อันที่จริงนักดื่มกาแฟสาวๆ ก็สามารถดื่มด่ำกับเครื่องดื่มชนิดนี้ได้อย่างไม่มีปัญหา แต่ถ้ายังอยู่ในช่วงตั้งครรภ์ล่ะ สามารถลิ้มรสชาติของกาแฟได้หรือไม่ และมีความเสี่ยงต่อลูกในครรภ์หรือเปล่า... ว่าแล้วก็ไปหาคำตอบกัน

แน่นอนว่าการดื่มกาแฟนั้นก็ต้องมีผลข้างเคียงอย่างที่ทราบกัน แต่อาจจะมีอาการที่ว่านี้มาให้รบกวนบ้าง เช่น นอนไม่หลับ, ปวดท้อง, ปัสสาวะบ่อย, เหนื่อยง่าย, ใจสั่น, ปวดศีรษะ หรือท้องอืด ในขณะเดียวกันก็ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เช่นกันว่ากาเฟอีนมีส่วนในการเพิ่มความเสี่ยงของทารกในครรภ์ รวมถึงการเกิดภาวะทารกพิการ หรือทารกโตช้าในครรภ์เช่นกัน
ถ้าอยากดื่มกาแฟในระหว่างตั้งครรภ์ล่ะ
1.คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ ควรบริโภคกาเฟอีนไม่เกินวันละ 200 มิลลิกรัม (กาแฟสดจะอยู่ที่ 60 มิลลิกรัม) เพราะกาเฟอีนสามารถผ่านรกไปสู่ทารกในครรภ์ได้
2.ควรมีการระมัดระวังในการบริโภคเครื่องดื่มชนิดอื่นที่นอกจากกาแฟ เช่น ชา น้ำอัดลม โกโก้ ช็อกโกแลต เครื่องดื่มชูกำลัง และยาบางชนิด
3.การที่กาเฟอีนสามารถผ่านน้ำนมแม่ไปสู่ลูกได้ ฉะนั้น ควรจำกัดการบริโภคปริมาณต่อวันให้น้อยลงเมื่ออยู่ในช่วงระหว่างการให้นมบุตร เพราะอาจมีความเสี่ยงให้ลูกงอแง หงุดหงิดง่าย หรือนอนไม่หลับได้
แน่นอนว่าการดื่มกาแฟนั้นก็ต้องมีผลข้างเคียงอย่างที่ทราบกัน แต่อาจจะมีอาการที่ว่านี้มาให้รบกวนบ้าง เช่น นอนไม่หลับ, ปวดท้อง, ปัสสาวะบ่อย, เหนื่อยง่าย, ใจสั่น, ปวดศีรษะ หรือท้องอืด ในขณะเดียวกันก็ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เช่นกันว่ากาเฟอีนมีส่วนในการเพิ่มความเสี่ยงของทารกในครรภ์ รวมถึงการเกิดภาวะทารกพิการ หรือทารกโตช้าในครรภ์เช่นกัน
ถ้าอยากดื่มกาแฟในระหว่างตั้งครรภ์ล่ะ
1.คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ ควรบริโภคกาเฟอีนไม่เกินวันละ 200 มิลลิกรัม (กาแฟสดจะอยู่ที่ 60 มิลลิกรัม) เพราะกาเฟอีนสามารถผ่านรกไปสู่ทารกในครรภ์ได้
2.ควรมีการระมัดระวังในการบริโภคเครื่องดื่มชนิดอื่นที่นอกจากกาแฟ เช่น ชา น้ำอัดลม โกโก้ ช็อกโกแลต เครื่องดื่มชูกำลัง และยาบางชนิด
3.การที่กาเฟอีนสามารถผ่านน้ำนมแม่ไปสู่ลูกได้ ฉะนั้น ควรจำกัดการบริโภคปริมาณต่อวันให้น้อยลงเมื่ออยู่ในช่วงระหว่างการให้นมบุตร เพราะอาจมีความเสี่ยงให้ลูกงอแง หงุดหงิดง่าย หรือนอนไม่หลับได้