ด้วยเทคโนโลยีบวกกับไลฟ์สไตล์ชีวิตที่เปลี่ยนไป ทำให้เราจำเป็นต้องเพ่งตามข้อมูลข่าวสารแทบจะตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หลายๆ คนจึงประสบปัญหากับสูญเสียความสามารถของดวงตาสั้นลง ซึ่งนอกจากจะมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันแล้ว บางรายอาจส่งผลต่อบุคลิกภาพอีกด้วย

สวมแว่นเมื่อจำเป็นเท่านั้น
เพราะร่างกายของเรามีการปรับตัวเป็นสัญชาตญาณ ดังนั้นการสวมแว่นสายตาเป็นประจำทุกเวลาทำให้ร่างกายเกิดความเคยชินและนอกจากนี้การสวมแว่นตาเป็นประจำจะทำให้กล้ามเนื้อตาและระบบประสาทตา
ไม่ทำลายสายตาซ้ำสอง
งดตั้งตั้งแต่อ่านหนังสือ เล่นโทรศัพท์ ดูทีวีโทรทัศน์หรือการจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นระยะเวลานานในท่าที่ดวงตาใกล้เกินไป
กระพริบตาบ่อยๆ
เป็นการช่วยให้กล้ามเนื้อตารู้สึกผ่อนคลาย ไม่เมื่อยล้า อีกทั้งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมกล้ามเนื้อตา และในระหว่างที่เรากระพริบตานั้นน้ำตาจะแผ่ไปเคลือบผิวลูกตาให้ดวงตาเกิดความชุ่มชื่น ไม่แห้ง แสบ ควรกระพริบตาอย่างน้อย 1 ครั้งต่อ 10 วินาที เมื่อใดที่รู้สึกเมื่อยล้าหรือทุกๆ 30 นาทีที่ใช้สายตา

เสริมความแข็งแกร่งห้ามขาด
นอกจากการกระพริบตาที่จะช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อดวงตาที่เราควรทำแล้ว การบำบัดด้วยน้ำเย็นก็เป็นวิธีที่ควรจะทำควบคู่กันไปด้วย โดยก่อนอายน้ำทุกครั้งทั้งหลังตื่นนอนและก่อนเข้านอน ให้เตรียมน้ำเย็นใส่บรรจุภัณฑ์ที่มีความกว้างอย่าง กะละมัง จากนั้นทำมือเป็นรูปถ้วย ค่อยๆ หลับตา แล้วตักน้ำมาแตะที่ดวงตา ทำครั้งละ 10 นาทีต่อครั้ง น้ำเย็นจะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อรอบดวงตาให้ดียิ่งขึ้น
หลังจากนั้นก่อนออกไปทำธุระหรือกิจกรรมให้ชำเลืองตามองขึ้นไปด้านบน ค้างไว้ประมาณ 5 วินาที แล้วสลับชำเลืองมองเปลี่ยนมาทางด้านล่าง เป็นระยะเวลา 5 วินาทีเช่นเดียวกัน ก่อนที่จะชำเลืองไปทางด้านซ้ายและขวา 5 วินาที ทำวนซ้ำวันละ 10 นาที
และสุดท้ายคือการบำบัดด้วยอุ้งมือ ก่อนที่จะเข้านอนให้เราเอนตัวลงบนเก้าอี้หรือเบาะโซฟาสบายๆ ตัวโปรด จากนั้นเอาอุ้งมือปิดตาทั้งสองข้างเพื่อไม่ให้มีแสงใดๆ เล็ดลอดเข้ามา ทำวันละ 45 นาที ก่อนนอน เป็นการทำให้ดวงตารู้สึกสบายและผ่อนคลายส่วนกล้ามเนื้อมากขึ้นนั้นเอง
สวมแว่นเมื่อจำเป็นเท่านั้น
เพราะร่างกายของเรามีการปรับตัวเป็นสัญชาตญาณ ดังนั้นการสวมแว่นสายตาเป็นประจำทุกเวลาทำให้ร่างกายเกิดความเคยชินและนอกจากนี้การสวมแว่นตาเป็นประจำจะทำให้กล้ามเนื้อตาและระบบประสาทตา
ไม่ทำลายสายตาซ้ำสอง
งดตั้งตั้งแต่อ่านหนังสือ เล่นโทรศัพท์ ดูทีวีโทรทัศน์หรือการจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นระยะเวลานานในท่าที่ดวงตาใกล้เกินไป
กระพริบตาบ่อยๆ
เป็นการช่วยให้กล้ามเนื้อตารู้สึกผ่อนคลาย ไม่เมื่อยล้า อีกทั้งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมกล้ามเนื้อตา และในระหว่างที่เรากระพริบตานั้นน้ำตาจะแผ่ไปเคลือบผิวลูกตาให้ดวงตาเกิดความชุ่มชื่น ไม่แห้ง แสบ ควรกระพริบตาอย่างน้อย 1 ครั้งต่อ 10 วินาที เมื่อใดที่รู้สึกเมื่อยล้าหรือทุกๆ 30 นาทีที่ใช้สายตา
เสริมความแข็งแกร่งห้ามขาด
นอกจากการกระพริบตาที่จะช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อดวงตาที่เราควรทำแล้ว การบำบัดด้วยน้ำเย็นก็เป็นวิธีที่ควรจะทำควบคู่กันไปด้วย โดยก่อนอายน้ำทุกครั้งทั้งหลังตื่นนอนและก่อนเข้านอน ให้เตรียมน้ำเย็นใส่บรรจุภัณฑ์ที่มีความกว้างอย่าง กะละมัง จากนั้นทำมือเป็นรูปถ้วย ค่อยๆ หลับตา แล้วตักน้ำมาแตะที่ดวงตา ทำครั้งละ 10 นาทีต่อครั้ง น้ำเย็นจะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อรอบดวงตาให้ดียิ่งขึ้น
หลังจากนั้นก่อนออกไปทำธุระหรือกิจกรรมให้ชำเลืองตามองขึ้นไปด้านบน ค้างไว้ประมาณ 5 วินาที แล้วสลับชำเลืองมองเปลี่ยนมาทางด้านล่าง เป็นระยะเวลา 5 วินาทีเช่นเดียวกัน ก่อนที่จะชำเลืองไปทางด้านซ้ายและขวา 5 วินาที ทำวนซ้ำวันละ 10 นาที
และสุดท้ายคือการบำบัดด้วยอุ้งมือ ก่อนที่จะเข้านอนให้เราเอนตัวลงบนเก้าอี้หรือเบาะโซฟาสบายๆ ตัวโปรด จากนั้นเอาอุ้งมือปิดตาทั้งสองข้างเพื่อไม่ให้มีแสงใดๆ เล็ดลอดเข้ามา ทำวันละ 45 นาที ก่อนนอน เป็นการทำให้ดวงตารู้สึกสบายและผ่อนคลายส่วนกล้ามเนื้อมากขึ้นนั้นเอง