xs
xsm
sm
md
lg

วิธีรักษา “รอยแผลเป็น" จากการผ่าตัด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บทความโดย แพทย์หญิง วารีรัตน์ โขมศิริ
ผู้บริหาร นีโอเลเซอร์ คลินิก และผู้บริหาร บริษัท อินโนเวทีฟ เฮลท์ จำกัด

หนึ่งในคำถามที่หมอเจออยู่เป็นประจำ ก็คือ รอยแผลเป็นที่เกิดจากการผ่าตัดนั้น มีวิธีการรักษาหรือไม่อย่างไร เพราะหลายคนเป็นกังวลเหลือเกิน โดยเฉพาะคุณผู้หญิงที่รักสวยรักงาม คงไม่มีใครอยากให้รอยแผลเป็นมาก่อกวนความเรียบเนียนของผิว จริงไหมคะ

อย่างไรก็ดี ก่อนที่เราจะไปพูดเรื่องการรักษา หมอคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการดูแลตั้งแต่ต้นเหตุก่อน สิ่งที่หมอพอจะแนะนำได้คือ ก่อนการผ่าตัดแต่ละครั้ง ถ้าเป็นไปได้ ให้เลือกหมอที่สามารถผ่าตัดและเย็บแผลให้เราได้ละเอียด หรืออาจจะขอร้องคุณหมอเลยก็ได้ว่า ขอแบบเย็บแผลละเอียดๆ ... ซึ่งก็จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดรอยแผลเป็นที่ไม่สวย ได้มาก

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หมออยากให้รู้ว่า เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับหมออย่างเดียว แต่มันเกี่ยวกับเรื่องเซลล์ผิวของแต่ละคนไม่เหมือนกันด้วย อย่างบางคนหกล้มแล้วแผลใหญ่มาก แต่ไม่เห็นเป็นแผลเป็นเลย แต่บางคน แผลนิดเดียว เป็นรอยแผลเป็นนูนก็มี เพราะเซลล์ผิวแต่ละคนไม่เหมือนกัน พี่น้องกันยังผิวไม่เหมือนกันเลย

ข้อสำคัญอีกอย่างที่หมออยากเน้นไว้เบื้องต้น ณ ตรงนี้ก็คือ หลังจากผ่าตัด พยายามดูแลแผลให้ดีที่สุด ถามว่าดูแลยังไง ก็คืออย่าให้มันสกปรกน่ะค่ะ เช่น ถ้าไปผ่าเต้านมมา ก็พยายามอย่าให้เหงื่อออกหลังผ่าตัด อย่าให้เกิดการเสียดสีบ่อย หรือถ้าแผลยังไม่แห้ง ก็ต้องใส่ยาฆ่าเชื้อ อย่าให้ติดเชื้ออีก เหนือสิ่งอื่นใดคืออย่าให้อักเสบ เพราะยิ่งอักเสบมากเท่าไหร่ โอกาสที่จะเกิดเป็นแผลเป็นเยอะ ก็มากตามไปด้วย

ทีนี้ หลังจากผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว เราก็ต้องมาดูค่ะว่า “รอยแผลเป็นจากการผ่าตัด” ของเรานั้น เป็นแผลเป็นแบบไหน? เป็นแบบ “รอยแดง” หรือเป็นแบบ “แผลเป็นรอยนูน” ที่บางคนเรียกว่าแผลคีลอยด์

ถ้าเป็นแบบรอยแดง หมอก็จะบอกคนไข้เสมอว่า วิธีการรักษาก็ไม่ยาก แค่เราดูแลแผลไม่ให้เกิดการอักเสบ มีหนอง แล้วให้มันรักษาตัวมันเอง ภายในระยะเวลา 6 เดือน ถึง 1 ปี รอยแดงนั้นก็จะหายไปเอง โดยที่เราไม่จำเป็นต้องทำอะไร ทั้งนี้ ระยะเวลาที่จะหายช้าหรือเร็ว ก็ขึ้นอยู่กับผิวของแต่ละคน

ขณะที่หลายคนก็สรรหาครีมนู่นนี่นั่นมาทา บางคนก็ถามว่า มีวิธีธรรมชาติในการรักษาไหม? หมอแนะนำว่า ถ้าแผลแห้งแล้วก็ใช้ว่านหางจระเข้ทาก็ได้ มะขามเปียก็ได้ แต่ต้องระวังด้วยนะคะ ต้องรอให้แผลแห้งสนิทเต็มที่ก่อน ถึงค่อยนำพวกนั้นมาทา เพราะหมอกลัวว่า ถ้าเราเอามะขามเปียกหรืออะไรที่มีกรดไปทาไปขัด มันอาจจะอักเสบขึ้นอีกได้

ช่วงแรกๆ หลังแผลหาย จึงยังไม่อยากให้ใช้ เพราะเดี๋ยวมันอาจจะเกิดการระคายเคือง โดยเฉพาะช่วงสามเดือนแรก แต่ถ้าเกินหกเดือนไปแล้ว แผลหายดีแล้ว ก็อาจจะใช้มะขามเปียก มะนาวใส่เกลือใส่น้ำผึ้ง เอามาขัดๆ ก็เป็นวิธีธรรมชาติที่ช่วยได้ ถ้าเราไม่แพ้ แต่ข้อที่ควรระวังก็คือ ส่วนใหญ่กรดจากธรรมชาติพวกนี้ เราควบคุมความเข้มข้นไม่ได้ เพราะฉะนั้น มันก็มีโอกาสระคายเคืองและแพ้ได้ ทางที่ดีก็ปรึกษาแพทย์ได้เหมือนกันในเรื่องนี้

แต่สำหรับบางคนอาจจะรู้สึกว่า อยากให้มันหายเร็วๆ เขาก็จะไปทำเลเซอร์กัน ทำให้รอยมันจางเร็วๆ เพราะเดี๋ยวนี้ คนไข้จะเครียดกับความช้า คือความจริงก็รู้ล่ะว่ามันหายเองได้ แต่ถ้าร่นเวลาให้ไวขึ้น ก็พากันไปทำเลเซอร์ ถามว่าเลเซอร์ได้มั้ย ก็ได้ แต่ต้องรอให้แผลหายสนิทก่อน ไม่อย่างนั้น มาทำเลเซอร์ซึ่งมีความร้อน แผลยังไม่หายดี จะเกิดการอักเสบได้ เพราะฉะนั้นก็ต้องปรึกษาแพทย์ก่อน ส่วนข้อดีของการเลเซอร์รอยแดง ก็คือแผลเป็นนั้นๆ จะจางเร็ว

สรุปว่า แผลเป็นจากรอยแดงรอยดำ หายเองได้ แต่ถ้าเมื่อไหร่เป็นแผลเป็นนูน อันนี้ต้องรักษา เพราะแผลเป็นนูน วิธีธรรมชาติ มันไม่ค่อยช่วยอะไร และการจะเอามะขามเปียก มะนาว หรืออะไรก็ตามมาขัด นอกจากจะไม่ช่วยแล้ว ยิ่งขัดก็จะยิ่งเป็นรอยนูน ยิ่งไปถูมันเยอะ มันยิ่งระคายเคือง เพราะมันเกิดจากด้านใน

สำหรับหมอ ก็จะแนะนำคนไข้ว่า ถ้านูนนิดหน่อย ก็ปล่อยมันไป เพราะมันอาจจะยุบเองได้ เราแค่อย่าไประคายเคืองมันเยอะ อย่างเมื่อก่อน เขาก็จะให้แปะซิลิโคนเจล ประโยชน์อย่างหนึ่งก็คือไม่อยากให้มันระคายเคือง เพราะฉะนั้น ถ้าเกิดไม่ระคายเคืองเยอะ ก็จะไม่มีปัญหา ถ้านิดหน่อย ทนได้ก็ทน เพราะเดี๋ยวมันก็จะค่อยๆ ยุบลงไป

แต่ถ้าเมื่อไหร่ มันนูนเยอะ ก็ควรจะต้องปรึกษาแพทย์ ก็อาจจะใช้วิธีการเลเซอร์หรือทำอะไรอย่างอื่นเพื่อให้มันยุบได้ การเลเซอร์แผลเป็นนูน ทำแล้วรู้สึกได้เลยว่าแผลจางลง แต่อาจจะต้องใช้เลเซอร์แรงนิดนึง เพราะว่าแผลเป็นนูนมันจะอยู่ลึกลงไปใต้ผิวหนังมากกว่าแผลเป็นรอยแดง การเลเซอร์จะทำให้แผลเป็นนูนนั้นนุ่มลง แต่ก็อาจจะต้องทำหลายรอบ

อีกอย่าง สำหรับแผลเป็นนูน หมอก็มักจะบอกคนไข้ว่า มันไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์นะ มันทำให้ได้แค่ดีขึ้น แต่มันดีขึ้นได้มากถึง 90 เปอร์เซ็นต์น่ะค่ะ แต่ว่าถ้าไม่ดูแล ไปถูไปขัด ไประคายเคือง ทำให้มันอักเสบ มันก็อาจจะนูนขึ้นได้อีก เพราะว่าแผลตรงนั้นมันเหมือนไม่ค่อยโอเคแล้ว

สุดท้าย เรื่องรอยแผลเป็น เราสามารถดูแลให้มันดีขึ้นได้ค่ะ เพียงแค่รักษาให้ถูกวิธี และทางที่ดี มีอะไรสงสัยก็ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนนะคะ ^^


กำลังโหลดความคิดเห็น