ใครที่กำลังมองหาตัวช่วยเพื่อการลดพุงลดโรค อาจมีคำถามเกี่ยวกับการกินหลายคำถามที่ยังสงสัยกันอยู่ เช่น ทำไมอดแล้วไม่ผอม? สูตร 2:1:1 ช่วยได้จริงไหม? ข้าวทำให้อ้วนไหม? กินแต่ผัก จะผอมไหม?
เริ่มที่คำถามแรกเลย ทำไมอดแล้วไม่ผอม?
หลายคนยิ่งอดก็ยิ่งอ้วน เพราะเมื่อคนเราไม่ได้รับสารอาหารหรือได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ร่างกายก็จะเกิดการปรับตัวรับมือกับ “ภาวะขาดอาหาร” เพื่อรักษาชีวิตให้อยู่ต่อไป โดยพยายามลดการเผาผลาญพลังงาน ทำให้ร่างกายมีอุณหภูมิต่ำลง การทำงานของกระเพาะอาหารก็จะลดลง รวมทั้งการเผาผลาญไขมันก็จะมีประสิทธิภาพลดต่ำตามไปด้วย
“ข้าว” ทำให้อ้วนไหม?
หลายคนมีความเชื่อฝังใจว่ากินข้าวเท่าไหร่ก็อ้วนเท่านั้น ในความเป็นจริงแล้ว ข้าว แป้ง ขนมปัง มีทั้งเกลือแร่ วิตามิน และเส้นใยอาหาร ซึ่งสำคัญและจำเป็นต่อร่างกาย เพียงแต่ต้องเลือกกินข้าวหรือแป้งที่มีคุณค่าทางอาหาร เช่น ข้าวไม่ขัดสี ขนมปังโฮลวีท ลูกเดือย ถั่ว ธัญพืช ข้าวโพด เผือก มัน เป็นต้น และที่สำคัญ อย่าลืมว่าต้องกำหนดให้ข้าวหรือแป้งนี้มีสัดส่วนเพียงแค่ 1 ใน 4 ของจานอาหารด้วย
กินแต่ผัก จะผอมไหม?
บางคนปฏิเสธเนื้อสัตว์อย่างจริงจัง และเน้นกินสลัดหรือผลไม้ทุกมื้อแทนอาหารหลัก เพราะเชื่อว่าจะต้องผอมแน่นอน ผลลัพธ์คือ ได้ไปนอนแน่นิ่งอยู่ที่โรงพยาบาล เพราะร่างกายขาดสารอาหารและโปรตีน และการกินผักอย่างเดียวทำให้ไม่อยู่ท้อง ทำให้หิวจนกลายเป็นต้องไปกินอย่างอื่นตามมาอีกเพียบ เราจึงต้องกินข้าวหรือแป้งอื่นๆ เพื่อให้ได้พลังงานที่สำคัญแก่ร่างกายด้วย แต่แป้งก็ย่อยเร็ว อิ่มเร็วสักพักก็หิวอีก จึงต้องกินเนื้อสัตว์ร่วมด้วย ซึ่งย่อยนาน หนักกระเพาะกว่า ทำให้ไม่หิวเร็ว
นอกจากนี้ ในเนื้อสัตว์ยังมีสารไทโรซีน ซึ่งช่วยควบคุมความอยากกินของหวานได้ รวมทั้งสารแอลคาร์นีทีนซึ่งจะช่วยกระตุ้นระบบการเผาผลาญ ช่วยเผาผลาญไขมัน ดังนั้นแทนที่จะเลือกไม่กิน ลองเปลี่ยนมาเป็นกินแบบฉลาดเลือก เน้นคุณภาพและปริมาณอาหารที่เหมาะสม จึงจะเป็นการลดน้ำหนักที่ถูกต้อง
การกินแบบ 2:1:1 ช่วยได้จริงไหม ?
เพื่อจะให้ร่างกายมีระบบเผาผลาญที่ดี เราจึงต้องรับประทานอาหารอย่างถูกต้องและเหมาะสม ในทีนี้หมายถึงทั้งปริมาณและคุณภาพ เช่น การแบ่งจานอาหารให้ได้ทั้งผัก 2 ส่วน เนื้อสัตว์ 1 ส่วน แป้ง (ข้าวหรือขนมปัง) 1 ส่วน
โดยมีผลการวิจัยยืนยันแน่ชัดแล้วว่า การกินผักสด ผักต้ม ผักนึ่ง หรือผลไม้หลากหลายชนิด โดยมีปริมาณเป็นสัดส่วนครึ่งหนึ่งหรือ 2 ใน 4 ส่วนของเมนูอาหารทุกมื้อ (ประมาณวันละ 400 กรัมขึ้นไป) จะสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังได้ อีกทั้งยังช่วยให้ลดน้ำหนักลงได้จริงและยั่งยืน
ทั้งนี้ การแบ่งสัดส่วนในจานอาหารตามแบบเมนู 2:1:1 นี้ ไม่เพียงแต่จะเป็นการเปลี่ยนอาหารที่ส่งผลต่อน้ำหนักของร่างกาย แต่ยังสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตในแต่ละวันได้ในเวลาเดียวกัน ที่สำคัญอย่าลืมออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย เพื่อการลดน้ำหนักของคุณจะได้ประสบความสำเร็จสมใจปรารถนา
มาดูเคล็ดลับ ลดพุง ลดโรค กันต่อได้ที่ http://www.thaihealthlifestyle.com
หรือ เฟซบุ๊กเพจ ลดพุง ลดโรค https://www.facebook.com/Thai.HealthyLifestyle/
เริ่มที่คำถามแรกเลย ทำไมอดแล้วไม่ผอม?
หลายคนยิ่งอดก็ยิ่งอ้วน เพราะเมื่อคนเราไม่ได้รับสารอาหารหรือได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ร่างกายก็จะเกิดการปรับตัวรับมือกับ “ภาวะขาดอาหาร” เพื่อรักษาชีวิตให้อยู่ต่อไป โดยพยายามลดการเผาผลาญพลังงาน ทำให้ร่างกายมีอุณหภูมิต่ำลง การทำงานของกระเพาะอาหารก็จะลดลง รวมทั้งการเผาผลาญไขมันก็จะมีประสิทธิภาพลดต่ำตามไปด้วย
“ข้าว” ทำให้อ้วนไหม?
หลายคนมีความเชื่อฝังใจว่ากินข้าวเท่าไหร่ก็อ้วนเท่านั้น ในความเป็นจริงแล้ว ข้าว แป้ง ขนมปัง มีทั้งเกลือแร่ วิตามิน และเส้นใยอาหาร ซึ่งสำคัญและจำเป็นต่อร่างกาย เพียงแต่ต้องเลือกกินข้าวหรือแป้งที่มีคุณค่าทางอาหาร เช่น ข้าวไม่ขัดสี ขนมปังโฮลวีท ลูกเดือย ถั่ว ธัญพืช ข้าวโพด เผือก มัน เป็นต้น และที่สำคัญ อย่าลืมว่าต้องกำหนดให้ข้าวหรือแป้งนี้มีสัดส่วนเพียงแค่ 1 ใน 4 ของจานอาหารด้วย
กินแต่ผัก จะผอมไหม?
บางคนปฏิเสธเนื้อสัตว์อย่างจริงจัง และเน้นกินสลัดหรือผลไม้ทุกมื้อแทนอาหารหลัก เพราะเชื่อว่าจะต้องผอมแน่นอน ผลลัพธ์คือ ได้ไปนอนแน่นิ่งอยู่ที่โรงพยาบาล เพราะร่างกายขาดสารอาหารและโปรตีน และการกินผักอย่างเดียวทำให้ไม่อยู่ท้อง ทำให้หิวจนกลายเป็นต้องไปกินอย่างอื่นตามมาอีกเพียบ เราจึงต้องกินข้าวหรือแป้งอื่นๆ เพื่อให้ได้พลังงานที่สำคัญแก่ร่างกายด้วย แต่แป้งก็ย่อยเร็ว อิ่มเร็วสักพักก็หิวอีก จึงต้องกินเนื้อสัตว์ร่วมด้วย ซึ่งย่อยนาน หนักกระเพาะกว่า ทำให้ไม่หิวเร็ว
นอกจากนี้ ในเนื้อสัตว์ยังมีสารไทโรซีน ซึ่งช่วยควบคุมความอยากกินของหวานได้ รวมทั้งสารแอลคาร์นีทีนซึ่งจะช่วยกระตุ้นระบบการเผาผลาญ ช่วยเผาผลาญไขมัน ดังนั้นแทนที่จะเลือกไม่กิน ลองเปลี่ยนมาเป็นกินแบบฉลาดเลือก เน้นคุณภาพและปริมาณอาหารที่เหมาะสม จึงจะเป็นการลดน้ำหนักที่ถูกต้อง
การกินแบบ 2:1:1 ช่วยได้จริงไหม ?
เพื่อจะให้ร่างกายมีระบบเผาผลาญที่ดี เราจึงต้องรับประทานอาหารอย่างถูกต้องและเหมาะสม ในทีนี้หมายถึงทั้งปริมาณและคุณภาพ เช่น การแบ่งจานอาหารให้ได้ทั้งผัก 2 ส่วน เนื้อสัตว์ 1 ส่วน แป้ง (ข้าวหรือขนมปัง) 1 ส่วน
โดยมีผลการวิจัยยืนยันแน่ชัดแล้วว่า การกินผักสด ผักต้ม ผักนึ่ง หรือผลไม้หลากหลายชนิด โดยมีปริมาณเป็นสัดส่วนครึ่งหนึ่งหรือ 2 ใน 4 ส่วนของเมนูอาหารทุกมื้อ (ประมาณวันละ 400 กรัมขึ้นไป) จะสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังได้ อีกทั้งยังช่วยให้ลดน้ำหนักลงได้จริงและยั่งยืน
ทั้งนี้ การแบ่งสัดส่วนในจานอาหารตามแบบเมนู 2:1:1 นี้ ไม่เพียงแต่จะเป็นการเปลี่ยนอาหารที่ส่งผลต่อน้ำหนักของร่างกาย แต่ยังสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตในแต่ละวันได้ในเวลาเดียวกัน ที่สำคัญอย่าลืมออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย เพื่อการลดน้ำหนักของคุณจะได้ประสบความสำเร็จสมใจปรารถนา
มาดูเคล็ดลับ ลดพุง ลดโรค กันต่อได้ที่ http://www.thaihealthlifestyle.com
หรือ เฟซบุ๊กเพจ ลดพุง ลดโรค https://www.facebook.com/Thai.HealthyLifestyle/