เหล่าคนรักสุขภาพนั้นหลายคนมีความเชื่อกันว่า “การซิทอัพ” สามารถทำให้เกิดซิกแพคขึ้นอย่างรวดเร็ว หลายคนเข้าใจว่า หากขยันซิทอัพเพียงอย่างเดียว ไขมันส่วนที่อยู่ตรงท้องจะหายไป ซิกแพคก็จะขึ้น แต่จะมีใครทราบบ้างว่า ความเชื่อนั้นเป็นความเชื่อที่ผิด เท่านั้นยังไม่พอ ความเชื่อนั้นไม่ได้เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการสร้างซิกแพค อีกทั้งยังส่งผลเสียกับกระดูกหลัง และคออีกด้วย
3 สิ่งสำคัญในการสร้างซิกแพค
ควบคุมอาหาร
การซิทอัพนั้นไม่ได้เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดซิกแพค แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดของการสร้างซิกแพคนั่นคือการควบคุมอาหาร เน้นทานอาหารที่มีกากใยสูง โปรตีนดี เช่น ปลา, ไข่ และเนื้อไก่ไม่ติดหนัง ทานข้าวกล้องที่เป็นแป้งเชิงซ้อน หลีกเลี่ยงการทานน้ำตาล ไขมันทรานส์ เช่น มาการีน, เนย, ขนมซอง, คุ้กกี้, ของทอด อาหารสำเร็จรูป และแอลอฮอล์ เพราะการควบคุมอาหารนั้นเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างซิกแพ็ค
การพักผ่อนให้เพียงพอ
การพักผ่อนนั้นก็มีส่วนในการสร้างซิกแพค หากพักผ่อนไม่เพียงพออาจส่งผลต่อระบบเผาผลาญในร่างกาย การพักผ่อนช่วยให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า สดชื่น พร้อมที่จะออกกำลังกายอยู่เสมอ เมื่อออกกำลังกายเสร็จแล้ว ร่างกายจะไม่อ่อนล้า หรือเกิดอาการอ่อนแรง
ออกกำลังกาย
สิ่งแรกที่เราต้องทำหากต้องการสร้างซิกแพค คือการกำจัดชั้นไขมันไปเสียก่อน ออกกำลังกายแบบแอโรบิก วิ่ง ว่ายน้ำ และการขี่จักรยาน จะสามารถเผาผลาญชั้นไขมันให้บาง ส่วนการซิทอัพนั้น จะเน้นออกกำลังกล้ามเนื้อเฉพาะส่วน (กล้ามเนื้อท้องส่วนกลาง) ในขณะที่ความแข็งแรงของช่วงลำตัวนั้น ต้องอาศัยกล้ามเนื้อหลายส่วนร่วมกัน การแพลงค์ (Plank) จะช่วยให้กล้ามเนื้อหลายมัดนั้นทำงานร่วมกัน
“ซิทอัพ เสี่ยงต่อการทำร้ายกระดูกหลัง ทั้งส่วนคอที่ถูกดึงรั้ง และส่วนบั้นเอวที่ถูกเกร็งฝืนธรรมชาติ การซิทอัพแล้วเกร็งส่วนหลังเป็นประจำ จะส่งผลเสียต่อกระดูกหลังในระยะยาวได้” พญ.ธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล (หมอผิง) กล่าว
จริงอยู่ที่การซิทอัพนั้นสามารถลดชั้นไขมันให้บางลง จนกล้ามเนื้อช่วงท้องนั้นขึ้นรูปมา แต่ผู้เชี่ยวชาญหรือเทรนเนอร์ส่วนใหญ่นั้นไม่แนะนำให้ทำ เพราะการซิทอัพนั้นเป็นท่าที่ทำยาก เสี่ยงต่อการบาดเจ็บช่วงกระดูกหลัง ลำคอ และเป็นท่าที่หลายๆ คนนั้นยังทำผิดกันอยู่มาก จึงแนะนำให้มาใช้การออกกำลังกายด้วยท่าที่ง่ายกว่า เช่น Side Plank, Forearm Plank, Bear Crawl หรือ Leg Raise และสิ่งที่สำคัญในการสร้างซิกแพ็คคือต้องมีความขยันและความสม่ำเสมอ
ข้อมูลประกอบ : https://www.facebook.com/PleasehealthBooks
และ http://themomentum.co
__________________________________________________________
ข่าวโดย : แพรวา คงฟัก