หากคุณกำลังที่จะลดน้ำหนัก นอกจากจะรับประทานอาหารและออกกำลังกายแล้ว การนอนก็ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญเช่นกันที่จะช่วยในเรื่องดังกล่าวได้ แต่หลายๆ คนก็มีอาการนอนหลับไม่เพียงพอ เนื่องจากงานวิจัยจากสหรัฐอเมริกาพบว่า ผู้ใหญ่กว่า 30 เปอร์เซ็นต์ นอนน้อยกว่า 6 ชั่วโมง ฉะนั้น บทความนี้จะบอกประโยชน์ของการนอนดังกล่าว

การนอน ช่วยลดน้ำหนักอย่างไรบ้าง
นอนไม่พอ ทำให้อ้วนได้
ลุ่มตัวอย่างที่นอนไม่พอ จะเลือกกินขนมขบเคี้ยวที่มีไขมันมากกว่า 2 เท่า เมื่อเทียบกับกลุ่มตัวอย่างที่นอนหลับ 8 ชั่วโมง นอกจากนี้ จากการทบทวนงานวิจัยกว่า 18 งานวิจัยยังพบอีกว่า การนอนหลับไม่เพียงพอจะมีความเพิ่มอยากกินอาหารที่มีพลังงานและคาร์โบไฮเดรตสูง หมายถึงว่า การนอนน้อยจะมีความอยากกินอาหารที่ไม่มีประโยชน์มากขึ้น จนทำให้อ้วนขึ้นในที่สุด
การนอนหลับ ส่งผลต่อการออกกำลังกาย
วิธีที่ทำให้การนอนหลับอย่างมีคุณภาพมากขึ้น
-ปิดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ อย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนนอน
-ให้ห้องนอนเป็นสถานที่เพื่อนอนหลับ โดยให้ความรู้สึกผ่อนคลาย เมื่อเข้ามาในห้องนอน
-เพิ่มกิจวัตรก่อนนอน เช่น อ่านหนังสือ นั่งสมาธิ หรืออาบน้ำก่อนนอน
- เข้านอนและตื่นนอนในเวลาเดียวกันทุกวัน รวมถึงในวันสุดสัปดาห์ด้วย
-ควรหลีกเลี่ยงอาหารมื้อหนัก และแอลกอฮอล์ในช่วงเวลาก่อนเข้านอน เนื่องจากอาจทำให้เกิดโรคกรดไหลย้อนได้
- หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีน เช่น น้ำอัดลม ชา กาแฟหลังเวลา 14.00 น. เนื่องจากมีส่วนผสมของกาเฟอีนผสมอยู่ในร่างกายประมาณ 5-6 ชั่วโมง อาจจะส่งผลต่อการนอนหลับได้
-แนะนำให้ปิดไฟ เพราะความมืดจะกระตุ้นให้ร่างกายหลังฮอร์โมนเมลาโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งการนอนหลับ การปิดไฟนอนจึงทำให้นอนหลับได้ดีกว่าการเปิดไฟ
การนอน ช่วยลดน้ำหนักอย่างไรบ้าง
นอนไม่พอ ทำให้อ้วนได้
ลุ่มตัวอย่างที่นอนไม่พอ จะเลือกกินขนมขบเคี้ยวที่มีไขมันมากกว่า 2 เท่า เมื่อเทียบกับกลุ่มตัวอย่างที่นอนหลับ 8 ชั่วโมง นอกจากนี้ จากการทบทวนงานวิจัยกว่า 18 งานวิจัยยังพบอีกว่า การนอนหลับไม่เพียงพอจะมีความเพิ่มอยากกินอาหารที่มีพลังงานและคาร์โบไฮเดรตสูง หมายถึงว่า การนอนน้อยจะมีความอยากกินอาหารที่ไม่มีประโยชน์มากขึ้น จนทำให้อ้วนขึ้นในที่สุด
การนอนหลับ ส่งผลต่อการออกกำลังกาย
วิธีที่ทำให้การนอนหลับอย่างมีคุณภาพมากขึ้น
-ปิดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ อย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนนอน
-ให้ห้องนอนเป็นสถานที่เพื่อนอนหลับ โดยให้ความรู้สึกผ่อนคลาย เมื่อเข้ามาในห้องนอน
-เพิ่มกิจวัตรก่อนนอน เช่น อ่านหนังสือ นั่งสมาธิ หรืออาบน้ำก่อนนอน
- เข้านอนและตื่นนอนในเวลาเดียวกันทุกวัน รวมถึงในวันสุดสัปดาห์ด้วย
-ควรหลีกเลี่ยงอาหารมื้อหนัก และแอลกอฮอล์ในช่วงเวลาก่อนเข้านอน เนื่องจากอาจทำให้เกิดโรคกรดไหลย้อนได้
- หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีน เช่น น้ำอัดลม ชา กาแฟหลังเวลา 14.00 น. เนื่องจากมีส่วนผสมของกาเฟอีนผสมอยู่ในร่างกายประมาณ 5-6 ชั่วโมง อาจจะส่งผลต่อการนอนหลับได้
-แนะนำให้ปิดไฟ เพราะความมืดจะกระตุ้นให้ร่างกายหลังฮอร์โมนเมลาโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งการนอนหลับ การปิดไฟนอนจึงทำให้นอนหลับได้ดีกว่าการเปิดไฟ