ปัจจุบันมีอาหารและเครื่องดื่มที่เป็นทางเลือกให้คนที่ใส่ใจในเรื่องของสุขภาพออกมาจำหน่ายตามท้องตลาดมากมาย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือนมอัลมอนด์ที่ตอนนี้ขึ้นแท่นกลายเป็นเครื่องดื่มยอดฮิตอันดับต้นๆ ของคนที่รักสุขภาพไปแล้ว และเพราะอะไร...เราจะมาหาคำตอบกัน
ประโยชน์ของนมอัลมอนด์
•นมอัลมอนด์ให้พลังงานต่ำไม่ถึง 100 กิโลแคลอรี่ต่อ 250 มิลลิลิตร แถมยังมีไขมันต่ำ ปราศจากคอเลสเตอรอลด้วย
•อุดมไปด้วยสารอาหารต่างๆ มากมาย อาทิ โปรตีน ใยอาหาร แคลเซียม ธาตุเหล็ก ฟอสฟอรัส ซีลีเนียม แมงกานีส แมกนีเซียม โพแทสเซียม ฯลฯ โดยเฉพาะโพแทสเซียมที่ช่วยควบคุมความดันโลหิต ลดอาการอ่อนเพลียได้ด้วย
•ช่วยลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุน บำรุงกระดูกและฟัน
•มีวิตามินบี วิตามินอี และสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยเสริมสร้างสมอง ลดความเสี่ยงต่อโรคอัลไซเมอร์ และบำรุงผิวพรรณให้สดใสเปล่งปลั่ง
•ในนมอัลมอนด์มีสารสำคัญชื่อ ฟราโวนอยด์ สามารถช่วยชะลอการเพิ่มของระดับน้ำตาลในร่างกาย และยังไม่มีคอเรสเตอรอล จึงเป็นตัวช่วยของผู้ที่กำลังควบคุมน้ำหนักได้ดี
•มีไรโบฟลาวิน (Riboflavin) ช่วยเผาผลาญพลังงาน ดึงโปรตีนมาใช้ และย่อยสลายไขมัน
•มีกรดโฟลิกที่ช่วยเสริมสร้างเซลล์ประสาทต่างๆ ซึ่งสารอาหารดังกล่าวยังเหมาะสำหรับผู้หญิงที่ตั้งครรภ์อีกด้วย
•ในนมอัลมอนด์ประกอบไปด้วย ไขมันชนิดดี (HDL) ซึ่งไขมันประเภทนี้จะช่วยลดระดับไขมันชนิดเลว (LDL) เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจและผู้ที่มีคอเรสเตอรอลสูงได้
•มีใยอาหารสูง ช่วยในเรื่องระบบขับถ่าย ทำให้ท้องไม่ผูก และลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ได้
•ในนมอัลมอนด์ไม่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนเหมือนนมถั่วเหลือง ผู้ป่วยมะเร็งช่วงระหว่างเคมีบำบัดสามารถดื่มได้
• เหมาะสำหรับผู้ที่แพ้แลคโตสในนมวัว ผู้แพ้กลูเตน และผู้ที่รับประทานมังสวิรัติ
หมายเหตุ
- นมอัลมอนด์ไม่เหมาะกับผู้ที่แพ้ถั่ว
- ในนมอัลมอนด์มีโปรตีนและแคลเซียมน้อยกว่านมวัว ซึ่งในนมอัลมอนด์จะมีแคลเซียมเพียง 8 มิลลิกรัมต่อปริมาณ 250 มิลลิลิตร ส่วนนมวัวมีมากถึง 300 มิลลิกรัม
- ควรซื้อชนิดที่ไม่เติมน้ำตาลและสารให้ความหวานต่างๆ จะให้ประโยชน์มากกว่า
- ควรดื่มแต่พอดีวันละไม่เกิน 1-2 แก้ว เพราะการรับประทานอะไรก็ตามที่มากไปก็ทำให้เกิดโทษได้เช่นกัน
- ห้ามรับประทานอัลมอนด์ดิบ เนื่องจากมีสารพิษที่ส่งผลเสียต่อร่างกาย อาจจะร้ายแรงจนถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้
วิธีทำนมอัลมอนด์
เริ่มจากแช่เมล็ดอัลมอนด์ดิบ 1 ส่วนในน้ำทิ้งไว้ประมาณหนึ่งคืน เมื่ออัลมอนด์พองได้ที่ให้นำมาปอกเปลือกออก จากนั้นนำปั่นกับน้ำสะอาด 2 ส่วน ปั่นจนละเอียด และกรองด้วยผ้าขาวบางเอาแต่น้ำเพื่อนำมาดื่ม ซึ่งหากต้องการรสหวานสามารถเติมน้ำผึ้งเพิ่มได้
ข้อมูลประกอบบางส่วน : http://issue247.com
ประโยชน์ของนมอัลมอนด์
•นมอัลมอนด์ให้พลังงานต่ำไม่ถึง 100 กิโลแคลอรี่ต่อ 250 มิลลิลิตร แถมยังมีไขมันต่ำ ปราศจากคอเลสเตอรอลด้วย
•อุดมไปด้วยสารอาหารต่างๆ มากมาย อาทิ โปรตีน ใยอาหาร แคลเซียม ธาตุเหล็ก ฟอสฟอรัส ซีลีเนียม แมงกานีส แมกนีเซียม โพแทสเซียม ฯลฯ โดยเฉพาะโพแทสเซียมที่ช่วยควบคุมความดันโลหิต ลดอาการอ่อนเพลียได้ด้วย
•ช่วยลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุน บำรุงกระดูกและฟัน
•มีวิตามินบี วิตามินอี และสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยเสริมสร้างสมอง ลดความเสี่ยงต่อโรคอัลไซเมอร์ และบำรุงผิวพรรณให้สดใสเปล่งปลั่ง
•ในนมอัลมอนด์มีสารสำคัญชื่อ ฟราโวนอยด์ สามารถช่วยชะลอการเพิ่มของระดับน้ำตาลในร่างกาย และยังไม่มีคอเรสเตอรอล จึงเป็นตัวช่วยของผู้ที่กำลังควบคุมน้ำหนักได้ดี
•มีไรโบฟลาวิน (Riboflavin) ช่วยเผาผลาญพลังงาน ดึงโปรตีนมาใช้ และย่อยสลายไขมัน
•มีกรดโฟลิกที่ช่วยเสริมสร้างเซลล์ประสาทต่างๆ ซึ่งสารอาหารดังกล่าวยังเหมาะสำหรับผู้หญิงที่ตั้งครรภ์อีกด้วย
•ในนมอัลมอนด์ประกอบไปด้วย ไขมันชนิดดี (HDL) ซึ่งไขมันประเภทนี้จะช่วยลดระดับไขมันชนิดเลว (LDL) เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจและผู้ที่มีคอเรสเตอรอลสูงได้
•มีใยอาหารสูง ช่วยในเรื่องระบบขับถ่าย ทำให้ท้องไม่ผูก และลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ได้
•ในนมอัลมอนด์ไม่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนเหมือนนมถั่วเหลือง ผู้ป่วยมะเร็งช่วงระหว่างเคมีบำบัดสามารถดื่มได้
• เหมาะสำหรับผู้ที่แพ้แลคโตสในนมวัว ผู้แพ้กลูเตน และผู้ที่รับประทานมังสวิรัติ
หมายเหตุ
- นมอัลมอนด์ไม่เหมาะกับผู้ที่แพ้ถั่ว
- ในนมอัลมอนด์มีโปรตีนและแคลเซียมน้อยกว่านมวัว ซึ่งในนมอัลมอนด์จะมีแคลเซียมเพียง 8 มิลลิกรัมต่อปริมาณ 250 มิลลิลิตร ส่วนนมวัวมีมากถึง 300 มิลลิกรัม
- ควรซื้อชนิดที่ไม่เติมน้ำตาลและสารให้ความหวานต่างๆ จะให้ประโยชน์มากกว่า
- ควรดื่มแต่พอดีวันละไม่เกิน 1-2 แก้ว เพราะการรับประทานอะไรก็ตามที่มากไปก็ทำให้เกิดโทษได้เช่นกัน
- ห้ามรับประทานอัลมอนด์ดิบ เนื่องจากมีสารพิษที่ส่งผลเสียต่อร่างกาย อาจจะร้ายแรงจนถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้
วิธีทำนมอัลมอนด์
เริ่มจากแช่เมล็ดอัลมอนด์ดิบ 1 ส่วนในน้ำทิ้งไว้ประมาณหนึ่งคืน เมื่ออัลมอนด์พองได้ที่ให้นำมาปอกเปลือกออก จากนั้นนำปั่นกับน้ำสะอาด 2 ส่วน ปั่นจนละเอียด และกรองด้วยผ้าขาวบางเอาแต่น้ำเพื่อนำมาดื่ม ซึ่งหากต้องการรสหวานสามารถเติมน้ำผึ้งเพิ่มได้
ข้อมูลประกอบบางส่วน : http://issue247.com