ขึ้นชื่อว่าเป็นธัญพืชแล้ว นอกจากจะเป็นปัจจัยหลักที่หลายๆ คน นำมาเป็นอาหารหลักและอาหารเสริมในการลดน้ำหนักแล้ว ยังมีประโยชน์ที่ช่วยในเรื่องการขับถ่ายให้ดีขึ้น ซึ่งถ้ามองเผินๆ แล้ว ก็คงคิดว่าดีกว่าคารฺโบไฮเดรตที่มาจากข้าวเป็นไหนๆ ซึ่งถ้ามาดูข้อเท็จจริงแล้ว ยังมีข้อมูลที่เรายังเข้าใจผิดต่อ ‘กราโนล่า’ อยู่เช่นเดียวกัน
จริงหรือที่ ‘กราโนลา’ ช่วยได้
โดยปกติของ ‘กราโนลา’ แล้วนั้น ส่วนผสมทำมาจากข้าวโอ๊ต และธัญพืชอื่นๆ เช่น ถั่ว บางสูตรปรุงรสชาติเพิ่ม เช่น ใส่น้ำผึ้ง และอื่นๆ ซึ่งถึงแม้ว่าส่วนผสมจะมองว่าดี แต่ก็ยังถือว่าเป็นอาหารที่ให้พลังงาน และยังเป็นพลังงานที่เข้มข้น ที่เรียกว่า Calorie Density สูง หมายถึงการทานเพียงปริมาณน้อยๆ แต่ก็ให้พลังงานเพียงพอกับข้าวทั้งมื้อแล้ว โดยกราโนล่าราวๆ 40-50 กรัม จะมีคาร์โบไฮเดรตราวๆ 25 กรัม และสารอาหารอื่นๆ เช่น ไขมัน 10 และโปรตีนอีก 5 กรัม ซึ่งทั้งหมดนี้ให้พลังงานใกล้เคียงกับการข้าวหุงสุก 1 จน (100 กรัม) เลยทีเดียว ซึ่งหากทานเพลินไป จนลืมดูพลังงานเพิ่มขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจเช่นกัน
เลือกทานอาหารที่ให้พลังงานต่ำ ในปริมาณเยอะดีกว่า
ที่จริง การทานผักผลไม้ก็ถือว่าเป็นตัวช่วยในการลดน้ำหนักอยู่แล้ว เพราะผักผลไม้เป็นอาหารที่มี Calorie Density ต่ำ หมายความว่า เมื่อทานในปริมาณมาก (มากกว่าอาหารประเภทอื่นๆ) แต่ยังให้พลังงานต่ำกว่าอาหารอื่นในปริมาณที่เท่ากัน หากอยากควบคุมปริมาณแคลอรี่ในอาหารที่ทานเข้าไป การเลือกอาหารที่ทานเยอะกว่า แต่ให้พลังงานต่ำกว่า จะเป็นทางออกที่สุด เช่น ข้าว 2 ทัพพี ให้พลังงานเท่ากับน้ำอัดลม 1 กระป๋อง ในกรณีนี้ ควรเลือกทานข้าว 2 ทัพพี เพราะทั้ง 2 อย่าง ให้พลังงานเท่ากัน แต่การทานข้าวให้ความอิ่ม และ มีดีต่อสุขภาพมากกว่าในแง่ของคุณค่าทางสารอาหารด้วย
ทาน ‘กราโนลา’ ยังไงไม่ให้อ้วน
แม้ว่า “กราโนลา” มีพลังงานพอสมควร หากทานแค่ปริมาณน้อย การจำกัดการกินก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม ซึ่งทำให้เกิดความสบายใจและไม่กลัวอ้วนอย่างแท้จริง ซึ่งนอกจากจะเลือกชนิดของกราโนลาที่ใส่แต่ธัญพืชที่ดีมีประโยชน์ ไม่มีส่วนผสมอื่นๆ ที่ผสมน้ำตาลมากเกินไป ก็จะช่วยให้ควบคุมปริมาณแคลอรี่ได้ง่ายยิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ก็ควรไปทานอาหารอื่นๆ ให้หลากหลายมากขึ้น เพื่อให้ได้สารอาหารที่หลากหลายมากขึ้นเช่นกัน
จริงหรือที่ ‘กราโนลา’ ช่วยได้
โดยปกติของ ‘กราโนลา’ แล้วนั้น ส่วนผสมทำมาจากข้าวโอ๊ต และธัญพืชอื่นๆ เช่น ถั่ว บางสูตรปรุงรสชาติเพิ่ม เช่น ใส่น้ำผึ้ง และอื่นๆ ซึ่งถึงแม้ว่าส่วนผสมจะมองว่าดี แต่ก็ยังถือว่าเป็นอาหารที่ให้พลังงาน และยังเป็นพลังงานที่เข้มข้น ที่เรียกว่า Calorie Density สูง หมายถึงการทานเพียงปริมาณน้อยๆ แต่ก็ให้พลังงานเพียงพอกับข้าวทั้งมื้อแล้ว โดยกราโนล่าราวๆ 40-50 กรัม จะมีคาร์โบไฮเดรตราวๆ 25 กรัม และสารอาหารอื่นๆ เช่น ไขมัน 10 และโปรตีนอีก 5 กรัม ซึ่งทั้งหมดนี้ให้พลังงานใกล้เคียงกับการข้าวหุงสุก 1 จน (100 กรัม) เลยทีเดียว ซึ่งหากทานเพลินไป จนลืมดูพลังงานเพิ่มขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจเช่นกัน
เลือกทานอาหารที่ให้พลังงานต่ำ ในปริมาณเยอะดีกว่า
ที่จริง การทานผักผลไม้ก็ถือว่าเป็นตัวช่วยในการลดน้ำหนักอยู่แล้ว เพราะผักผลไม้เป็นอาหารที่มี Calorie Density ต่ำ หมายความว่า เมื่อทานในปริมาณมาก (มากกว่าอาหารประเภทอื่นๆ) แต่ยังให้พลังงานต่ำกว่าอาหารอื่นในปริมาณที่เท่ากัน หากอยากควบคุมปริมาณแคลอรี่ในอาหารที่ทานเข้าไป การเลือกอาหารที่ทานเยอะกว่า แต่ให้พลังงานต่ำกว่า จะเป็นทางออกที่สุด เช่น ข้าว 2 ทัพพี ให้พลังงานเท่ากับน้ำอัดลม 1 กระป๋อง ในกรณีนี้ ควรเลือกทานข้าว 2 ทัพพี เพราะทั้ง 2 อย่าง ให้พลังงานเท่ากัน แต่การทานข้าวให้ความอิ่ม และ มีดีต่อสุขภาพมากกว่าในแง่ของคุณค่าทางสารอาหารด้วย
ทาน ‘กราโนลา’ ยังไงไม่ให้อ้วน
แม้ว่า “กราโนลา” มีพลังงานพอสมควร หากทานแค่ปริมาณน้อย การจำกัดการกินก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม ซึ่งทำให้เกิดความสบายใจและไม่กลัวอ้วนอย่างแท้จริง ซึ่งนอกจากจะเลือกชนิดของกราโนลาที่ใส่แต่ธัญพืชที่ดีมีประโยชน์ ไม่มีส่วนผสมอื่นๆ ที่ผสมน้ำตาลมากเกินไป ก็จะช่วยให้ควบคุมปริมาณแคลอรี่ได้ง่ายยิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ก็ควรไปทานอาหารอื่นๆ ให้หลากหลายมากขึ้น เพื่อให้ได้สารอาหารที่หลากหลายมากขึ้นเช่นกัน
