ฉะเชิงเทรา - ชาวบ้าน อ.บางคล้า เผชิญวิกฤตหนักต้องใช้น้ำฝนที่ตกลงมาประทังชีวิต หลังทะเลหนุนน้ำบางปะกงเค็มจัด โดยเฉพาะผู้ที่ไม่มีน้ำประปาใช้ ขณะชาวสวนยังกัดฟันสู้ขอดน้ำในร่องสวนที่กักไว้ขึ้นมาหล่อเลี้ยง กันไม้ผลยืนต้นตาย
วันนี้ (18 มิ.ย.) นางสมสุข จันทร์วัฒน์ อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15/2 ม.2 ต.ท่าทองหลวง อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา ที่กำลังเดือดร้อนจากการขาดแคลนน้ำกินน้ำใช้ กล่าวว่า หลังเกิดภาวะน้ำทะเลหนุนนานในปีนี้ ครอบครัวของตนซึ่งไม่มีน้ำประปาใช้ได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก เพราะขาดแคลนน้ำจืด ขณะนี้ต้องใช้น้ำฝนที่ตกมาเพียงเล็กน้อยดื่มกิน และชำระร่างกาย เนื่องจากเมื่อนำน้ำในร่องสวนที่เคยกักเก็บเอาไว้ใช้หล่อเลี้ยงต้นไม้มาใช้อาบ ทำให้เกิดผื่นคันถึงขั้นต้องพากันไปหาหมอเพื่อทำการรักษา
ขณะที่หน่วยงานรัฐในท้องที่นั้นยังไม่เข้ามาให้การช่วยเหลือแต่อย่างใด เนื่องจากบ้านที่ตนอยู่อาศัยเป็นสวน ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.บางสวน อ.บางคล้า จึงไม่มีเลขที่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจึงไม่เข้ามาดูแล ระบุว่า ตนไม่ใช่ประชากรของตำบล จึงต้องเดือดร้อนอย่างนี้ทุกปี แต่ก็ยอมรับว่าในปีนี้ได้รับผลกระทบหนักมากเนื่องจากน้ำเค็มจัดเป็นเวลานาน
ด้าน นางพรพิมล มะลิรักษ์ อายุ 73 ปี อยู่บ้านเลขที่ 77/5 ม.2 ต.บางสวน อ.บางคล้า กล่าวว่า หลังน้ำเค็มหนุนเข้ามาในพื้นที่ก็ไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์อะไรได้เลย มีเพียงผู้ที่เลี้ยงกุ้งเท่านั้นที่นำน้ำเค็มในแม่น้ำบางปะกงมาใช้ประโยชน์ได้ ซึ่งปัญหาน้ำเค็มหนุนสูงเกิดขึ้นทุกปี แต่ถ้าปีไหนเกิดภาวะแล้งมากน้ำเค็มก็จะอยู่นาน แต่ถ้าหากปีไหนฝนตกลงมาเร็วน้ำในแม่น้ำบางปะกงก็จะจืดเร็ว แต่ปีนี้แล้งจัด ฝนก็ไม่ตก อย่างไรก็ตาม น้ำใช้ยังไม่ขาดแคลนมากนักเพราะใช้น้ำประปา ส่วนน้ำรดมะพร้าว มะม่วงไม่มี ต้องใช้น้ำประปารดเพื่อช่วยประทังชีวิตให้ต้นไม้ให้ยืนต้นอยู่ได้ต่อไปเพื่อรอน้ำฝน
ขณะที่ นางสมบูรณ์ แซ่ตั๊น อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 47 ม.2 ต.ท่าทองหลาง อ.บางคล้า ผู้ปลูกว่านหางจระเข้ สลับกับสวนหมาก มะม่วง และมะพร้าว กล่าวว่า น้ำในแม่น้ำบางปะกงในขณะนี้ไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์อะไรได้เพราะเค็มจัดจนขม เมื่อเอามารดต้นไม้ก็ตาย จึงทำให้ชาวบ้านนั้นเดือดร้อนกันทั่ว ภาคการเกษตรอื่นทั้งเลี้ยงหมู เลี้ยงไก่ ก็ต้องการใช้น้ำจืด ต้นไม้ทุกชนิดก็ต้องการใช้น้ำจืดรด ตอนนี้ชาวบ้านทำได้เพียงคอยให้ฝนตกลงมาเท่านั้น
ขณะนี้หมากในสวนเริ่มทยอยยืนต้นตายบ้างแล้ว เพราะอากาศร้อน ทั้งยังมีน้ำเค็มหนุนเข้ามา 5 เดือนแล้ว ส่วนว่านหางจระเข้ที่ปลูกไว้แม้จะขาดน้ำจืดก็ไม่ตาย แต่ผลผลิตลดลงอย่างมาก เพราะกาบก้านผอม ไม่ได้น้ำหนัก เนื่องจากไม่มีเนื้อใน ซึ่งต้องพยายามที่จะขอดน้ำจากร่องสวนขึ้นมาช่วยรดประทังชีวิตไว้