ผำ หรือ ไข่ผำ (Swamp algae) ชื่อทางวิทยาศาสตร์ Wolffia arrhiza (L.) Horkel ex Wimm. ชื่อสามัญ Swamp algae,Water Meal หรือที่รู้จักกันในชื่อเรียกในภาษาท้องถิ่นอื่นๆ อีกว่า ไข่แหน,ไข่น้ำ จัดอยู่ในกลุ่มแหนเป็ด แหนแดง แหนเป็ดเล็ก แหนเป็ดใหญ่ ที่เป็นวัชพืชน้ำขนาดเล็กที่สุดที่มีดอก โดยสามารถพบได้ในเขตประเทศอบอุ่นทั่วโลกทั้งทวีปเอเชียและทวีปแอฟริกา ในประเทศไทยพบว่าแพร่กระจายในทุกภูมิภาค ตามแหล่งน้ำนิ่งต่างๆ โดยเฉพาะสระน้ำหรือบ่อน้ำขนาดเล็ก
โดยผำหรือไข่ผำเป็นวัชพืชน้ำประเภทลอยน้ำชนิดหนึ่งที่นิยมนำมาประกอบอาหาร อาทิ แกงไข่ผำ ไข่เจียวไขผำ ยำไข่ผำ นอกจากนี้ยังสามารถนำมาสกัดคลอโรฟิลล์สำหรับเป็นอาหารเสริมหรือหรือสกัดให้อยู่ในรูปของสารโซเดียมคอบเปอร์คลอโรฟิลลิน และใช้ประโยชน์ในการปศุสัตว์ซึ่งให้เป็นอาหารเลี้ยงสัตว์ อาทิ หมู เป็ด วัวและควาย ได้อีกด้วย
เนื่องจากจึงเป็นพืชน้ำที่มีแคลเซียม วิตามิน A และคลอโรฟิลล์สูงอันดับต้นๆ ซึ่งคุณค่าทางโภชนาการ (100 กรัม) มีแคลเซียลถึง 59 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 25 มิลลิกรัม วิตามิน A 535 มิลลิกรัม ไทอะมีน (วิตามิน B1) 0.03 มิลลิกรัม ไรโบฟลาวิน (วิตามิน B2) 0.09 มิลลิกรัม ไนอะซีน (วิตามิน B3) 0.4 มิลลิกรัม และ วิตามินซี 11 มิลลิกรัม ทำให้มีสรรพคุณในด้านต่างๆ มากมายสำหรับร่างกายตั้งแต่ภายในสู่ภายนอก ได้แก่ ช่วยเสริมสร้างกระดูก ช่วยป้องกันกระดูกพรุน ช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง ช่วยบำรุงสายตา บำรุงผิวพรรณให้ผุดผ่องใส ช่วยในเรื่องของระบบย่อยอาหาร ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย และป้องกันโรคมะเร็งในระบบทางเดินอาหารได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
ทั้งนี้ทั้งนั้นการนำไข่ผำมาประกอบอาหารควรหลีกเลี่ยงการรับประทานแบบสดๆ ควรปรุงให้สุกโดยผ่านความร้อนไม่ต่ำกว่า 100 องศาเซลเซียส เพราะอาจจะมีการปนเปื้อนของตัวอ่อนพยาธิจากแหล่งน้ำได้
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจากเว็บไซต์: Puechkaset.com เว็บเพื่อพืชเกษตรไทย
โดยผำหรือไข่ผำเป็นวัชพืชน้ำประเภทลอยน้ำชนิดหนึ่งที่นิยมนำมาประกอบอาหาร อาทิ แกงไข่ผำ ไข่เจียวไขผำ ยำไข่ผำ นอกจากนี้ยังสามารถนำมาสกัดคลอโรฟิลล์สำหรับเป็นอาหารเสริมหรือหรือสกัดให้อยู่ในรูปของสารโซเดียมคอบเปอร์คลอโรฟิลลิน และใช้ประโยชน์ในการปศุสัตว์ซึ่งให้เป็นอาหารเลี้ยงสัตว์ อาทิ หมู เป็ด วัวและควาย ได้อีกด้วย
เนื่องจากจึงเป็นพืชน้ำที่มีแคลเซียม วิตามิน A และคลอโรฟิลล์สูงอันดับต้นๆ ซึ่งคุณค่าทางโภชนาการ (100 กรัม) มีแคลเซียลถึง 59 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 25 มิลลิกรัม วิตามิน A 535 มิลลิกรัม ไทอะมีน (วิตามิน B1) 0.03 มิลลิกรัม ไรโบฟลาวิน (วิตามิน B2) 0.09 มิลลิกรัม ไนอะซีน (วิตามิน B3) 0.4 มิลลิกรัม และ วิตามินซี 11 มิลลิกรัม ทำให้มีสรรพคุณในด้านต่างๆ มากมายสำหรับร่างกายตั้งแต่ภายในสู่ภายนอก ได้แก่ ช่วยเสริมสร้างกระดูก ช่วยป้องกันกระดูกพรุน ช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง ช่วยบำรุงสายตา บำรุงผิวพรรณให้ผุดผ่องใส ช่วยในเรื่องของระบบย่อยอาหาร ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย และป้องกันโรคมะเร็งในระบบทางเดินอาหารได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
ทั้งนี้ทั้งนั้นการนำไข่ผำมาประกอบอาหารควรหลีกเลี่ยงการรับประทานแบบสดๆ ควรปรุงให้สุกโดยผ่านความร้อนไม่ต่ำกว่า 100 องศาเซลเซียส เพราะอาจจะมีการปนเปื้อนของตัวอ่อนพยาธิจากแหล่งน้ำได้
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจากเว็บไซต์: Puechkaset.com เว็บเพื่อพืชเกษตรไทย