xs
xsm
sm
md
lg

จากเด็กเจ้าเนื้อ ไร้ความมั่นใจ สู่ไอดอลด้านสุขภาพ “บุศ-วรรณ์วรี สรรพกุลโรจน์”

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

จากคนที่มีร่างกายอวบอ้วนมาตั้งแต่เด็ก ส่งผลให้เป็นภูมิแพ้ มีกลิ่นตัว จนเพื่อนไม่คบ ไม่มีใครจีบ ทำให้เธอขาดความมั่นใจมาโดยตลอด กระทั่งพอเข้าสู่วัยทำงานเธอทำงานในด้านวิศวกรรมซอฟต์แวร์ในสาขาที่ได้ร่ำเรียนมา ก็ต้องเผชิญกับปัญหาสุขภาพต่างๆ ทั้งนอนไม่หลับ ท้องผูก ท้องอืด อีกทั้งยังต้องสูญเสียคุณพ่อไปกับโรคร้าย เหตุนี้เองเธอจึงลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างจริงจัง โดยเริ่มจากเปลี่ยนอาหารให้เป็นยา

จนกระทั่งวันนี้ “บุศ-วรรณ์วรี สรรพกุลโรจน์” กลายมาเป็นครูสอนโยคะแนวอินเทอร์วัล (Interval Yoga) และโค้ชด้านสุขภาพศึกษา อยู่ที่สถาบัน Integrative Nutrition Holistic University ของสหรัฐอเมริกา ที่สามารถช่วยเหลือผู้คนให้มีสุขภาพดีขึ้นมาแล้วนับไม่ถ้วน

  • กว่าจะมาเป็นโค้ชด้านสุขภาพที่มีชื่อเสียงเช่นทุกวันนี้

ตอนเด็กๆ บุศเป็นเด็กอ้วน ไม่ค่อยมีเพื่อนคบ ไม่มีความมั่นใจในตัวเองเลย เลยทำให้เรามีปม พอเริ่มเป็นสาวก็ไม่มีใครมาชอบ ไม่มีใครมาจีบเลย เราเลยมีความคิดว่าเราอาจจะต้องขึ้นคานหรือเปล่า ถ้าอย่างนั้นจะต้องห้ามป่วยนะ เพราะว่าถ้าเราป่วยจะไม่มีใครดูแล

พอคิดได้เช่นนั้น บุศก็เลยเริ่มออกกำลังกายเพื่อดูแลสุขภาพ จำได้ว่าน่าจะอายุ 20 ปีได้ค่ะ แต่ถึงแม้ว่าเราจะออกกำลังกาย เราก็ยังคงตัวตันๆ ใหญ่ๆ อยู่ แต่ก็เริ่มมีความรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้อ้วนอีกแล้ว

ตอนนั้นบุศออกกำลังกายหนักมากนะคะ จะออกกำลังกายเช้า-เย็นเลย ส่วนเรื่องอาหารเรายังคงรับประทานปกติอยู่ ในที่นี้ก็คือ เรายังรับประทานเยอะกว่าคนทั่วไป เพราะที่บ้านบุศจะชอบทานบุฟเฟต์กันมาก แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองอ้วนเหมือนแต่ก่อนนะคะ เพราะเราออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด จริงๆ ก็เป็นหมูที่แข็งแรงนั่นแหละค่ะ ส่วนเรื่องสุขภาพร่างกายเราก็แข็งแรงไม่ได้เจ็บป่วยนะคะ จะมีก็แต่เราเป็นคนที่มีเสมหะเยอะมาก จนไม่สามารถพูดเป็นปกติได้ พูดนิดหนึ่งก็จะกระแอมและไอตลอดเวลา แต่ก็ยังไม่ได้คิดจะปรับเปลี่ยนการดูแลสุขภาพอะไร คิดแต่ว่าออกกำลังกายอย่างเดียวก็คงจะเพียงพอแล้ว”

กระทั่งจุดเปลี่ยนในชีวิต... คุณพ่อเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง อีกทั้งพอได้มาทำงานประจำ เธอกลับต้องเผชิญปัญหาสุขภาพต่างๆ ตามมามากมาย

เพราะคุณพ่อบุศเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง ตรงนี้จึงเป็นแรงผลักดันที่ทำให้บุศมองว่าการที่บุศออกกำลังกายหนักๆ อย่างที่ผ่านมานั้นมันไม่ใช่ คุณพ่อบุศท่านก็เป็นนักมวย แต่คุณพ่อก็ยังป่วย และระหว่างที่คุณพ่อป่วยทุกคนเป็นทุกข์และเศร้ามากๆ บ้านเราต้องเสียเสาหลักไป ทุกอย่างมันแย่มาก ตั้งแต่นั้นมาบุศเลยเริ่มรู้สึกแล้วว่า การออกกำลังกายเพียงอย่างเดียวไม่ใช่คำตอบของการมีสุขภาพที่ดี

ส่วนตัวบุศเคยทำงานที่สำนักข่าวรอยเตอร์ในตำแหน่งซอฟต์แวร์เอนจิเนียร์ที่ประเทศไทยอยู่ 3 ปี และได้ย้ายไปทำงานเป็นซอฟต์แวร์เอนจิเนียร์ที่ประเทศสิงคโปร์อีก 6 ปี ซึ่งการทำงานประจำมันยิ่งส่งผลทำให้เรามีปัญหาสุขภาพอื่นๆ ตามมา เช่น มีอาการนอนไม่หลับ ท้องอืด ท้องผูก อาหารไม่ย่อย อ้วนขึ้น และไม่มีแรง เหล่านี้จึงทำให้บุศเริ่มสนใจศึกษาเรื่องอาหาร โดยหันมาเปลี่ยนอาหารให้เป็นยา”

  • เปลี่ยนอาหารให้เป็นยา กินตามหลัก Food Combination

พอประสบปัญหาสุขภาพเช่นนั้น เธอจึงเริ่มหาวิธีการดูแลสุขภาพว่าจะทำอย่างไรให้ร่างกายเป็นปกติโดยไม่ต้องพึ่งยา

ตอนนั้นบุศหาข้อมูลไปเรื่อยๆ กระทั่งเราหาข้อมูลแล้วไปค้นพบการกินอาหารแบบ Raw Vegan เป็นการกินมังสวิรัติไม่ผ่านกระบวนการ ไม่มีเนื้อสัตว์ แต่กลายเป็นว่าพอเรากินกลับท้องอืดหนักกว่าเดิม เพราะตลอดเวลาที่บุศกิน Raw Vegan มา ด้วยความที่ไม่มีเนื้อสัตว์ทำให้เราต้องกินในปริมาณที่มากกว่าปกติถึงจะทำให้ได้สารอาหารครบถ้วน พอเรากินผักและกินผลไม้เยอะกว่าปกติก็เลยทำให้ท้องอืด

เราศึกษาไปเรื่อยๆ ก็ได้มาทราบว่าที่เราท้องอืดนั้น ผลพวงก็มาจากการที่เรารวมอาหารผิด โดยการรวมอาหารผิด คือ การที่เราไปกินผลไม้หลังอาหาร หรือเราไปกินถั่วพร้อมกับผลไม้ หรือกินผลไม้หลายๆ ชนิดรวมกัน และยิ่งถ้าเราเริ่มมีอายุมากขึ้น อาการจะเริ่มชัดขึ้นตามไปด้วย”

และนี่จึงเป็นที่มาที่ทำให้รู้จักกับหลักการรวมอาหาร กินตามหลัก Food Combination ผลปรากฏว่าการกินเช่นนี้ทำน้ำหนักหายไปกว่า 10 กิโลกรัม

เมื่อการกิน Raw Vegan ไม่เหมาะ บุศจึงหาข้อมูลและมาค้นพบกับวิธีการกินอาหารที่เรียกว่า Food Combination ก็คือหลักการรวมอาหาร บุศเลยนำหลักการกินดังกล่าวมาปรับใช้กับตัวเอง

 
วิธีการกินของบุศก็คือ เราจะกินมื้อเช้าเป็นผลไม้ 1 ชนิด หรือไม่ก็ดื่มสมูตตี้ กลางวันและเย็นบุศจะกินผักและเนื้อสัตว์ 1 ชนิด หรือไม่ก็กินผักกับข้าวธัญพืช จริงๆ เราหันมาเน้นการกินผักมากขึ้น เนื้อสัตว์จะเหลือเพียงชนิดเดียวเท่านั้น และจากที่ออกกำลังกายวันละ 1 ชั่วโมงครึ่ง ก็เหลือวันละ 20 นาที เพราะบุศคิดว่ายิ่งออกกำลังกายหนักยิ่งทำร้ายร่างกาย เลยมาเน้นที่การปรับอาหารมากกว่าค่ะ แต่แรกๆ ก็ไม่ได้เคร่งครัดเท่าไหร่นะคะ ยอมรับว่าตอนแรกที่ทำเราก็ยังไม่ได้เข้าใจการกินเช่นนี้มากนัก เรายังกินผิดกินถูกอยู่ แต่ก็ถือว่ากินดีกว่าปกติ

ผลลัพธ์ที่ได้คือ ภายใน 2 สัปดาห์เริ่มเห็นผล อาการท้องผูก ท้องอืด อาหารไม่ย่อยหายไป และเมื่อทำต่อเนื่องมาเรื่อยๆ เป็นเวลา 3-4 เดือน น้ำหนักเราหายไป 10 กิโลกรัม ซึ่งบุศใช้เวลา 4 ปีเลยนะคะในการปรับตัวเองให้เป็น Food Combination Completely

มีหลายคนถามบุศนะคะว่าถ้าอยากเริ่มต้นกินแบบ Food Combination จะทำอย่างไร บุศตอบเลยค่ะว่าง่ายมาก เริ่มจากลดปริมาณอาหารอย่างอื่นลง กินเนื้อสัตว์ไม่เกิน 1 ชนิดต่อมื้อและต่อวัน และในทุกๆ มื้อให้เพิ่มผักให้ได้ 50 เปอร์เซ็นต์ ทุกมื้อให้กินผักก่อน เน้นผักไว้ก่อนค่ะ เพราะถ้าเรากินผักก่อนเราจะกินอย่างอื่นน้อยลงไปเอง อันนี้เป็นวิธีง่ายๆ ที่สามารถนำไปทดลองใช้ในระยะเริ่มต้นได้ค่ะ 
 

ลองเริ่มจากมื้อเช้าหรือมื้อเย็นก่อนก็ได้ค่ะ ยกตัวอย่างเช่น มื้อเช้าแทนที่เราจะไปกินอะไรอย่างอื่น ไปกินขนมปังโฮลวีตหรืออะไรให้มันเยอะแยะ อาจจะลองเปลี่ยนมากินผลไม้แค่ 1 ชนิด กล้วยน้ำว้า 2 ลูกเอาที่ไม่ต้องงอม จบเลยค่ะ ประหยัดด้วย ไม่ต้องวุ่นวายหาอาหารอย่างอื่นด้วยค่ะ”

  • นำมาสู่การเป็นครูสอนโยคะแนวเร็วและสนุกสนาน หรืออินเทอร์วัลโยคะ (Interval Yoga) แห่งเมืองไทย


ในระหว่างที่ได้รู้หลักการรวมอาหาร (Food Combination) บุศจึงเริ่มฝึกโยคะควบคู่กับการกินอาหารเป็นยาไปด้วย แม้ว่าเธอจะไม่ชอบโยคะมาก่อนก็ตาม แต่ทว่าอินเทอร์วัลโยคะ (Interval Yoga) หรือโยคะแนวสนุกสนาน กลับตอบโจทย์เธอมากๆ

“ตอนแรกบุศไม่ชอบโยคะเลยนะคะ เพราะคิดว่าโยคะช้าและเนือย จนบุศได้รู้จักกับอินเทอร์วัลโยคะ (Interval Yoga) จะเป็นโยคะแนวสนุกสนาน แนวเร็ว ผสมผสานทั้งโยคะ และการบริหารร่างกาย มีทั้งคาร์ดิโอ บอดี้เวต เน้นการเคลื่อนไหวต่อเนื่อง ไม่ได้เน้นค้างท่า ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการออกกำลังกายเท่านั้น แต่ยังสามารถเสริมสร้างความยืดหยุ่น เสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่กล้ามเนื้อ อีกทั้งยังแก้ปัญหาสุขภาพต่างๆ ได้ด้วย

ดังนั้น โยคะประเภทนี้ถือว่าตอบโจทย์ความต้องการของตัวเรามากๆ แล้วยิ่งพอได้ลองเล่นเลยทำให้บุศรู้ว่า “โยคะ” คือกีฬาที่ตอบโจทย์สุขภาพมากที่สุด เนื่องจากร่างกายคนเราไม่ได้ต้องการใช้งานหนักขนาดนั้น โดยเฉพาะร่างกายผู้หญิง หลังจากนั้นบุศก็เลยชอบโยคะทุกประเภทไปเลยค่ะ

พอเล่นไปเรื่อยๆ บุศเลยไปเทรนเป็นครูสอนโยคะ ซึ่งบุศก็ได้ Certified 200 ชั่วโมง Yoga Teacher Training, Yoga Point, จากประเทศสิงคโปร์มา 1 ใบ และ Certified 300 ชั่วโมง Yoga Teacher Training, Rishikesh Yoga PEETH จากประเทศอินเดีย 1 ใบค่ะ
ต่อมาบุศจึงตัดสินใจลาออกจากงานประจำเพราะเราไม่ชอบงานที่ทำอยู่ และเราชอบเรื่องสุขภาพมากๆ จริงๆ บุศเริ่มสอนโยคะให้กลุ่มเพื่อนในประเทศสิงคโปร์มาก่อนนะคะ และบุศจึงย้ายกลับมาอยู่ประเทศไทย แล้วจึงเปิดสอนโยคะแนวอินเทอร์วัล (Interval Yoga) เพื่อเลี้ยงชีพค่ะ”

  • เปิดพื้นที่แชร์ความรู้เพื่อช่วยเหลือผู้คนให้มีสุขภาพที่ดี ผ่านเพจ Healthy Living By BUD

 
อีกหนึ่งแรงบันดาลใจของบุศ คือ การอยากช่วยเหลือคน จึงเป็นที่มาของเพจ Healthy Living By BUD พื้นที่แชร์ความรู้เพื่อช่วยเหลือให้คนมีสุขภาพดีขึ้น หลังจากกลับมาสอนโยคะที่ประเทศไทย เธอจึงหาความรู้อย่างต่อเนื่องไม่สิ้นสุด เพื่ออยากส่งต่อความรู้ที่มีไปยังผู้อื่นต่อไป และตอนนี้รวมๆ แล้วเธอมีประกาศนียบัตรมากกว่า 5 ใบไปแล้ว

อีกหนึ่งแรงบันดาลใจคือเราอยากช่วยเหลือคน ที่มีความคิดว่าอยากช่วยเหลือคน เพราะบุศไม่มีคนฟังและไม่เป็นที่ยอมรับมาก่อน คือเราไม่มีความมั่นใจเลยนะคะ เรามีความรู้สึกว่าตัวเราน่ารังเกียจ ส่วนใหญ่บุศจะเน้นช่วยเหลือคนที่เขาเป็นเหมือนเรามาก่อน เพราะว่าตอนที่บุศประสบด้วยตัวเองมา บุศไม่เคยมีความสุขเลย เราอยากทำอะไรเราก็ไม่กล้าทำ ไม่ได้ใช้ความสุข ไม่เป็นตัวเองอย่างเต็มที่

เพจ Healthy Living By BUD เป็นเพจที่บุศสร้างขึ้นก่อนที่จะไปทำงานที่ประเทศสิงคโปร์อีกนะคะ เพจนี้ประมาณ 9 ปีได้แล้วค่ะ บุศจะใช้เป็นพื้นที่แชร์ความรู้เรื่องสุขภาพให้คนที่เขาต้องการอยากจะมีสุขภาพดีขึ้น แต่การให้ความรู้เรื่องสุขภาพจะต้องมีเครดิต ดังนั้นหลังจากที่บุศกลับมาสอนโยคะที่ประเทศไทย บุศจึงไปลงเรียนเฮลท์โค้ช (Health Coach IIN) แบบออนไลน์ จาก Holistic University สหรัฐอเมริกา และลงเรียนคอร์สเรื่องระบบย่อยอาหารขั้นแอดวานซ์ (Health Gut IIN) จาก Holistic University  สหรัฐอเมริกาด้วยค่ะ
 

ปัจจุบันนอกจากบุศจะเป็นครูสอนโยคะ เป็นโค้ชด้านสุขภาพแล้ว บุศยังเปิด Workshop สอนนวดท้องกระตุ้นการขับถ่าย สอนทำชาหมัก Kombucha ด้วยตัวเอง สอนเรื่องการกินอาหารตามหลัก Food Combination เพื่อระบบย่อยที่ดีที่สุด อีกทั้งบุศยังได้ไปเป็นวิทยากรรับเชิญตามองค์กรต่างๆ ด้วยค่ะ (ยิ้ม)”

  • ผลลัพธ์ที่ได้ช่วยเหลือคน ทำให้เธอรักตัวเองเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ

“ตอนนี้บุศมองว่าชีวิตของตัวเองประสบความสำเร็จในส่วนหนึ่งแล้วนะคะ แต่ก็ยังคิดว่าเราสามารถไปได้อีก และยังไม่คิดหยุดอยู่แค่ตรงนี้ เพราะเนื่องจากยังมีคนที่ต้องการความช่วยเหลือด้านสุขภาพอีกเยอะ

ผลตอบรับที่ผ่านมาดีมากเลยนะคะ บุศดีใจที่ได้ช่วยเหลือคนอื่นๆ มาเยอะมาก เราได้เห็นคนที่เขาเคยมีปัญหาเรื่องสุขภาพมีความสุขมากขึ้น หลายคนทำแล้วอาการดีขึ้น หลายคนหายจากอาการท้องผูก ผอมลง หน้าท้องหาย ประจำเดือนกลับมา หรือมีบางคนถึงเขาไม่ได้มาเรียนหรือมาเข้าคอร์สกับบุศโดยตรง แต่เขาทำตามที่บุศแชร์ความรู้ลงเพจแล้วเห็นผล เขาส่งข้อความเข้ามาขอบคุณที่บุศให้ความรู้แก่เขา แค่นี้บุศก็รู้สึกรักตัวเองเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณแล้วนะคะ การที่บุศได้ช่วยคนมันทำให้บุศมีคุณค่ามากขึ้นและมีความสุขมากๆ เลยค่ะ

ส่วนผลลัพธ์ที่บุศได้จากการดูแลตัวเองเช่นนี้มาโดยตลอดถึงปัจจุบัน ทำให้จากคนที่ไม่มีความมั่นใจ เรากลายเป็นที่ยอมรับ กลายมาเป็นคนหนึ่งที่สามารถพูดให้ทุกคนฟังได้ สามารถช่วยเหลือคนในเรื่องสุขภาพได้ ที่สำคัญมีคนมาจีบ แต่งงานแล้ว ไม่ขึ้นคานแล้วค่ะ (หัวเราะ)

สุดท้ายบุศอยากฝากว่า ให้ทุกคนเริ่มรักตัวเองตั้งแต่วันนี้ อย่าปล่อยให้อะไรสายเกินไป ‘การรักษา’ ที่ดีที่สุดคือ ‘การป้องกัน’ ใส่ใจสุขภาพตั้งแต่วันนี้ เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นมันอาจจะรักษาไม่ได้แล้ว การที่จะมีสุขภาพที่ดีและมีรูปร่างดีอย่างถาวร มันไม่ใช่แค่เรื่องอาหารและการออกกำลังกายเท่านั้น แต่มันยังอยู่ที่การใช้ชีวิตของเราด้วย ดังนั้นทุกอย่างต้องสมดุลกันค่ะ”

5 วิธีเริ่มต้นดูแลสุขภาพ และทำให้ได้รูปร่างดีอย่างถาวร

1. ปรับที่ความคิด

เริ่มจากอย่าโกรธตัวเอง รักตัวเองมากๆ ไม่ว่าเราจะป่วย จะอ้วน ให้ขอบคุณเขาที่แสดงอาการออกมาเพื่อที่เราจะได้หาทางแก้ไข เพื่อให้หาย และให้ขอโทษร่างกายที่เราดูแลเขาไม่ดี

2. ปรับการกินอาหาร

โดยกินอาหารให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่ ให้เคี้ยวอย่างมีสติ กินอย่างมีสติ ไม่ใช่ว่ากินไปดูทีวีไป เราจะต้องตั้งใจกิน บางคนมัวแต่ไปโฟกัสว่าจะกินอะไรถึงจะดี แต่จริงๆ แล้ววิธีที่เขากินกลับผิด ต่อให้เรากินดีแต่กินเร็ว เคี้ยวไม่ละเอียดก็ท้องอืดอยู่ดี

3. ไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายหนัก แต่ทำให้สม่ำเสมอ

บุศแนะนำให้หาการออกกำลังกายที่ตัวเองชอบ ถ้าไม่ชอบขยับเลย ให้เริ่มจากการแกว่งแขนก่อน ใช้เวลาแค่ไม่ถึง 10 นาที ทำได้ทุกที่ หรือหันมาลองฝึกโยคะแนวเร็ว และสนุกสนานกับ Yoga By BUD โยคะ ก็ได้นะคะ เพราะจะได้ทั้งคาร์ดิโอ บอดี้เวต และความยืดหยุ่นเลยค่ะ

4. ห้ามเครียด

ถ้าอยากมีสุขภาพดีต้องห้ามเครียด ต้องหมั่นฝึกหายใจ มีสมาธิ ทำให้ตัวเองผ่อนคลาย พฤติกรรมของคนสมัยนี้ทำร้ายสุขภาพมาก บางทีเรากินดีให้ตายแต่พฤติกรรมเรายังเป็นเหมือนเดิม มันก็ไม่ได้ช่วยให้สุขภาพดีขึ้น ดังนั้นอนุญาตให้ตัวเองมีวันพัก วันโกง 1 วันต่อสัปดาห์ และหาความสุขให้แก่ตัวเองด้วยนะคะ

5. ยิ่งให้...ยิ่งได้

สุดท้ายนี้อยากให้มาร่วมกันแชร์และแบ่งปันประสบการณ์ของตัวเองกันค่ะ หรือถ้าเห็นเรื่องไหนของบุศที่คิดว่าเป็นประโยชน์ให้แชร์ต่อเพื่อจะได้ช่วยเหลือผู้อื่น เหมือนที่บุศแชร์ให้เพื่อนทุกๆ คนด้วยนะคะ

Profile

ชื่อ สกุล : วรรณ์วรี สรรพกุลโรจน์
ชื่อเล่น : บุศ
วันเกิด : 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2527
การศึกษา :
1. คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
2. 200 Hours Yoga teacher training, yoga point singapore
3. 300 Hours Yoga Teacher Training, RISHIKESH yoga PEETH, INDIA
4. Health Coach IIN , Holistic University, USA
5. Gut Health Coach IIN, Holistic University, USA
คติประจำใจ : สุขภาพที่ดี คือตำตอบของชีวิต

ติดตามเรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับสุขภาพได้ที่ : Facebook Page : healthy living by bud ใส่ใจสุขภาพ ลดอ้วน ลดพุง ลดโรค, อินสตาแกรม, Yoga By BUD โยคะ แนวเร็ว และ สนุก ได้ทั้งคาดิโอ บอดี้เวต และ ความยืดหยุ่น, @healthylivingbybud, อินสตาแกรม @yogabybud





.เรื่อง : วรัญญา งามขำ
ภาพ : อินสตาแกรม @healthylivingbybud, อินสตาแกรม @yogabybud



กำลังโหลดความคิดเห็น