ขึ้นชื่อว่า 'สมุนไพร' แล้ว หลายๆคน ก็ส่ายหน้าหนีไปล่วงหน้าก่อนแล้ว สาเหตุหลักคือ การรักษาอาจจะไม่ทันใจเท่าแพทย์แผนปัจจุบัน มากนัก แต่น้อยคนอาจจะยังไม่รู้ว่า สมุนไพรนี่แหละ ที่สามารถช่วยรักษาได้สารพัดโรค ไม่น้อยหน้าแพทย์แผนปัจจุบันเลย
ซึ่งรวมถึง 'โรคเบาหวาน' ที่คนส่วนใหญ่เป็นกันมากในปัจจุบัน ซึ่งสมุนไพรนี่แหละ ที่จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยแก้อาการดังกล่าวได้ โดยมีทั้ง 7 ชนิดด้วยกัน ที่เข้าข่ายในการรักษาโรคเบาหวานได้ ซึ่งสมุนไพร 7 ชนิด มีดังนี้
1. ช้าพลู
เนื่องจากมีฤทธิ์แอนตี้ออกซิแดนท์สูงมาก ช่วยลดน้ำตาลในเลือด ทั้งยังมีปริมาณแคลเซียม วิตามินเอ วิตามินซีในปริมาณที่สูงมาก และยังไม่มีผลในการลดน้ำตาลในคนปกติอีกด้วย โดยนำช้าพลูทั้ง 5 (ทั้งต้นจนถึงราก) 1 กำมือ ต้มกับน้ำ 3 ขัน เคี่ยวให้เหลือ 1 ขัน รับประทานครั้งละครึ่งแก้วกาแฟ ก่อนอาหาร 3 มื้อ
2. กะเพรา
ปัจจุบันมีการศึกษาทางเภสัชวิทยา พบว่า กะเพรามีฤทธิ์กระตุ้นภูมิคุ้มกัน รักษาหืด ต้านความเครียด ยับยั้งการเกิดมะเร็ง ต้านฮีสตามีน ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ แก้ไข้ แก้ปวด ลดคอเลสเตอรอล และที่สำคัญ คือ ลดน้ำตาลในเลือด โดยพบว่า ใบกะเพราทำให้เซลส์ตับอ่อนผลิตอินซูลีนได้ดีขึ้น
3. ตำลึง
สามารถใช้ได้ทั้งส่วนที่เป็น ใบ ราก ผล เป็นผักที่มีวิตามินเอสูงมาก รองมาจากใบยอ แมงลัก โหระพา มีวิตามินซีสูงมากกว่ามะนาว (วิตามิน 30 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม ส่วน มะนาวมี 20 มิลลิกรัม) มีวิตามินบี 3 ช่วยบำรุงผิวหนัง มีธาตุเหล็ก ช่วยบำรุงเลือด นอกจากนี้ ยังช่วยระบาย เพราะมีกากใยสูงอีกด้วย
4. เตยหอม
มีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด ลดความดันโลหิต ลดอัตราการเต้นของหัวใจ ขับปัสสาวะ
5. มะระขี้นก
มีวิตามินเอและซีสูง รวมทั้งมีรายงานการศึกษาวิจัยสรรพคุณการลดน้ำตาลในเลือด
6. ว่านหางจระเข้
พบว่า ช่วยลดน้ำตาลในเลือดทั้งในคนและสัตว์ทดลอง กระตุ้นการเผาผลาญของร่างกาย
7. อบเชยจีน
ล่าสุดได้มีการค้นพบสรรพคุณของอบเชยในการช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด นอกจากนี้ อบเชยจีนยังช่วยลดไตรกลีเซอไรด์ ลดไขมันตัวร้าย LDL และลดคอเลสเตอรอลได้ด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร
ซึ่งรวมถึง 'โรคเบาหวาน' ที่คนส่วนใหญ่เป็นกันมากในปัจจุบัน ซึ่งสมุนไพรนี่แหละ ที่จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยแก้อาการดังกล่าวได้ โดยมีทั้ง 7 ชนิดด้วยกัน ที่เข้าข่ายในการรักษาโรคเบาหวานได้ ซึ่งสมุนไพร 7 ชนิด มีดังนี้
1. ช้าพลู
เนื่องจากมีฤทธิ์แอนตี้ออกซิแดนท์สูงมาก ช่วยลดน้ำตาลในเลือด ทั้งยังมีปริมาณแคลเซียม วิตามินเอ วิตามินซีในปริมาณที่สูงมาก และยังไม่มีผลในการลดน้ำตาลในคนปกติอีกด้วย โดยนำช้าพลูทั้ง 5 (ทั้งต้นจนถึงราก) 1 กำมือ ต้มกับน้ำ 3 ขัน เคี่ยวให้เหลือ 1 ขัน รับประทานครั้งละครึ่งแก้วกาแฟ ก่อนอาหาร 3 มื้อ
2. กะเพรา
ปัจจุบันมีการศึกษาทางเภสัชวิทยา พบว่า กะเพรามีฤทธิ์กระตุ้นภูมิคุ้มกัน รักษาหืด ต้านความเครียด ยับยั้งการเกิดมะเร็ง ต้านฮีสตามีน ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ แก้ไข้ แก้ปวด ลดคอเลสเตอรอล และที่สำคัญ คือ ลดน้ำตาลในเลือด โดยพบว่า ใบกะเพราทำให้เซลส์ตับอ่อนผลิตอินซูลีนได้ดีขึ้น
3. ตำลึง
สามารถใช้ได้ทั้งส่วนที่เป็น ใบ ราก ผล เป็นผักที่มีวิตามินเอสูงมาก รองมาจากใบยอ แมงลัก โหระพา มีวิตามินซีสูงมากกว่ามะนาว (วิตามิน 30 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม ส่วน มะนาวมี 20 มิลลิกรัม) มีวิตามินบี 3 ช่วยบำรุงผิวหนัง มีธาตุเหล็ก ช่วยบำรุงเลือด นอกจากนี้ ยังช่วยระบาย เพราะมีกากใยสูงอีกด้วย
4. เตยหอม
มีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด ลดความดันโลหิต ลดอัตราการเต้นของหัวใจ ขับปัสสาวะ
5. มะระขี้นก
มีวิตามินเอและซีสูง รวมทั้งมีรายงานการศึกษาวิจัยสรรพคุณการลดน้ำตาลในเลือด
6. ว่านหางจระเข้
พบว่า ช่วยลดน้ำตาลในเลือดทั้งในคนและสัตว์ทดลอง กระตุ้นการเผาผลาญของร่างกาย
7. อบเชยจีน
ล่าสุดได้มีการค้นพบสรรพคุณของอบเชยในการช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด นอกจากนี้ อบเชยจีนยังช่วยลดไตรกลีเซอไรด์ ลดไขมันตัวร้าย LDL และลดคอเลสเตอรอลได้ด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร
