้มากยิ่งขึ้นด้วย
- มีฤทธิ์ช่วยขับระดูในสตรี ช่วยให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ
- ช่วยดับร้อนในร่างกาย และช่วยแก้พิษไข้ได้ หากรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ
- เนื่องจากมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง จึงมีส่วนช่วยต่อต้านเชื้อราและเชื้อไวรัสในร่างกาย มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ
- กลิ่นหอมฉุนของหม่าล่า เมื่อนำมาสูดดมจะช่วยแก้อาการวิงเวียนศีรษะ แก้หวัด คัดจมูกได้
ข้อควรระวัง : ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม เนื่องจากหากรับประทานมากเกินไปอาจจะทำให้เกิดอาการร้อนใน ท้องเสียหรือท้องผูกได้

ข้อมูลอ้างอิงประกอบบางส่วน
www.organicfacts.net
sukkaphap-d.com
th.openrice.com
ปัจจุบันหมาล่าเป็นที่นิยมอย่างมากไม่เว้นแม้แต่ในประเทศไทย มักใช้นำมาประกอบอาหารหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นต้ม ผัด แกง ทอด หรือปิ้งย่าง นอกจากความอร่อยแล้ว หม่าล่ายังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและสารอาหารต่างๆ ได้แก่ โพแทสเซียม ธาตุเหล็ก แมงกานีส สังกะสี ทองแดง ฟอสฟอรัส วิตามินเอ ฯลฯ ที่ดีต่อร่างกายอีกด้วย
ประโยชน์ดีๆ ของหม่าล่า สรรพคุณที่ได้จากพริกไทยเสฉวน
‘พริกไทยเสฉวน’ หากพูดถึงพริกไทยเสฉวนแล้วนั้น นอกจากจะถูกนำมาปรุงอาหารเพื่อเพิ่มรสชาติแล้วยังถูกนำมาใช้เป็นยาอีกด้วย และในปัจจุบันมีการนำมาทำเป็นยาบำรุงหัวใจและบำรุงเลือด นอกจากนี้แล้วยังมีสรรพคุณที่ดีต่อร่างกายมากมาย ดังนี้
- อุดมไปด้วยธาตุเหล็กสูง มีส่วนช่วยบำรุงเลือด กระตุ้นการไหลเวียนเลือด และแก้โรคโลหิตจาง
- อุดมไปด้วยโพแทสเซียมสูง จึงมีส่วนช่วยลดความดันโลหิตสูง ลดคอเลสเตอรอล ป้องกันโรคหัวใจ โรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือด เนื่องจากโพแทสเซียมมีหน้าที่เป็นตัวขยายหลอดเลือดทำให้หลอดเลือดคลายตัวได้นั่นเอ
- มีธาตุสังกะสีที่มีส่วนช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย
- มีสรรพคุณช่วยขับลม ลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ แก้จุกเสียด ช่วยย่อยอาหาร ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น กระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ แก้อาการท้องผูกได้
- รสเผ็ดของหม่าล่านั้นยังมีส่วนช่วยทำให้เจริญอาหารและช่วยในการเผาผลาญพลังงานได้มากยิ่งขึ้นด้วย
- มีฤทธิ์ช่วยขับระดูในสตรี ช่วยให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ
- ช่วยดับร้อนในร่างกาย และช่วยแก้พิษไข้ได้ หากรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ
- เนื่องจากมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง จึงมีส่วนช่วยต่อต้านเชื้อราและเชื้อไวรัสในร่างกาย มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ
- กลิ่นหอมฉุนของหม่าล่า เมื่อนำมาสูดดมจะช่วยแก้อาการวิงเวียนศีรษะ แก้หวัด คัดจมูกได้
ข้อควรระวัง : ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม เนื่องจากหากรับประทานมากเกินไปอาจจะทำให้เกิดอาการร้อนใน ท้องเสียหรือท้องผูกได้
ข้อมูลอ้างอิงประกอบบางส่วน
www.organicfacts.net
sukkaphap-d.com
th.openrice.com