หลายๆ คนคงอาจจะได้ยินความเชื่อที่ว่า หากได้กินอาหารที่ร้อนจัดมากๆ อาจมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งหลอดอาหาร หรือบางครั้งอาจจะเป็นมะเร็งที่ลิ้น ที่กระเพาะ หรือลำไส้ เนื่องมาจากความร้อนของอาหารที่กินอาจทำให้เนื้อเยื่อถูกทำลายได้ ความเชื่อที่ว่านี้จะเป็นจริงหรือไม่ เรามาหาคำตอบไปพร้อมๆ กัน
อาการของมะเร็งหลอดเลือดอาหาร
1.เริ่มรู้สึกลำบากในการกลืนอาหาร ไม่ว่าจะเป็นอาหารแข็ง หรืออาหารเหลว
2.เริ่มกินอาหารแข็งแล้วรู้สึกฝืดคอ กลืนไม่ค่อยลง เช่น ไก่ย่าง หมูทอด ผลไม้ต่างๆ
3.อาจมีอาการข้างเคียงเพิ่มเติม เช่น ท้องอืด อาหารไม่ย่อย ปวดหัว แน่นหน้าอก คลื่นไส้ ไอ หรือเจ็บบริเวณกระดูกหน้าอก หรือในลำคอ
4.มีอาการกลืนอะไรไม่ลง จนต้องขย้อน หรืออาเจียนออกมา
5. กินอะไรไม่ลง น้ำหนักเริ่มลด ร่างกายซูบผอม อ่อนเพลีย เพราะขาดสารอาหาร
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งหลอดอาหาร
-ดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่
- กินอาหารบางชนิดติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน เช่น อาหารที่มีสารไนโตรซามีน จำพวกเนื้อ อาหารที่ใส่สารกันบูด อาหารประเภทย่าง หรือเครื่องปรุงอย่างพริก และพริกไทย
-อยู่ในภาวะอ้วน
-รับประทานอาหารที่มีผลไม้ ผัก และแร่ธาตุน้อย
-เป็นผู้ป่วยโรคกรดไหลย้อนเรื้อรัง ทำให้เยื่อบุภายในหลอดอาหารเกิดอาการบาดเจ็บ จนอาจจะทำให้เกิดเซลล์ผิดปกติจนเกิดเป็นมะเร็งได้
-เกิดการเปลี่ยนแปลงของเยื่อบุหลอดอาหารอย่างรุนแรง เช่น กลืนน้ำยาล้างห้องน้ำ กลืนน้ำกรด เป็นต้น
-ติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิดในหลอดอาหาร
ฉะนั้นกล่าวโดยสรุป คือ การรับประทานของร้อน อาจจะไม่ถึงกับทำให้หลอดอาหารบาดเจ็บจนเป็นแผล แต่อย่างไรก็ตาม หากอาหารร้อนเกินไปอาจทำให้เนื้อเยื่อบริเวณปากบาดเจ็บ จนเป็นแผลได้เช่นกัน เพราะฉะนั้น ควรรับประทานอาหารที่มีความร้อนที่เหมาะสม เพื่อที่จะได้ไม่ลวกปากและลิ้นจานปากพองบ่อยๆ
อาการของมะเร็งหลอดเลือดอาหาร
1.เริ่มรู้สึกลำบากในการกลืนอาหาร ไม่ว่าจะเป็นอาหารแข็ง หรืออาหารเหลว
2.เริ่มกินอาหารแข็งแล้วรู้สึกฝืดคอ กลืนไม่ค่อยลง เช่น ไก่ย่าง หมูทอด ผลไม้ต่างๆ
3.อาจมีอาการข้างเคียงเพิ่มเติม เช่น ท้องอืด อาหารไม่ย่อย ปวดหัว แน่นหน้าอก คลื่นไส้ ไอ หรือเจ็บบริเวณกระดูกหน้าอก หรือในลำคอ
4.มีอาการกลืนอะไรไม่ลง จนต้องขย้อน หรืออาเจียนออกมา
5. กินอะไรไม่ลง น้ำหนักเริ่มลด ร่างกายซูบผอม อ่อนเพลีย เพราะขาดสารอาหาร
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งหลอดอาหาร
-ดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่
- กินอาหารบางชนิดติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน เช่น อาหารที่มีสารไนโตรซามีน จำพวกเนื้อ อาหารที่ใส่สารกันบูด อาหารประเภทย่าง หรือเครื่องปรุงอย่างพริก และพริกไทย
-อยู่ในภาวะอ้วน
-รับประทานอาหารที่มีผลไม้ ผัก และแร่ธาตุน้อย
-เป็นผู้ป่วยโรคกรดไหลย้อนเรื้อรัง ทำให้เยื่อบุภายในหลอดอาหารเกิดอาการบาดเจ็บ จนอาจจะทำให้เกิดเซลล์ผิดปกติจนเกิดเป็นมะเร็งได้
-เกิดการเปลี่ยนแปลงของเยื่อบุหลอดอาหารอย่างรุนแรง เช่น กลืนน้ำยาล้างห้องน้ำ กลืนน้ำกรด เป็นต้น
-ติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิดในหลอดอาหาร
ฉะนั้นกล่าวโดยสรุป คือ การรับประทานของร้อน อาจจะไม่ถึงกับทำให้หลอดอาหารบาดเจ็บจนเป็นแผล แต่อย่างไรก็ตาม หากอาหารร้อนเกินไปอาจทำให้เนื้อเยื่อบริเวณปากบาดเจ็บ จนเป็นแผลได้เช่นกัน เพราะฉะนั้น ควรรับประทานอาหารที่มีความร้อนที่เหมาะสม เพื่อที่จะได้ไม่ลวกปากและลิ้นจานปากพองบ่อยๆ