เป็นๆ หายๆ เดี๋ยวคันเดี๋ยวแดง แถมเผลอแป๊บเดียวกลายเป็นผื่นลามไปทั่วตัว... พูดมาอย่างนี้เชื่อว่าหลายๆ คนคงจะรู้แล้วว่าเราหมายถึง “โรคผดผื่น” ที่จะมาเป็นคู่ตูนาหงันประจำหน้าร้อนสำหรับบ้านเราที่อยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรรับความร้อนจากดวงอาทิตย์ในฤดูกาลนี้ไม่ต่ำกว่า 30 องศาเซลเซียสในทุกๆ วันต่อจากนี้
ซึ่งโรคนี้เกิดได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ส่วนมากจะพบบริเวณจุดข้อพับแขน ขา คอ รักแร้ เอว ใต้ราวนมที่เสียดสี เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนส่งผลให้ร่างกายขับเหงื่อออกมากเป็นพิเศษทำให้เกิดการอักเสบของรูขุมขน และยิ่งเมื่อรูขุมขนของเราที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อถูกทำให้เกิดการระคายเคืองก็จะเกิดเป็นตุ่มเม็ดเล็กๆ แดงๆ เป็นพรืด โดยวิธีป้องกันเบื้องต้นเราสามารถทำได้ดังนี้
1.ทำร่างกายให้เหงื่อออกน้อยที่สุดจะอาบน้ำบ่อยขึ้นหรือหาผ้าสะอาดชุบน้ำซับเบาๆ บริเวรที่เหงื่อออก
2.หลีกเลี่ยงอาการร้อนอบอ้าวอยู่ในที่ลมสามารถโกรก
3.เรายังควรเลือกใส่เสื้อผ้าเนื้อยางเบาและไม่รัดจนฟิตเสียดสีผิวหนังเพื่อลดความเสี่ยงอีกด้วย
4.งดใส่สร้อยหรือเครื่องประดับที่รัดจนก่อให้เกิดการอับของผิวหนัง
5.ดูแลสุขภาพเล็บ ควรตัดให้สั้นเพื่อหลีกเลี่ยงอาการเผลอเรอเกาเนื่องจากคัดบริเวณที่ระคายเคือง เพราะจะก่อให้เกิดแผลและสามารถนำไปสู่การติดเชื้อหรืออักเสบเป็นหนอง
ทั้งนี้ทั้งนั้นอาการผดผืนก็จะหายไปในระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมง แต่ถ้ายังมีอาการอยู่หรือต้องการบรรเทาอาการคัน เราสามารถใช้สมนุไพรรักษาด้วยตัวเองง่ายๆ แทนยารักษาอาการคันของแพทย์ อาทิ
แตงกวา
ที่สรรพคุณเป็นผักประเภทเย็น จึงสามารถใช้บรรเทาอาการคันจากผดผื่น ลดการลุกลาม ลดความแสบร้อนของผิวหนัง โดยการสไลด์บางๆ มาแปะบริเวณที่เกิดอาการ
มะนาว
เนื่องจากลดความมันส่วนเกินออกจากผิวหนัง นอกจากบำรุงผิวพรรณให้แลดูกระชับเต็งตึง ซึ่งในเรื่องทำให้ลดอาการผื่นแดงที่เกิดจากการระคายเคืองได้อีกด้วย
ขมิ้นชัน
สมุนไพรที่ขึ้นชื่อเรื่องผิวพรรณและรักษาโรคผิวหนังแทบทุกอาการ ซึ่งวิธีการแก้ผดผืน เพียงแค่เราตำเหง้าของขมิ้นให้แตกจนเกิดมีน้ำไหลซึมออกมาจากนั้นเอามาทา ซึ่งขมิ้นชันยังเหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่เกิดอาการคันแล้วเกาจนเป็นแผล เนื่องจากขมิ้นชันมีสรรพคุณช่วยสมานแผลตามร่างกายให้หายเร็วยิ่งขึ้น
ว่านหางจระเข้
อีกหนึ่งสมุนไพรที่ให้ผลแบบเดียวกับขมิ้นชัน โดยเราต้องฝานเปลือกออกให้เหลือแต่วุ้นแล้วนำมาทาหรือแปะบริเวณที่เกิดอาการผดผืนคัด (นอกจากนี้วุ้นของว่านหางจระเข้ยังเราสามารถแช่เย็นเก็บไว้ใช้เมื่อยามจำเป็นได้อีกด้วย)
ใบและเปลือก สะเดา
เป็นอีกหนึ่งที่ช่วยอาการของโรคนี้ได้อย่างชะงัด เพราะมีสรรพคุณต้านเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา เชื้อไวรัส อาการแพ้ของผิว ลดอาการคัน
กล้วย
เนื่องจากเป็นผลไม้ที่ให้ฤทธิ์เย็นเช่นเดียวกับแตงกวา ดังนั้นกล้วยจึงสามารถบรรเทาอาการผื่นคัดอันเนื่องมากจากผดแพ้ โดยใช้เปลือกกล้วยด้านในมาประคบสักระยะอาการก็จะทุเลาลง
นอกจากนี้ยังมี “เบคกิ้งโซดา” ใช้ผสม2-3ช้อนโต๊ะได้ทั้งทาและอาบ “ฟ้าทะลายโจร” นำใบมาคั้นแล้วทาบริเวณที่เกิดอาการคัน และท้ายที่สุด “ใบพลู” สมุนไพรโบราณที่มีฤทธิ์ช่วยลดอาการผดผื่นหรือการแก้ทางผิวหนัง แต่ต้องผสมกับเหล้าซึ่งตามภูมิปัญญาชาวบ้านนิยมเหล้าขาว โดยการตำแล้วคั้นเอาน้ำผมหรือชุบใบพลูให้ชุ่มแล้วทา อาการผดผื่นก็จะเบาบางลง
***เกร็ดความรู้ การจำแนกอาการผื่นคัน***
เนื่องจากอาการแพ้ของผิวหนังหรือการเกิดผดผื่นธรรมดานั้นมีลักษณะคล้ายๆ อาการทั้ง ลมพิษ การแพ้เครื่องสำอาง หรือแพ้ยา เราจึงมีเกร็ดวิธีสังเกตเบื้องต้นเพื่อรักษาอาการได้อย่างถูกวิธี เพราะถ้าเกิดปล่อยในระยเวลานานและรักษาผิดโรคอาจเกิดผลค้างเคียงจนเสียงชีวิตได้
1.ลักษณะของผื่นลมพิษ จะมีอาการเป็นตุ่มแดงๆ หรือตุ่มใสๆ และอาการคัน เช่นเดียวกับผดผื่นธรรมดา แต่จะรู้สึกร้อนบริเวณตุ่มเหล่านี้และขนาดจะเพิ่มและขยายหนาขึ้น
2.ลักษณะของผื่นที่แพ้จากเครื่องสำอางหรือสารเคมี เราจะสังเกตได้จากหลังใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นจะเกิดอาการผื่นแดงคันขึ้นบริเวณนั้นๆ ในเวลาไม่นานและจะแสดงฤทธิ์อาการนานเป็นวันหรือสัปดาห์
3.ลักษณะของผื่นที่เกิดจากแพ้ยา เกิดอาการผอผื่นแดงหรือตุ่มใสๆ รวมทั้งขุ่นๆ ในบางราย โดยเมื่อมีอาการจะแห่ขึ้นทั้งตัวเหมือนหัดและมีอาการปวดแสบปวดร้อนคล้ายน้ำร้อนลวก
ซึ่งโรคนี้เกิดได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ส่วนมากจะพบบริเวณจุดข้อพับแขน ขา คอ รักแร้ เอว ใต้ราวนมที่เสียดสี เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนส่งผลให้ร่างกายขับเหงื่อออกมากเป็นพิเศษทำให้เกิดการอักเสบของรูขุมขน และยิ่งเมื่อรูขุมขนของเราที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อถูกทำให้เกิดการระคายเคืองก็จะเกิดเป็นตุ่มเม็ดเล็กๆ แดงๆ เป็นพรืด โดยวิธีป้องกันเบื้องต้นเราสามารถทำได้ดังนี้
1.ทำร่างกายให้เหงื่อออกน้อยที่สุดจะอาบน้ำบ่อยขึ้นหรือหาผ้าสะอาดชุบน้ำซับเบาๆ บริเวรที่เหงื่อออก
2.หลีกเลี่ยงอาการร้อนอบอ้าวอยู่ในที่ลมสามารถโกรก
3.เรายังควรเลือกใส่เสื้อผ้าเนื้อยางเบาและไม่รัดจนฟิตเสียดสีผิวหนังเพื่อลดความเสี่ยงอีกด้วย
4.งดใส่สร้อยหรือเครื่องประดับที่รัดจนก่อให้เกิดการอับของผิวหนัง
5.ดูแลสุขภาพเล็บ ควรตัดให้สั้นเพื่อหลีกเลี่ยงอาการเผลอเรอเกาเนื่องจากคัดบริเวณที่ระคายเคือง เพราะจะก่อให้เกิดแผลและสามารถนำไปสู่การติดเชื้อหรืออักเสบเป็นหนอง
ทั้งนี้ทั้งนั้นอาการผดผืนก็จะหายไปในระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมง แต่ถ้ายังมีอาการอยู่หรือต้องการบรรเทาอาการคัน เราสามารถใช้สมนุไพรรักษาด้วยตัวเองง่ายๆ แทนยารักษาอาการคันของแพทย์ อาทิ
แตงกวา
ที่สรรพคุณเป็นผักประเภทเย็น จึงสามารถใช้บรรเทาอาการคันจากผดผื่น ลดการลุกลาม ลดความแสบร้อนของผิวหนัง โดยการสไลด์บางๆ มาแปะบริเวณที่เกิดอาการ
มะนาว
เนื่องจากลดความมันส่วนเกินออกจากผิวหนัง นอกจากบำรุงผิวพรรณให้แลดูกระชับเต็งตึง ซึ่งในเรื่องทำให้ลดอาการผื่นแดงที่เกิดจากการระคายเคืองได้อีกด้วย
ขมิ้นชัน
สมุนไพรที่ขึ้นชื่อเรื่องผิวพรรณและรักษาโรคผิวหนังแทบทุกอาการ ซึ่งวิธีการแก้ผดผืน เพียงแค่เราตำเหง้าของขมิ้นให้แตกจนเกิดมีน้ำไหลซึมออกมาจากนั้นเอามาทา ซึ่งขมิ้นชันยังเหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่เกิดอาการคันแล้วเกาจนเป็นแผล เนื่องจากขมิ้นชันมีสรรพคุณช่วยสมานแผลตามร่างกายให้หายเร็วยิ่งขึ้น
ว่านหางจระเข้
อีกหนึ่งสมุนไพรที่ให้ผลแบบเดียวกับขมิ้นชัน โดยเราต้องฝานเปลือกออกให้เหลือแต่วุ้นแล้วนำมาทาหรือแปะบริเวณที่เกิดอาการผดผืนคัด (นอกจากนี้วุ้นของว่านหางจระเข้ยังเราสามารถแช่เย็นเก็บไว้ใช้เมื่อยามจำเป็นได้อีกด้วย)
ใบและเปลือก สะเดา
เป็นอีกหนึ่งที่ช่วยอาการของโรคนี้ได้อย่างชะงัด เพราะมีสรรพคุณต้านเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา เชื้อไวรัส อาการแพ้ของผิว ลดอาการคัน
กล้วย
เนื่องจากเป็นผลไม้ที่ให้ฤทธิ์เย็นเช่นเดียวกับแตงกวา ดังนั้นกล้วยจึงสามารถบรรเทาอาการผื่นคัดอันเนื่องมากจากผดแพ้ โดยใช้เปลือกกล้วยด้านในมาประคบสักระยะอาการก็จะทุเลาลง
นอกจากนี้ยังมี “เบคกิ้งโซดา” ใช้ผสม2-3ช้อนโต๊ะได้ทั้งทาและอาบ “ฟ้าทะลายโจร” นำใบมาคั้นแล้วทาบริเวณที่เกิดอาการคัน และท้ายที่สุด “ใบพลู” สมุนไพรโบราณที่มีฤทธิ์ช่วยลดอาการผดผื่นหรือการแก้ทางผิวหนัง แต่ต้องผสมกับเหล้าซึ่งตามภูมิปัญญาชาวบ้านนิยมเหล้าขาว โดยการตำแล้วคั้นเอาน้ำผมหรือชุบใบพลูให้ชุ่มแล้วทา อาการผดผื่นก็จะเบาบางลง
***เกร็ดความรู้ การจำแนกอาการผื่นคัน***
เนื่องจากอาการแพ้ของผิวหนังหรือการเกิดผดผื่นธรรมดานั้นมีลักษณะคล้ายๆ อาการทั้ง ลมพิษ การแพ้เครื่องสำอาง หรือแพ้ยา เราจึงมีเกร็ดวิธีสังเกตเบื้องต้นเพื่อรักษาอาการได้อย่างถูกวิธี เพราะถ้าเกิดปล่อยในระยเวลานานและรักษาผิดโรคอาจเกิดผลค้างเคียงจนเสียงชีวิตได้
1.ลักษณะของผื่นลมพิษ จะมีอาการเป็นตุ่มแดงๆ หรือตุ่มใสๆ และอาการคัน เช่นเดียวกับผดผื่นธรรมดา แต่จะรู้สึกร้อนบริเวณตุ่มเหล่านี้และขนาดจะเพิ่มและขยายหนาขึ้น
2.ลักษณะของผื่นที่แพ้จากเครื่องสำอางหรือสารเคมี เราจะสังเกตได้จากหลังใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นจะเกิดอาการผื่นแดงคันขึ้นบริเวณนั้นๆ ในเวลาไม่นานและจะแสดงฤทธิ์อาการนานเป็นวันหรือสัปดาห์
3.ลักษณะของผื่นที่เกิดจากแพ้ยา เกิดอาการผอผื่นแดงหรือตุ่มใสๆ รวมทั้งขุ่นๆ ในบางราย โดยเมื่อมีอาการจะแห่ขึ้นทั้งตัวเหมือนหัดและมีอาการปวดแสบปวดร้อนคล้ายน้ำร้อนลวก