By : Pharmchompoo
ทุกวันนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่า ความก้าวหน้าในเรื่องของยาพัฒนาไปอย่างรวดเร็วมาก คนในวงการสาธารณสุขเองยังตามไม่ค่อยจะทัน นับประสาอะไรกับเรื่องการนำยาไปใช้ในทางที่ผิดของประชาชนทั่วไป ซึ่งบุคลากรสาธารณสุขตกเป็นฝ่ายตั้งรับ และคอยหาวิธีป้องปรามอยู่ตลอดเวลา
นอกจากเรื่องยาแก้ไอ ยาแก้ปวดที่นำมาใช้ในทางที่ผิดกันจนแพร่หลายแล้วนั้น ปัจจุบันยังมียาอีกชนิดหนึ่งที่วัยรุ่นนักเรียนนิยมนำมาใช้กัน ภายใต้ชื่อ “บีไฟว์” (B5) ที่มาของชื่อยาก็มาจากลักษณะเม็ดยารูปแบบดั้งเดิม ที่ปั๊มคำว่า B5 ลงบนเม็ดยาสีขาว ก็ไม่ต้องเอ่ยอ้างชื่อยาจริงๆ กัน ณ ที่นี้ เดี๋ยวจะเป็นการชี้โพรงให้กระรอกกันมากเข้าไปอีก
เอาเป็นว่า เจ้าบีไฟว์นี้ ฟังเผินๆ เหมือนชื่อวิตามิน บี 5 หรือ แพนโทเธนิค แอซิด แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่อย่างนั้น “บีไฟว์” นี้ เดิมเป็นยากินที่ใช้สำหรับการบรรเทาอาการข้างเคียงจากการกินยาทางจิตเวช ที่เจ้าของต้นตอความคิดก็ช่างมีไอเดียบรรเจิดแบบไม่ต้องเรียนแพทย์ เรียนเภสัชฯ กันแต่อย่างใด สามารถเอาอาการข้างเคียงหรืออาการไม่พึงประสงค์ กลับมาทำให้เป็นอาการ “พึงประสงค์” เสียอย่างนั้น ก็คือ เมื่อกิน “บีไฟว์” เข้าไปแล้ว จะเกิดอาการเคลิ้มๆ ลอยๆ หลอนๆ เป็นความรู้สึกที่มีความสุขยิ่งนัก โดยเฉพาะเมื่อผู้ใช้เอาไป mix and match กับยาหรือสารอื่นๆ ก็จะยิ่งเพิ่มความรู้สึกเคลิ้มสุข อาการหลอนประสาทแบบนั้นให้มากยิ่งขึ้นไปอีก
อันตรายจาก “บีไฟว์” ถ้าตั้งใจกินกันเกินขนาดก็จะมีได้ตั้งแต่หัวจรดเท้า นั่นก็คือ มีอาการเอ๋อๆ หลงๆ ลืมๆ มึนงง ซึม อาการชัก โดยเฉพาะถ้าใช้อย่างต่อเนื่องยาวนาน หรือมีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ และอาจจะตายเอาง่ายๆ ถ้าเอาไปจับคู่กับยาหรือสารอื่นๆ ที่มีผลต่อหัวใจ
ในปัจจุบันยังไม่มีการยกสถานะการจำกัดการจ่าย “บีไฟว์” ให้เหมือนกับยาแก้ไอ ยาแก้ปวดบางชนิดก่อนหน้านี้ที่มีการเอาไปใช้ในทางที่ผิดกันอย่างแพร่หลาย แต่ก็เป็นที่น่าจับตา เฝ้าระวังถึงแนวโน้มของการระบาด ซึ่งจัดว่าเป็นมหันตภัยสำหรับวัยรุ่นยุคใหม่ไม่น้อยเลยทีเดียว
ทุกวันนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่า ความก้าวหน้าในเรื่องของยาพัฒนาไปอย่างรวดเร็วมาก คนในวงการสาธารณสุขเองยังตามไม่ค่อยจะทัน นับประสาอะไรกับเรื่องการนำยาไปใช้ในทางที่ผิดของประชาชนทั่วไป ซึ่งบุคลากรสาธารณสุขตกเป็นฝ่ายตั้งรับ และคอยหาวิธีป้องปรามอยู่ตลอดเวลา
นอกจากเรื่องยาแก้ไอ ยาแก้ปวดที่นำมาใช้ในทางที่ผิดกันจนแพร่หลายแล้วนั้น ปัจจุบันยังมียาอีกชนิดหนึ่งที่วัยรุ่นนักเรียนนิยมนำมาใช้กัน ภายใต้ชื่อ “บีไฟว์” (B5) ที่มาของชื่อยาก็มาจากลักษณะเม็ดยารูปแบบดั้งเดิม ที่ปั๊มคำว่า B5 ลงบนเม็ดยาสีขาว ก็ไม่ต้องเอ่ยอ้างชื่อยาจริงๆ กัน ณ ที่นี้ เดี๋ยวจะเป็นการชี้โพรงให้กระรอกกันมากเข้าไปอีก
เอาเป็นว่า เจ้าบีไฟว์นี้ ฟังเผินๆ เหมือนชื่อวิตามิน บี 5 หรือ แพนโทเธนิค แอซิด แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่อย่างนั้น “บีไฟว์” นี้ เดิมเป็นยากินที่ใช้สำหรับการบรรเทาอาการข้างเคียงจากการกินยาทางจิตเวช ที่เจ้าของต้นตอความคิดก็ช่างมีไอเดียบรรเจิดแบบไม่ต้องเรียนแพทย์ เรียนเภสัชฯ กันแต่อย่างใด สามารถเอาอาการข้างเคียงหรืออาการไม่พึงประสงค์ กลับมาทำให้เป็นอาการ “พึงประสงค์” เสียอย่างนั้น ก็คือ เมื่อกิน “บีไฟว์” เข้าไปแล้ว จะเกิดอาการเคลิ้มๆ ลอยๆ หลอนๆ เป็นความรู้สึกที่มีความสุขยิ่งนัก โดยเฉพาะเมื่อผู้ใช้เอาไป mix and match กับยาหรือสารอื่นๆ ก็จะยิ่งเพิ่มความรู้สึกเคลิ้มสุข อาการหลอนประสาทแบบนั้นให้มากยิ่งขึ้นไปอีก
อันตรายจาก “บีไฟว์” ถ้าตั้งใจกินกันเกินขนาดก็จะมีได้ตั้งแต่หัวจรดเท้า นั่นก็คือ มีอาการเอ๋อๆ หลงๆ ลืมๆ มึนงง ซึม อาการชัก โดยเฉพาะถ้าใช้อย่างต่อเนื่องยาวนาน หรือมีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ และอาจจะตายเอาง่ายๆ ถ้าเอาไปจับคู่กับยาหรือสารอื่นๆ ที่มีผลต่อหัวใจ
ในปัจจุบันยังไม่มีการยกสถานะการจำกัดการจ่าย “บีไฟว์” ให้เหมือนกับยาแก้ไอ ยาแก้ปวดบางชนิดก่อนหน้านี้ที่มีการเอาไปใช้ในทางที่ผิดกันอย่างแพร่หลาย แต่ก็เป็นที่น่าจับตา เฝ้าระวังถึงแนวโน้มของการระบาด ซึ่งจัดว่าเป็นมหันตภัยสำหรับวัยรุ่นยุคใหม่ไม่น้อยเลยทีเดียว
หมายเหตุ : Pharmchompoo เป็นนามปากกาของเภสัชกรท่านหนึ่งซึ่งเรียนจบมาทางด้านเภสัชศาสตร์โดยตรง ปัจจุบันประจำอยู่ที่โรงพยาบาลชื่อดังแห่งหนึ่ง และบทความเชิงสาระความรู้เพื่อการตระหนักเกี่ยวกับการใช้ยาให้ถูกต้องเหมาะสม จะมาพบกับคุณผู้อ่านเป็นประจำอย่างน้อยสองครั้งต่อเดือน |