หลายครั้ง คุณอาจจะรู้สึกว่าการล้างมือให้เป็นกิจลักษณะเป็นสิ่งกวนใจคุณเหลือเกิน แต่กระนั้นก็เป็นสิ่งที่คุณควรทำเป็นประจำ เพราะถ้ามือไม่สะอาด อาจเป็นการชักนำให้ศัตรูตัวจิ๋วเข้าสู่ร่างกายจนก่อให้เกิดโรคได้
เพื่อจะให้มือสะอาดปราศจากเชื้อต่าง ๆ ยิ่งขึ้นหลายคนจึงเลือกใช้สบู่ที่บ่งบอกสรรพคุณว่าสามารถต้านเชื้อแบคทีเรียซึ่งสบู่ล้างมือสายพันธุ์ดังกล่าวหลาย ๆ ยี่ห้อมักจะมีส่วนประกอบของสารสำคัญที่มีชื่อว่า “ไตรโคลซาน” (Triclosan) ซึ่งมีประสิทธิภาพในการต่อกรกับเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา
อย่างไรก็ดี สิ่งที่พึงตระหนักไว้เสมอคือ เมื่อสัมผัสกับสารไตรโคลซานในปริมาณมากเกินความจำเป็น ผลที่อาจตามมาคือ เราอาจจะผลิตเชื้อแบคทีเรียสายพันธุ์ที่ดื้อต่อสารดังกล่าวขึ้นมา แถมอาจจะไปก่อกวนฮอร์โมนของเรา หรือแม้กระทั่งมีส่วนในการกระตุ้นมะเร็งบางชนิดก็เป็นไปได้
เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (U.S Food and Drug Administration) ถึงกับทั้งกดดันทั้งผลักดันให้ผู้ผลิตพิสูจน์ออกมาให้แจ่มแจ้งว่า สบู่ที่อ้างว่ามีสรรพคุณต้านแบคทีเรียได้นั้น มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพเหนือกว่าสบู่ธรรมดาทั่วไปจริงๆ แน่หรือ?
เอาเข้าจริง งานวิจัยหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ที่ชื่อว่า “Journal of Antimicrobial Chemotherapy” กลับพบว่า สบู่สูตรปกป้องเชื้อแบคทีเรียไม่ได้ฆ่าเชื้อแบคทีเรียชนิดใดก็ตามได้ดีไปกว่าสบู่ธรรมดาและน้ำสะอาดแต่อย่างใด แม้กระทั่งผ่านการสัมผัสมาแล้ว 20 วินาทีก็ตาม ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่องค์การอนามัยโลกแนะนำไว้สำหรับการล้างมือ
คำถามที่ตามมา “แล้วเราควรจะล้างมือด้วยสบู่ที่ต้านเชื้อแบคทีเรียหรือไม่”
ถึงตรงนี้ ทางกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ในมหาวิทยาลัยเกาหลี (University of Korea) ได้ทำการเปรียบเทียบประสิทธิภาพสบู่ที่มีสารต้านแบคทีเรีย “ไตรโคลสาน” กับสบู่ธรรมดาในการต่อกรกับแบคทีเรียสายพันธุ์ต่าง ๆ 20 สายพันธุ์ตามที่ทางองค์การอนามัยโลกได้แนะนำให้ทางบริษัทผู้ผลิตสบู่ทดสอบผลิตภัณฑ์ของตัวเอง โดยให้อาสาสมัคร 16 คนที่ได้รับการป้ายเชื้อแบคทีเรียไว้ที่มือทั้งสองข้าง แล้วให้ล้างมือด้วยสบู่ทั้งสองชนิด ด้วยการแบ่งพวกให้เป็นสองกลุ่ม
กลุ่มแรกใช้สบู่เหลวป้องกันแบ็กทีเรีย กับอีกกลุ่มใช้สบู่ธรรมดาในการล้างมือ ผลปรากฏว่า สบู่ป้องกันแบคทีเรียกลับให้ผลลัพธ์ที่ไม่ได้ดีไปกว่าสบู่ชนิดธรรมดาแต่อย่างใด ความแตกต่างเดียวที่นักวิทยาศาสตร์กลุ่มดังกล่าวพบก็คือ เมื่อพวกเขาทิ้งให้เชื้อได้สัมผัสกับสบู่ไว้นานถึง 9 ชั่วโมง พบว่าสบู่ที่มีสารต้านเชื้อแบคทีเรียจะมีประสิทธิภาพในการกำจัดเชื้อได้มากกว่าสบู่ธรรมดาๆ แต่เอาเข้าจริงๆ คงไม่มีใครทำการฟอกสบู่นานถึงเก้าชั่วโมงแล้วค่อยล้างออก
ดังนั้น กล่าวได้ว่า เพียงแค่สบู่ธรรมดาและน้ำสะอาดก็น่าจะเพียงพอแล้ว สำหรับการล้างมือครั้งต่อไปของคุณ
_____________________
ข้อมูลจาก time.com
เพื่อจะให้มือสะอาดปราศจากเชื้อต่าง ๆ ยิ่งขึ้นหลายคนจึงเลือกใช้สบู่ที่บ่งบอกสรรพคุณว่าสามารถต้านเชื้อแบคทีเรียซึ่งสบู่ล้างมือสายพันธุ์ดังกล่าวหลาย ๆ ยี่ห้อมักจะมีส่วนประกอบของสารสำคัญที่มีชื่อว่า “ไตรโคลซาน” (Triclosan) ซึ่งมีประสิทธิภาพในการต่อกรกับเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา
อย่างไรก็ดี สิ่งที่พึงตระหนักไว้เสมอคือ เมื่อสัมผัสกับสารไตรโคลซานในปริมาณมากเกินความจำเป็น ผลที่อาจตามมาคือ เราอาจจะผลิตเชื้อแบคทีเรียสายพันธุ์ที่ดื้อต่อสารดังกล่าวขึ้นมา แถมอาจจะไปก่อกวนฮอร์โมนของเรา หรือแม้กระทั่งมีส่วนในการกระตุ้นมะเร็งบางชนิดก็เป็นไปได้
เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (U.S Food and Drug Administration) ถึงกับทั้งกดดันทั้งผลักดันให้ผู้ผลิตพิสูจน์ออกมาให้แจ่มแจ้งว่า สบู่ที่อ้างว่ามีสรรพคุณต้านแบคทีเรียได้นั้น มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพเหนือกว่าสบู่ธรรมดาทั่วไปจริงๆ แน่หรือ?
เอาเข้าจริง งานวิจัยหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ที่ชื่อว่า “Journal of Antimicrobial Chemotherapy” กลับพบว่า สบู่สูตรปกป้องเชื้อแบคทีเรียไม่ได้ฆ่าเชื้อแบคทีเรียชนิดใดก็ตามได้ดีไปกว่าสบู่ธรรมดาและน้ำสะอาดแต่อย่างใด แม้กระทั่งผ่านการสัมผัสมาแล้ว 20 วินาทีก็ตาม ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่องค์การอนามัยโลกแนะนำไว้สำหรับการล้างมือ
คำถามที่ตามมา “แล้วเราควรจะล้างมือด้วยสบู่ที่ต้านเชื้อแบคทีเรียหรือไม่”
ถึงตรงนี้ ทางกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ในมหาวิทยาลัยเกาหลี (University of Korea) ได้ทำการเปรียบเทียบประสิทธิภาพสบู่ที่มีสารต้านแบคทีเรีย “ไตรโคลสาน” กับสบู่ธรรมดาในการต่อกรกับแบคทีเรียสายพันธุ์ต่าง ๆ 20 สายพันธุ์ตามที่ทางองค์การอนามัยโลกได้แนะนำให้ทางบริษัทผู้ผลิตสบู่ทดสอบผลิตภัณฑ์ของตัวเอง โดยให้อาสาสมัคร 16 คนที่ได้รับการป้ายเชื้อแบคทีเรียไว้ที่มือทั้งสองข้าง แล้วให้ล้างมือด้วยสบู่ทั้งสองชนิด ด้วยการแบ่งพวกให้เป็นสองกลุ่ม
กลุ่มแรกใช้สบู่เหลวป้องกันแบ็กทีเรีย กับอีกกลุ่มใช้สบู่ธรรมดาในการล้างมือ ผลปรากฏว่า สบู่ป้องกันแบคทีเรียกลับให้ผลลัพธ์ที่ไม่ได้ดีไปกว่าสบู่ชนิดธรรมดาแต่อย่างใด ความแตกต่างเดียวที่นักวิทยาศาสตร์กลุ่มดังกล่าวพบก็คือ เมื่อพวกเขาทิ้งให้เชื้อได้สัมผัสกับสบู่ไว้นานถึง 9 ชั่วโมง พบว่าสบู่ที่มีสารต้านเชื้อแบคทีเรียจะมีประสิทธิภาพในการกำจัดเชื้อได้มากกว่าสบู่ธรรมดาๆ แต่เอาเข้าจริงๆ คงไม่มีใครทำการฟอกสบู่นานถึงเก้าชั่วโมงแล้วค่อยล้างออก
ดังนั้น กล่าวได้ว่า เพียงแค่สบู่ธรรมดาและน้ำสะอาดก็น่าจะเพียงพอแล้ว สำหรับการล้างมือครั้งต่อไปของคุณ
_____________________
ข้อมูลจาก time.com
