ร้อนยังไม่ทันหาย จู่ๆ ก็มืดครึ้มฝนตก นับเป็นปัญหาที่ช่วงนี้ใครหลายคนเป็นกังวลห่วงหน้าพะวงหลังไม่เป็นอันทำการทำงาน "กลัวผ้าไม่แห้ง" เหม็นอับชื้น กลับไปถึงบ้านต้องมานั่งซักผ้า ซ้ำๆ ไปมา...
เสร็จงานก็เหนื่อยอยู่แล้ว ยิ่งช่วงนี้เป็นวันหยุดพักผ่อนยาว ครั้นพรุ่งนี้ชะตาฟ้าจะเปิดเมฆส่องแดดหรือไม่ก็ไม่อาจล่วงรู้ แทนที่จะพักผ่อนให้สบายๆ ยังจะต้องรอแดดพรุ่งนี้ หรือจะจำใจซักวันนี้แล้วค่อยลุ้นว่าจะไม่มีกลิ่น ก็กลายเป็นดินพอกหางหมู เป็นโน่นนี่นั่นให้คิดเวียนหัว
วันนี้เราจึงหยิบเอาวิธีที่ใช้ได้ผลจริงๆ แม้แดดล่ม ลมตก อบอ้าวครึ้มฟ้าครึ้มฝนมาฝากให้คลายชีวิตที่คิดไม่ตก
น้ำส้มสายชู
ได้ทั้งป้องกันก่อนที่ผ้าจะเหม็นอับชื้นโดยการผสมน้ำส้มสายชู 1-2 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 4-5 ลิตร (ถ้าให้ดีควรเป็นน้ำอุ่น) พร้อมกับน้ำยาซักผ้า ผงซักฟอกและซักอีกครั้งหลังผ้าเหม็นอับชื้นจากการที่ได้รับแสงแดดไม่เพียงพอก็ได้
หรือจะแช่ผ้าก่อนด้วยน้ำส้มสายชูประมาณ 1-2 ชั่วโมง ก่อนนำไปซักตามปกติ สรรพคุณของน้ำส้มสายชูที่มีความเป็นกรดก็จะขจัดกลิ่นอับที่ติดในเนื้อผ้าให้หายไป ทั้งนี้ใช้ได้ทั้งผ้าหนาจำพวกยีนส์หรือกระทั่งผ้าขนนุ่มๆ อย่างผ้าขนหนู
เบคกิ้งโชดา
เรียกได้ว่าเป็นสารสารพัดประโยชน์สำหรับ "โซเดียมไบคาร์บอเนต" หรือที่เรารู้จักมักคุ้นในชื่อ "เบกกิ้งโซดา" และ "ผงฟู" เพราะนอกจากใช้ทำขนม ใช้ล้างผัก หมักอาหาร ขจัดกลิ่นอับกลิ่นเหม็นและคราบมันต่างๆ ในห้องหรือตู้ จาน ชาม พื้น ไปจนถึงเรื่องกลิ่นอับเสื้อผ้าที่เรากำลังแก้ปัญหากันอยู่นั้นก็หนีไม่พ้น แถมยังได้ผลชะงัดนักและราคาก็ไม่แพงอีกด้วย
ซึ่งวิธีการก็ง่ายๆ เพียงแค่ใช้ในปริมาณ 3-4 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 1 กะละมัง ผสมกับน้ำยาหรือผงซักฟอก แช่ไว้สักครู่ก่อนสัก หรือจะแช่ทิ้งไว้ข้ามคืนเพื่อชำระล้างกลิ่นอับของผ้าที่หลงเหลือแล้วค่อยซักตามปกติเท่านั้น แต่มีข้อควรระวังในกรณีที่ซักมืออาจจะลื่นจนทำให้ซักผ้าไม่สะอาดจึงควรผสมน้ำยาขจัดคราบลงไปด้วย
แอมโมเนีย
นอกจากลดกลิ่นอับที่จะเกิดจากการซักผ้าไม่แห้งหรือกลิ่นที่ติดทนมาเป็นระยะเวลานาน แอมโมเนียยังสามารถใช้ลบรอยเปื้อนที่ถูกกรดได้อย่างดี แต่วิธีนี้ควรทดสอบเบื้องต้นก่อนทำการซักผ้า โดยการจุ่มชายเสื้อกับแอมโมเนียก่อนว่าเกิดปฏิกิริยาหรือไม่ ไม่ควรใช้กับผ้าไหม ผ้าหนาๆ อย่างผ้าขนสัตว์ และควรใช้แอมโมเนียในอัตราส่วนประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ของน้ำที่ซัก
โดยวิธีการคือในขั้นแรกให้เราซักตามปกติ แต่ก่อนจะซักน้ำเปล่าให้ซักด้วยแอมโมเนียอีกหนึ่งครั้ง หรือในกรณีที่ซักด้วยเครื่องซักผ้า ให้รอจึงถึงโปรแกรมเวลาปั่นผ้า ให้เราเทแอมโมเนียผสมลงไปเป็นอันเรียบร้อย และนอกจากนี้เรายังสามารถใช้แอมโมเนีย 1 ช้อนโต๊ะกับน้ำ 250 มิลลิลิตร ทำเป็นสเปรย์สำหรับฉีดดับกลิ่นอับชื้น กลิ่นเหงื่อไคลแทนการซักใหม่ได้อีกด้วย
สารส้ม
ด้วยคุณสมบัติเดียวกันที่ใช้ยับยั้งกลิ่นเหงื่อบนร่างกาย ดังนั้นในเรื่องนี้สารส้มจึงช่วยให้เสื้อผ้าเราไม่มีกลิ่นอับเหม็นได้ดีเช่นเดียวกัน และที่สำคัญสามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ใช้สารส้มแกว่งในน้ำก่อนจะซักผ้าประมาณ 10 - 15 นาที จากนั้นจึงใส่ผงซักฟอกหรือน้ำยาซักผ้าตามปกติ ก่อนนำไปตากให้แห้ง
ทั้งนี้หากเราไม่มีเวลา เรายังสามารถประยุกต์ใช้สำลีชุบสารส้มจนชุ่ม ก่อนจะนำไปวางในตำแหน่งบริเวณที่อับชื้น ทิ้งไว้พอประมาณ ก่อนจะล้างออกด้วยน้ำสะอาด กลิ่นเหม็นอับที่ติดมานั้นก็จะหายไป
เสร็จงานก็เหนื่อยอยู่แล้ว ยิ่งช่วงนี้เป็นวันหยุดพักผ่อนยาว ครั้นพรุ่งนี้ชะตาฟ้าจะเปิดเมฆส่องแดดหรือไม่ก็ไม่อาจล่วงรู้ แทนที่จะพักผ่อนให้สบายๆ ยังจะต้องรอแดดพรุ่งนี้ หรือจะจำใจซักวันนี้แล้วค่อยลุ้นว่าจะไม่มีกลิ่น ก็กลายเป็นดินพอกหางหมู เป็นโน่นนี่นั่นให้คิดเวียนหัว
วันนี้เราจึงหยิบเอาวิธีที่ใช้ได้ผลจริงๆ แม้แดดล่ม ลมตก อบอ้าวครึ้มฟ้าครึ้มฝนมาฝากให้คลายชีวิตที่คิดไม่ตก
น้ำส้มสายชู
ได้ทั้งป้องกันก่อนที่ผ้าจะเหม็นอับชื้นโดยการผสมน้ำส้มสายชู 1-2 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 4-5 ลิตร (ถ้าให้ดีควรเป็นน้ำอุ่น) พร้อมกับน้ำยาซักผ้า ผงซักฟอกและซักอีกครั้งหลังผ้าเหม็นอับชื้นจากการที่ได้รับแสงแดดไม่เพียงพอก็ได้
หรือจะแช่ผ้าก่อนด้วยน้ำส้มสายชูประมาณ 1-2 ชั่วโมง ก่อนนำไปซักตามปกติ สรรพคุณของน้ำส้มสายชูที่มีความเป็นกรดก็จะขจัดกลิ่นอับที่ติดในเนื้อผ้าให้หายไป ทั้งนี้ใช้ได้ทั้งผ้าหนาจำพวกยีนส์หรือกระทั่งผ้าขนนุ่มๆ อย่างผ้าขนหนู
เบคกิ้งโชดา
เรียกได้ว่าเป็นสารสารพัดประโยชน์สำหรับ "โซเดียมไบคาร์บอเนต" หรือที่เรารู้จักมักคุ้นในชื่อ "เบกกิ้งโซดา" และ "ผงฟู" เพราะนอกจากใช้ทำขนม ใช้ล้างผัก หมักอาหาร ขจัดกลิ่นอับกลิ่นเหม็นและคราบมันต่างๆ ในห้องหรือตู้ จาน ชาม พื้น ไปจนถึงเรื่องกลิ่นอับเสื้อผ้าที่เรากำลังแก้ปัญหากันอยู่นั้นก็หนีไม่พ้น แถมยังได้ผลชะงัดนักและราคาก็ไม่แพงอีกด้วย
ซึ่งวิธีการก็ง่ายๆ เพียงแค่ใช้ในปริมาณ 3-4 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 1 กะละมัง ผสมกับน้ำยาหรือผงซักฟอก แช่ไว้สักครู่ก่อนสัก หรือจะแช่ทิ้งไว้ข้ามคืนเพื่อชำระล้างกลิ่นอับของผ้าที่หลงเหลือแล้วค่อยซักตามปกติเท่านั้น แต่มีข้อควรระวังในกรณีที่ซักมืออาจจะลื่นจนทำให้ซักผ้าไม่สะอาดจึงควรผสมน้ำยาขจัดคราบลงไปด้วย
แอมโมเนีย
นอกจากลดกลิ่นอับที่จะเกิดจากการซักผ้าไม่แห้งหรือกลิ่นที่ติดทนมาเป็นระยะเวลานาน แอมโมเนียยังสามารถใช้ลบรอยเปื้อนที่ถูกกรดได้อย่างดี แต่วิธีนี้ควรทดสอบเบื้องต้นก่อนทำการซักผ้า โดยการจุ่มชายเสื้อกับแอมโมเนียก่อนว่าเกิดปฏิกิริยาหรือไม่ ไม่ควรใช้กับผ้าไหม ผ้าหนาๆ อย่างผ้าขนสัตว์ และควรใช้แอมโมเนียในอัตราส่วนประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ของน้ำที่ซัก
โดยวิธีการคือในขั้นแรกให้เราซักตามปกติ แต่ก่อนจะซักน้ำเปล่าให้ซักด้วยแอมโมเนียอีกหนึ่งครั้ง หรือในกรณีที่ซักด้วยเครื่องซักผ้า ให้รอจึงถึงโปรแกรมเวลาปั่นผ้า ให้เราเทแอมโมเนียผสมลงไปเป็นอันเรียบร้อย และนอกจากนี้เรายังสามารถใช้แอมโมเนีย 1 ช้อนโต๊ะกับน้ำ 250 มิลลิลิตร ทำเป็นสเปรย์สำหรับฉีดดับกลิ่นอับชื้น กลิ่นเหงื่อไคลแทนการซักใหม่ได้อีกด้วย
สารส้ม
ด้วยคุณสมบัติเดียวกันที่ใช้ยับยั้งกลิ่นเหงื่อบนร่างกาย ดังนั้นในเรื่องนี้สารส้มจึงช่วยให้เสื้อผ้าเราไม่มีกลิ่นอับเหม็นได้ดีเช่นเดียวกัน และที่สำคัญสามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ใช้สารส้มแกว่งในน้ำก่อนจะซักผ้าประมาณ 10 - 15 นาที จากนั้นจึงใส่ผงซักฟอกหรือน้ำยาซักผ้าตามปกติ ก่อนนำไปตากให้แห้ง
ทั้งนี้หากเราไม่มีเวลา เรายังสามารถประยุกต์ใช้สำลีชุบสารส้มจนชุ่ม ก่อนจะนำไปวางในตำแหน่งบริเวณที่อับชื้น ทิ้งไว้พอประมาณ ก่อนจะล้างออกด้วยน้ำสะอาด กลิ่นเหม็นอับที่ติดมานั้นก็จะหายไป
เครื่องรีดถนอมผ้าไอน้ำ
วิธีทีนี้แนะนำสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลามากนักในการซักผ้าหรือแก้ไขผ้าที่มีกลิ่นเหม็นอับชื้น เพราะมีราคาค่างวดที่ต้องจ่ายมากกว่า แต่ก็นับว่าเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้ได้ผลดีและครอบคลุมอีกต่างหาก นั้นก็เพราะด้วยคุณสมบัติพลังไอน้ำของเครื่องรีดนอกจากรักษาเนื้อผ้า พลังไอน้ำที่มีความร้อนสูงยังช่วยไล่ขับกลิ่นถึงใยชนิดไม่หลงเหลือ
สามารถปรับใช้ได้ทุกประเภทของผ้าตามต้องการ รวมไปถึงผ้าหนาๆ อย่างผ้านวม ผ้าห่ม หมอน ฯลฯ นอกจากนี้อุณหภูมิความร้อนยังช่วยฆ่าแบคทีเรียต่างๆ จำพวกไรฝุ่น ที่เป็นผลพวงตามมาของโรคภูมิแพ้ต่างๆ อีกด้วย
