ตับเป็นอวัยวะสำคัญมากต่อร่างกาย เปรียบเสมือนโรงงานกำจัดขยะ ที่จะคอยกำจัดสารพิษและของเสียออกจากร่างกาย แต่ไม่ใช่เพียงแค่นั้น ตับยังเป็นแหล่งสังเคราะห์พลังงานต่างๆ ที่ร่างกายต้องการ เช่น โปรตีน น้ำตาล และสร้างน้ำดีที่ใช้ย่อยไขมัน ลองคิดกันดูว่า ถ้าหากเรานำสารพิษเข้าในร่างกายปริมาณมากๆ จนตับของเราเสื่อมประสิทธิภาพ และไม่สามารถกำจัดสารพิษออกไปได้หมด ร่างกายของเราจะเป็นยังไง?
สารพิษที่มีอยู่ใน ‘เหล้า’ คือสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำร้ายตับมากที่สุด เพราะเหล้าไม่มีสารอาหารอะไรนอกจากเป็นสารพิษที่ต้องถูกส่งไปให้ตับทำลาย แต่เมื่อมีในปริมาณที่มากเกินกว่าที่ตับจะรับมือได้แล้วนั้น ตับก็กลายเป็นผู้ถูกทำร้ายจนอักเสบเกิดรูรั่ว ทำให้ของดีอย่างเอนไซม์ในตับรั่วไหลไปตามกระแสเลือด ดังนั้น หากตรวจพบเอนไซม์ตับในเลือดเยอะ แปลว่า “ตับของคุณกำลังมีปัญหาแน่นอน”
ในปัจจุบันมีการสำรวจพบว่า วัยรุ่นไทย แม้จะยังอายุน้อย แต่ก็เป็นโรคความดันโลหิตสูง และส่วนใหญ่ก็มีสาเหตุมาจากการดื่มเหล้า โดยไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังเสี่ยงต่อการเป็นหลายโรครุมเร้ามากมาย เช่น ไขมันอุดตันในเส้นเลือด โรคหัวใจ โรคตับแข็ง หรือ มะเร็งตับ
หลายคนอาจจะบอกว่า “ก็กินมาตั้งนานแล้วไม่เห็นจะเป็นอะไร ยังแข็งแรงอยู่” แต่จริงๆแล้ว พิษของแอลกอฮอล์นั้นจะไม่ได้แสดงในทันที แต่จะไปทำลายเซลล์ที่อยู่ภายในตับให้อ่อนแอและตายไปเรื่อยๆ ซึ่งหากเซลล์ตับตายลง จะไม่สามารถสร้างใหม่ได้อีก เมื่อตับของเราเสื่อมประสิทธิภาพ ผลที่ตามมาร่างกายของเราจะค่อยๆ แสดงออกให้เห็น เช่น เหนื่อยง่าย นอนไม่หลับ อ่อนเพลียง่าย
ถ้าเรายังเร่งทำร้ายตับ ในระยะยาวก็จะส่งผลรุนแรงถึงชีวิต จึงไม่แปลกที่นักดื่มทั่วไปจะไม่ทันระวังตัว กว่าจะรู้ตัวก็อาจสายเกินแก้ ทำได้เพียงกินยา รักษาตัว ประทังชีวิตไปเท่านั้น ตับก็เปรียบเสมือนเครื่องยนต์ หากคุณใช้รถอย่างไม่ถนอมตามสมรรถนะของมันล่ะก็ อายุการใช้งานมันก็จะสั้นลงตามไป ร่างกายของเราก็เช่นกัน ดังนั้น ลองถามใจตัวเองดูว่า “อยากเลิกก่อนเป็น หรือ รอให้เป็นแล้วค่อยเลิก”
แต่ก็ยังไม่สายจนเกินไป หากจะเริ่มฟื้นฟูตับในตอนนี้ รู้หรือไม่ ‘ตับ’ สามารถฟื้นฟูตัวมันเองได้ง่ายๆ เพียงแค่คุณไม่ทำร้ายมันเพิ่ม และดูแลมันให้ดี เซลล์ที่เคยอ่อนแอ ก็จะกลับมาแข็งแรงได้ดังเดิม เรามีเคล็ดลับในการดูแลและฟื้นฟูตับของเราให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง ด้วยวิธีต่อไปนี้
1. เลิกดื่มเหล้าและแอลกอฮอล์ทุกชนิดที่เป็นตัวบ่อนทำลายตับ แค่คุณ “พักตับ” เลิกดื่ม ก็ช่วยให้ตับไม่ต้องทำงานหนักและฟื้นฟูกลับมาแข็งแรงได้อย่างรวดเร็ว
2. เข้านอนตั้งแต่ 22.00 น. เพราะในช่วงเวลา 22.00-2.00 น. เป็นช่วงที่ตับจะซ่อมแซมตัวเองได้ดีที่สุด
3. ไม่ควรทานยาหากไม่จำเป็น เพราะยาเป็นสิ่งที่ทำลายตับโดยตรง
4. ขับถ่ายให้เป็นเวลา เพราะอาการท้องผูกจะทำให้ตับทำงานมากขึ้น
5. ไม่ควรทานอาหารที่ปรุงแต่ง เช่น ใส่สีผสมอาหาร ใส่วัตถุกันเสีย และน้ำตาลเทียม
6. อย่าปล่อยให้เกิดโรคอ้วน และอย่ากินอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตสูงในปริมาณมาก เพราะอาจจะเสี่ยงเป็นไขมันแทรกในตับได้
เพราะตับของเรามีเพียงหนึ่งเดียว ไม่ได้มีอะไหล่สำรอง ที่เมื่อเสียไปก็เปลี่ยนได้ ดังนั้นมาถนอมรักษาให้ตับอยู่กับเราไปนานๆ ถ้ายังไม่รู้จะเริ่มตอนไหน ในช่วง 3 เดือน เข้าพรรษานี้ ให้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการ ลด ละ เลิก เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มาดูแล พักรักษา ฟื้นฟูประสิทธิภาพการทำงานของตับกันดีกว่า เริ่ม “พักตับ” งดเหล้าครบพรรษา เพื่อตัวคุณเองและคนที่คุณรักไปพร้อมกัน
______________________________
ที่มา : นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการโครงการสร้างเครือข่ายแพทย์ชนบทเพื่อควบคุมการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สสส.
สารพิษที่มีอยู่ใน ‘เหล้า’ คือสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำร้ายตับมากที่สุด เพราะเหล้าไม่มีสารอาหารอะไรนอกจากเป็นสารพิษที่ต้องถูกส่งไปให้ตับทำลาย แต่เมื่อมีในปริมาณที่มากเกินกว่าที่ตับจะรับมือได้แล้วนั้น ตับก็กลายเป็นผู้ถูกทำร้ายจนอักเสบเกิดรูรั่ว ทำให้ของดีอย่างเอนไซม์ในตับรั่วไหลไปตามกระแสเลือด ดังนั้น หากตรวจพบเอนไซม์ตับในเลือดเยอะ แปลว่า “ตับของคุณกำลังมีปัญหาแน่นอน”
ในปัจจุบันมีการสำรวจพบว่า วัยรุ่นไทย แม้จะยังอายุน้อย แต่ก็เป็นโรคความดันโลหิตสูง และส่วนใหญ่ก็มีสาเหตุมาจากการดื่มเหล้า โดยไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังเสี่ยงต่อการเป็นหลายโรครุมเร้ามากมาย เช่น ไขมันอุดตันในเส้นเลือด โรคหัวใจ โรคตับแข็ง หรือ มะเร็งตับ
หลายคนอาจจะบอกว่า “ก็กินมาตั้งนานแล้วไม่เห็นจะเป็นอะไร ยังแข็งแรงอยู่” แต่จริงๆแล้ว พิษของแอลกอฮอล์นั้นจะไม่ได้แสดงในทันที แต่จะไปทำลายเซลล์ที่อยู่ภายในตับให้อ่อนแอและตายไปเรื่อยๆ ซึ่งหากเซลล์ตับตายลง จะไม่สามารถสร้างใหม่ได้อีก เมื่อตับของเราเสื่อมประสิทธิภาพ ผลที่ตามมาร่างกายของเราจะค่อยๆ แสดงออกให้เห็น เช่น เหนื่อยง่าย นอนไม่หลับ อ่อนเพลียง่าย
ถ้าเรายังเร่งทำร้ายตับ ในระยะยาวก็จะส่งผลรุนแรงถึงชีวิต จึงไม่แปลกที่นักดื่มทั่วไปจะไม่ทันระวังตัว กว่าจะรู้ตัวก็อาจสายเกินแก้ ทำได้เพียงกินยา รักษาตัว ประทังชีวิตไปเท่านั้น ตับก็เปรียบเสมือนเครื่องยนต์ หากคุณใช้รถอย่างไม่ถนอมตามสมรรถนะของมันล่ะก็ อายุการใช้งานมันก็จะสั้นลงตามไป ร่างกายของเราก็เช่นกัน ดังนั้น ลองถามใจตัวเองดูว่า “อยากเลิกก่อนเป็น หรือ รอให้เป็นแล้วค่อยเลิก”
แต่ก็ยังไม่สายจนเกินไป หากจะเริ่มฟื้นฟูตับในตอนนี้ รู้หรือไม่ ‘ตับ’ สามารถฟื้นฟูตัวมันเองได้ง่ายๆ เพียงแค่คุณไม่ทำร้ายมันเพิ่ม และดูแลมันให้ดี เซลล์ที่เคยอ่อนแอ ก็จะกลับมาแข็งแรงได้ดังเดิม เรามีเคล็ดลับในการดูแลและฟื้นฟูตับของเราให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง ด้วยวิธีต่อไปนี้
1. เลิกดื่มเหล้าและแอลกอฮอล์ทุกชนิดที่เป็นตัวบ่อนทำลายตับ แค่คุณ “พักตับ” เลิกดื่ม ก็ช่วยให้ตับไม่ต้องทำงานหนักและฟื้นฟูกลับมาแข็งแรงได้อย่างรวดเร็ว
2. เข้านอนตั้งแต่ 22.00 น. เพราะในช่วงเวลา 22.00-2.00 น. เป็นช่วงที่ตับจะซ่อมแซมตัวเองได้ดีที่สุด
3. ไม่ควรทานยาหากไม่จำเป็น เพราะยาเป็นสิ่งที่ทำลายตับโดยตรง
4. ขับถ่ายให้เป็นเวลา เพราะอาการท้องผูกจะทำให้ตับทำงานมากขึ้น
5. ไม่ควรทานอาหารที่ปรุงแต่ง เช่น ใส่สีผสมอาหาร ใส่วัตถุกันเสีย และน้ำตาลเทียม
6. อย่าปล่อยให้เกิดโรคอ้วน และอย่ากินอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตสูงในปริมาณมาก เพราะอาจจะเสี่ยงเป็นไขมันแทรกในตับได้
เพราะตับของเรามีเพียงหนึ่งเดียว ไม่ได้มีอะไหล่สำรอง ที่เมื่อเสียไปก็เปลี่ยนได้ ดังนั้นมาถนอมรักษาให้ตับอยู่กับเราไปนานๆ ถ้ายังไม่รู้จะเริ่มตอนไหน ในช่วง 3 เดือน เข้าพรรษานี้ ให้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการ ลด ละ เลิก เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มาดูแล พักรักษา ฟื้นฟูประสิทธิภาพการทำงานของตับกันดีกว่า เริ่ม “พักตับ” งดเหล้าครบพรรษา เพื่อตัวคุณเองและคนที่คุณรักไปพร้อมกัน
______________________________
ที่มา : นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการโครงการสร้างเครือข่ายแพทย์ชนบทเพื่อควบคุมการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สสส.