เกิดขึ้นแทบราวรายวันสำหรับอาการวูบหรือการเป็นลมหมดสติที่คราชีวิตโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว ซึ่งทั้งนี้ อาการหมดสติเป็นลมวูบ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่มีอาการวูบจากภาวะโลหิตต่ำชั่วคราว (ไม่ใช่อาการโรคหัวใจ) เป็น อาการเป็นลมทั่วไปที่เกิดจากสาเหตุร่างกายทนกับสภาพแวดล้อมไม่ได้ ความเครียดสะสมและพักผ่อนไม่เพียงพอ ส่วนอีกกลุ่มคือ “อาการวูบจากโรคหัวใจและหลอดเลือด” เช่น อัตราการเต้นของหัวใจผิดปกติ การอุดตันของเส้นเลือด ซึ่งมีอัตราการเสี่ยงต่อการเสียชีวิตสูง
ไม่ควรปล่อยนิ่งเฉยหรือมองข้าม!
เนื่องจากหากต่อมามีอาการเจ็บหน้าอกรุนแรงขึ้น กำเริบบ่อยขึ้น หรือมีอาการเจ็บหน้าอกแม้ขณะพักหรือออกแรงเพียงเล็กน้อย แสดงว่าตะกรันท่อเลือดแดงอาจสะสมมากขึ้นจนหลอดเลือดหัวใจเกิดการอุดตันมากขึ้น ตะกรันเริ่มแตกหรือมีลิ่มเลือดเกิดขึ้น เรียกว่า โรคหัวใจขาดเลือดชั่วขณะแบบไม่คงที่ (unstable angina) ซึ่งถือเป็นภาวะฉุกเฉิน เพราะอาจเกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันตามมาได้
วิธีการดูแลตัวเองเบื้องต้น จึงควรสังเกตุตัวเองหากมีอาการเจ็บหน้าอกรุนแรง หรือปวดต่อเนื่องติดต่อกันนานเป็นชั่วโมงๆ หรือเป็นวันๆ หรือมีอาการหอบเหนื่อย อ่อนเพลีย หน้ามืด หรือเป็นลม อย่างใดอย่างหนึ่งร่วมด้วย ควรรีบไปโรงพยาบาลทันที เพราะอาจเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน หรือสาเหตุร้ายแรงอื่นๆ ได้
หรือถ้ามีอาการปวดเค้นหรือจุกแน่นตรงลิ้นปี่นาน2-3นาที แต่ไม่เกิน 10-15นาที ร่วมกับมีอาการปวดร้าวขึ้นไปที่คอ ไหล่ ขากรรไกร หรือมีปัจจัยเสี่ยง เช่น อายุมาก น้ำหนักตัวสูง สูบบุหรี่ เป็นเบาหวาน ความดันสูง และโรคเครียด ถ้ามีอาการเจ็บหน้าอกเล็กน้อย กินยา 3-5วันแล้วไม่ทุเลา ควรไปปรึกษาพบแพทย์
วิธีการรักษา
ผู้ป่วยที่มีประสบการณ์กับตนเองรวมถึงคนใกล้ชิดผู้ป่วยจะเกิดความวิตกกังวลสูญเสียความมั่นใจ เนื่องจากไม่แน่ใจว่าตนเองหรือคนใกล้ชิดจะเป็นลมหมดสติอีกเมื่อไร ดังนั้นผู้ที่เคยมีอาการวูบ ควรเข้ารับการตรวจรักษาเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและหาหนทางแก้ไข แม้จะมีเพียง 75 เปอร์เซ็นต์ ของคนที่เคยมีอาการวูบที่หาสาเหตุได้ แต่ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ เพราะอย่างน้อย
อาการวูบก็เป็นสัญญาณเตือนถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกาย
ทั้งนี้ควรตรวจเช็คอาการเตือนเป็นลมหมดสติ เพราะบางคนก่อนจะเป็นลมหมดสติมีอาการเตือนไม่เหมือนกัน เช่น คลื่นไส้ อาเจียน มวนท้อง ถ่ายท้อง เหงื่อแตก ตัวเย็น ถ้าเป็นจากโรคหัวใจอาจมีใจสั่นนำมาก่อนหรืออาจไม่มีอาการเตือนเลยก็ได้ ขณะหมดสติอาจมีอาการเกร็ง กระตุกได้ ซึ่งอาจทำให้สันสนกับโรคลมชัก
ไม่ควรปล่อยนิ่งเฉยหรือมองข้าม!
เนื่องจากหากต่อมามีอาการเจ็บหน้าอกรุนแรงขึ้น กำเริบบ่อยขึ้น หรือมีอาการเจ็บหน้าอกแม้ขณะพักหรือออกแรงเพียงเล็กน้อย แสดงว่าตะกรันท่อเลือดแดงอาจสะสมมากขึ้นจนหลอดเลือดหัวใจเกิดการอุดตันมากขึ้น ตะกรันเริ่มแตกหรือมีลิ่มเลือดเกิดขึ้น เรียกว่า โรคหัวใจขาดเลือดชั่วขณะแบบไม่คงที่ (unstable angina) ซึ่งถือเป็นภาวะฉุกเฉิน เพราะอาจเกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันตามมาได้
วิธีการดูแลตัวเองเบื้องต้น จึงควรสังเกตุตัวเองหากมีอาการเจ็บหน้าอกรุนแรง หรือปวดต่อเนื่องติดต่อกันนานเป็นชั่วโมงๆ หรือเป็นวันๆ หรือมีอาการหอบเหนื่อย อ่อนเพลีย หน้ามืด หรือเป็นลม อย่างใดอย่างหนึ่งร่วมด้วย ควรรีบไปโรงพยาบาลทันที เพราะอาจเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน หรือสาเหตุร้ายแรงอื่นๆ ได้
หรือถ้ามีอาการปวดเค้นหรือจุกแน่นตรงลิ้นปี่นาน2-3นาที แต่ไม่เกิน 10-15นาที ร่วมกับมีอาการปวดร้าวขึ้นไปที่คอ ไหล่ ขากรรไกร หรือมีปัจจัยเสี่ยง เช่น อายุมาก น้ำหนักตัวสูง สูบบุหรี่ เป็นเบาหวาน ความดันสูง และโรคเครียด ถ้ามีอาการเจ็บหน้าอกเล็กน้อย กินยา 3-5วันแล้วไม่ทุเลา ควรไปปรึกษาพบแพทย์
วิธีการรักษา
ผู้ป่วยที่มีประสบการณ์กับตนเองรวมถึงคนใกล้ชิดผู้ป่วยจะเกิดความวิตกกังวลสูญเสียความมั่นใจ เนื่องจากไม่แน่ใจว่าตนเองหรือคนใกล้ชิดจะเป็นลมหมดสติอีกเมื่อไร ดังนั้นผู้ที่เคยมีอาการวูบ ควรเข้ารับการตรวจรักษาเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและหาหนทางแก้ไข แม้จะมีเพียง 75 เปอร์เซ็นต์ ของคนที่เคยมีอาการวูบที่หาสาเหตุได้ แต่ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ เพราะอย่างน้อย
อาการวูบก็เป็นสัญญาณเตือนถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกาย
ทั้งนี้ควรตรวจเช็คอาการเตือนเป็นลมหมดสติ เพราะบางคนก่อนจะเป็นลมหมดสติมีอาการเตือนไม่เหมือนกัน เช่น คลื่นไส้ อาเจียน มวนท้อง ถ่ายท้อง เหงื่อแตก ตัวเย็น ถ้าเป็นจากโรคหัวใจอาจมีใจสั่นนำมาก่อนหรืออาจไม่มีอาการเตือนเลยก็ได้ ขณะหมดสติอาจมีอาการเกร็ง กระตุกได้ ซึ่งอาจทำให้สันสนกับโรคลมชัก
