เบาหวาน...โรคที่ใครก็ไม่อยากเป็น แต่ใครว่าเป็นเบาหวานจะไม่สามารถรับประทานผลไม้ได้ เพราะผลไม้มีประโยชน์ อุดมไปด้วยไฟเบอร์และที่สำคัญน้ำตาลในผลไม้ก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คุณคิด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะเพราะอะไรก็ตามหากรับประทานมากไปก็อาจจะส่งผลเสียต่อร่างกายได้
1. แอปเปิ้ล
เป็นหนึ่งในผลไม้ที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยเบาหวานหรือคนที่ต้องการควบคุมน้ำตาลในเลือด ซึ่งในแอปเปิ้ลมีน้ำตาลในรูปของน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวค่อนข้างสูงทำให้ร่างกายดูดซึมและนำไปใช้ประโยชน์ได้รวดเร็ว อีกทั้งในแอปเปิ้ลยังมีไฟเบอร์ที่สามารถละลายในน้ำได้ดี คนที่รับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์มากจะช่วยลดโอกาสเกิดเบาหวานได้น้อยกว่าคนที่รับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์น้อย ส่วนใครที่เป็นโรคเบาหวานอยู่แล้วไฟเบอร์จะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้
2. ฝรั่ง
ฝรั่งสามารถช่วยรักษาโรคเบาหวานได้ อีกทั้งยังเป็นผลไม้ที่มีใยอาหารสูง แถมแคลอรี่ต่ำ ทั้งนี้ทั้งนั้นควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะไม่ควรเกินวันละ1ผลเล็กหรือ ½ ผลใหญ่
3. ชมพู่
เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานเนื่องจากชมพู่เป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลน้อย ไม่หวานจัดแถมยังมีเส้นใยอาหารทั้งชนิดที่สามารถละลายน้ำได้และชนิดที่ไม่สามารถละลายน้ำ อีกทั้งยังมีสรรพคุณช่วยลดคลอเลสเตอรอลในร่างกาย ลดความเสี่ยงไขมันอุดตันในเส้นเลือด และช่วยในเรื่องของระบบขับถ่าย ปริมาณที่พอเหมาะคือไม่เกินมื้อละ 1-2 ผล
4. แก้วมังกร
แก้วมังกรผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลากหลายชนิด อาทิ แคลเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก วิตามินบี วิตามินซี ฯลฯ ซึ่งมีสรรพคุณช่วยรักษาโรคเบาหวานแต่ควรรับประทานแต่พอเหมาะมื้อละไม่เกิน 10 - 15 คำ
ข้อแนะนำ
- ผู้ป่วยเบาหวานควรเลือกรับประทานผลไม้มื้อละ 1 ชนิด วันละ 2 - 3 ครั้งหลังอาหาร
- ควรรับประทานแต่พอเหมาะเพราะอาจส่งผลทำให้น้ำตาลในเลือดสูงได้แม้จะเป็นผลไม้ที่มีรสชาติหวานน้อยก็ตาม
- ควรหลีกเลี่ยงผลไม้รสหวานจัด เช่น ทุเรียน ขนุน ละมุด เงาะ มะขาม ฯลฯ และผลไม้แปรรูปทุกชนิดเนื่องจากผลไม้แปรรูปอย่าง ผลไม้กระป๋อง ผลไม้ตากแห้ง ผลไม้แช่อิ่ม ผลไม้กวน นั้นมีน้ำตาลสูงส่งผลให้น้ำตาลในเลือดสูงได้
1. แอปเปิ้ล
เป็นหนึ่งในผลไม้ที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยเบาหวานหรือคนที่ต้องการควบคุมน้ำตาลในเลือด ซึ่งในแอปเปิ้ลมีน้ำตาลในรูปของน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวค่อนข้างสูงทำให้ร่างกายดูดซึมและนำไปใช้ประโยชน์ได้รวดเร็ว อีกทั้งในแอปเปิ้ลยังมีไฟเบอร์ที่สามารถละลายในน้ำได้ดี คนที่รับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์มากจะช่วยลดโอกาสเกิดเบาหวานได้น้อยกว่าคนที่รับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์น้อย ส่วนใครที่เป็นโรคเบาหวานอยู่แล้วไฟเบอร์จะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้
2. ฝรั่ง
ฝรั่งสามารถช่วยรักษาโรคเบาหวานได้ อีกทั้งยังเป็นผลไม้ที่มีใยอาหารสูง แถมแคลอรี่ต่ำ ทั้งนี้ทั้งนั้นควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะไม่ควรเกินวันละ1ผลเล็กหรือ ½ ผลใหญ่
3. ชมพู่
เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานเนื่องจากชมพู่เป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลน้อย ไม่หวานจัดแถมยังมีเส้นใยอาหารทั้งชนิดที่สามารถละลายน้ำได้และชนิดที่ไม่สามารถละลายน้ำ อีกทั้งยังมีสรรพคุณช่วยลดคลอเลสเตอรอลในร่างกาย ลดความเสี่ยงไขมันอุดตันในเส้นเลือด และช่วยในเรื่องของระบบขับถ่าย ปริมาณที่พอเหมาะคือไม่เกินมื้อละ 1-2 ผล
4. แก้วมังกร
แก้วมังกรผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลากหลายชนิด อาทิ แคลเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก วิตามินบี วิตามินซี ฯลฯ ซึ่งมีสรรพคุณช่วยรักษาโรคเบาหวานแต่ควรรับประทานแต่พอเหมาะมื้อละไม่เกิน 10 - 15 คำ
ข้อแนะนำ
- ผู้ป่วยเบาหวานควรเลือกรับประทานผลไม้มื้อละ 1 ชนิด วันละ 2 - 3 ครั้งหลังอาหาร
- ควรรับประทานแต่พอเหมาะเพราะอาจส่งผลทำให้น้ำตาลในเลือดสูงได้แม้จะเป็นผลไม้ที่มีรสชาติหวานน้อยก็ตาม
- ควรหลีกเลี่ยงผลไม้รสหวานจัด เช่น ทุเรียน ขนุน ละมุด เงาะ มะขาม ฯลฯ และผลไม้แปรรูปทุกชนิดเนื่องจากผลไม้แปรรูปอย่าง ผลไม้กระป๋อง ผลไม้ตากแห้ง ผลไม้แช่อิ่ม ผลไม้กวน นั้นมีน้ำตาลสูงส่งผลให้น้ำตาลในเลือดสูงได้