เก็บตกภาพบรรยากาศงานอีเวนท์สุดเอ็กคลูซีฟใจกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ พร้อมความรู้สึกแรกหลังจากได้ทดลองสัมผัส กับเกมแอ็คชั่นซูเปอร์ฮีโร่ไต่ผนัง ที่ทาง โซนี่ และเหล่าทีมงาน Insomniac Games มุ่งมั่นใส่ใจทำเป็นพิเศษ
หากกล่าวถึงตัวละคร "ฮีโร่" การ์ตูน ที่ถูกนำไปดัดแปลงสร้างเป็นหนัง และทำเป็นเกมออกมาให้เล่นกันบ่อยครั้งมากที่สุด เชื่อว่าคำตอบแรกที่ปรากฏผุดขึ้นมาในหัวของพวกเรา คงหนีไม่พ้นเรื่องราวของพ่อหนุ่ม "ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์" ในบทบาทของไอ้แมงมุม วีรบุรุษชุดแดงผู้พิทักษ์แห่งมหานครนิวยอร์ก ที่ผจญศึกมานับครั้งไม่ถ้วน และผ่านการรีบูททำใหม่มาหลายรอบ จนกลายเป็นเรื่องยากที่จะทำให้คอหนัง และแฟนเกม รู้สึกทึ่งตื่นตะลึงไปกับผลงานในเวอร์ชันหลังๆ แต่สำหรับ Marvel’s Spider-Man อันเป็นผลผลิตเกมน้องใหม่อบร้อนจากเตา โซนี่ แล้ว อาจถือเป็นข้อยกเว้น เพราะมันจะทำให้คุณรู้สึกตื่นเต้น แม้เป็นสิ่งที่คุ้นเคย
โดยเมื่อวันจันทร์ที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทางทีมงานผู้จัดการเกม ได้ตอบรับคำเชิญจากบริษัท โซนี่ อินเตอร์แอคทีฟ เอนเตอร์เทนเมนท์ ฮ่องกง สาขาสิงคโปร์ เพื่อบินลัดฟ้าไปร่วมงาน Marvel’s Spider-Man Media Preview Event ที่จัดขึ้น ณ โรงแรม Le Meridien กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีคุณ Ian Purnomo พีอาร์จาก โซนี่ สิงคโปร์ มาเป็นเจ้าภาพคอยต้อนรับสื่อมวลชน ท่ามกลางบรรยากาศลุ้นระทึกที่เราจะได้สัมผัสเกม Marvel’s Spider-Man บนคอนโซล PS4 เป็นครั้งแรกก่อนใคร ปนกับความตึงเครียดซีเรียสกวดขันจริงจังของทาง โซนี่ ที่พวกเขาไม่อยากให้มีภาพสกรีนช็อต หรือข้อมูลสำคัญใดๆของเกม หลุดรั่วไหลเผยแพร่ออกไปก่อนวันวางจำหน่าย เนื่องด้วยจุดประสงค์ความตั้งใจของทีมพัฒนา ที่ปรารถนาอยากให้ผู้เล่นทุกคนได้ซึมซับภาพความประทับใจในเกมครั้งแรกผ่านสายตาตัวเอง ราวกับเป็น "รักแรกพบ" เลยทีเดียว
สำหรับงานอีเวนท์ดังกล่าว เริ่มต้นเปิดฉากด้วยการพรีเซนต์เกม Marvel’s Spider-Man ของทีมผู้สร้าง นำโดยคุณ "เจมส์ สตีเฟนสัน" คอมมิวนิตี้ไดเร็กเตอร์แห่งสตูดิโอ Insomniac Games ผู้ออกมาเปิดเผยความรู้สึกของเขาในการทำงานใกล้ชิดร่วมกับ Marvel โดยสิ่งที่ทาง มาร์เวล ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก นั่นคือตัวพล็อตเรื่อง ซึ่งในผลงานเกมไอ้แมงมุมฉบับ PS4 เอ็กคลูซีฟนี้ จะไม่ได้อ้างอิงเนื้อหาตามภาพยนตร์ หรือหยิบจับต้นฉบับคอมิคมาเล่า เนื่องด้วยพวกเขาต้องการนำเสนออะไรที่มันดูแปลกแตกต่างออกไป และมีความเป็น ออริจินอล สดใหม่ไม่ซ้ำใคร
ในส่วนเนื้อหาของเกม จะกล่าวถึงตัวละคร "ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์" ในช่วงหนุ่มใหญ่วัยทำงานหลังเรียนจบมหาวิทยาลัย ผู้สวมใส่หน้ากาก "สไปเดอร์แมน" พิทักษ์ปกป้องนครนิวยอร์กแบบฟูลไทม์มายาวนานถึง 8 ปี ดังนั้นลุคบทบาทของเขา จึงไม่ใช่ฮีโร่เด็กใหม่ไร้ประสบการณ์ แต่เป็นยอดมนุษย์ผู้ชำนาญการที่พร้อมเผชิญหน้ารับศึกจากทุกด้าน ซึ่งส่งผลให้บรรยากาศของเกม นอกจากจะดูคล้ายวันรวมญาติสนิทมิตรสหายของไอ้แมงมุมแล้ว มันยังเป็นเหมือนกับคืนสู่เหย้ารวมพลเหล่าวายร้ายด้วยเช่นเดียวกัน โดยขนกันมาหมดยกคลัง ทั้ง นอร์แมน ออสบอร์น, มิสเตอร์ เนเกทีฟ, ซิลเวอร์ เซเบิล, แก๊งค์ ซินนิสเตอร์ ซิกซ์ และศัตรูอื่นๆอีกเพียบ
จบจากช่วงบรีฟสรุปของทีมงาน ก็มาถึงช่วงไฮไลท์สำคัญ กับการปิดห้องทดลองเล่น Marvel’s Spider-Man ในช่วง 2-3 ชั่วโมงแรกของเกม ซึ่งด้วยสภาพห้องอันมืดมิดจากการเอาผ้าม่านดำทึบสนิทมาปิดคลุมรอบทิศทาง และคำสั่งห้ามหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายภาพหน้าจอ การถ่ายทอดประสบการณ์ที่ได้สัมผัส จึงเป็นเพียงแค่การบอกเล่าผ่านปากเปล่าเท่านั้น โดยเรื่องแรกที่เราประทับใจเมื่อได้จับ นั่นคือแอ็คชั่นความลื่นไหลของตัวละคร ไอ้แมงมุม ที่ทีมงานทำออกมาได้ดีเอามากๆ ไม่ว่าจะตอนปีนป่ายโหนใยสำรวจสถานที่แลนด์มาร์คบนเกาะแมนฮัตตันในแบบโอเพ่นเวิลด์ หรือการตัดเข้าสู่ฉากเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ที่ดูแนบเนียนฉับไวไร้รอยต่อ สมกับเป็นยอดมนุษย์ผู้มีจุดเด่นเรื่องความคล่องตัว
นอกเหนือจากการเคลื่อนไหวยิงใยท่องสำรวจเมืองแล้ว ระบบการต่อสู้ยามปะทะกับศัตรู ก็ยังดูไหลลื่นดุจดั่งสายน้ำ โดยเน้นการโจมตีหนักเบาผสมกันเป็นคอมโบ สลับกับการหลบหลีกสวนกลับยามที่มีสัญลักษณ์ "สไปเดอร์เซนส์" แจ้งเตือนภัยปรากฏแสดงบนหัว เสริมด้วยลูกเล่นอุปกรณ์แกดเจ็ตนานาชนิด ฟังก์ชันการยิงใยหลากรูปแบบ และการใช้ประโยชน์จากสภาพแวดล้อม เช่น ดึงชั้นวางให้หล่นมาทับ หรือหยิบจับข้าวของขว้างปา รวมถึงองค์ประกอบลอบเร้นแอบสอยเก็บศัตรูทีละตัวจากบนหลังคา ซึ่งจะว่าไปแล้ว ตัวเกมก็มีอะไรหลายๆอย่างที่แอบคล้ายซีรีส์ Batman Arkham หนักหน่วงอยู่เหมือนกัน
ในฐานะนักวิทยาศาสตร์ทำงานอยู่ในแล็บวิจัยแห่งหนึ่ง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ตัวละครเอก ปีเตอร์ ของเรา จะอุดมไปด้วยเครื่องไม้เครื่องมือพร้อมสรรพ สำหรับพัฒนาอุปกรณ์ รวมถึงสร้างชุดออกศึกที่มีความสามารถใหม่ๆเอาไว้ปราบอาชญากรรม โดยตัวเกมจะเลือกนำเสนอถ่ายทอดทั้งแง่มุมของฮีโร่ยิงใยในชุดแดง ตัดสลับกับการใช้ชีวิตปกติประจำวันของ "ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์" อันเป็นช่วงเวลาผ่อนคลายให้ผู้เล่นได้พักเบรคสายตาจากแอ็คชั่นอันรวดเร็ว แล้วมาดื่มด่ำไปกับพล็อตเรื่องราว ที่ช่วยอธิบายเหตุผลที่มาที่ไป และอาจสอดแทรกพัซเซิลให้ได้ลับสมองกันเล็กน้อย ซึ่งภายในเกมจะมีตัวละครอื่นๆหมุนเวียนผลัดกันมาให้เราสวมบทบาท อย่างเช่น "แมรี่ เจน วัตสัน" แฟนสาวผมแดงจอมเผือกจากสำนักข่าว เดลี่ บูเกิ้ล ผู้ชอบแอบย่องบุกสืบค้นหาหลักฐานมัดตัววายร้าย ร่วมด้วยตัวละครอื่นๆที่เข้ามาช่วยเพิ่มมิติสีสัน อีกทั้งเรายังไม่รู้สึกว่ามันน่าเบื่อชวนหาว เพราะตัวเนื้อหา บทพูด การวางปริศนา และสีหน้าอารมณ์ที่ตัวละครแสดงออกมา ล้วนอยู่ในมาตรฐานระดับเดียวกันกับเกม Uncharted
หลังเล่นจบ เรายังได้มีโอกาสสัมภาษณ์ "เจมส์ สตีเฟนสัน" เป็นการส่วนตัว เพื่อถามไถ่ถึงสิ่งต่างๆที่เราสงสัย โดยตัวเขาก็เอ่ยปากยอมรับ และรู้สึกปลาบปลื้มใจที่มีคนหยิบนำผลงานของพวกเขาไปเปรียบเทียบกับแฟรนไชส์ "อัศวินรัตติกาล" อันโด่งดัง ที่เป็นทั้งต้นแบบ และแรงบันดาลใจ นอกจากนี้ เรื่องตึกอาคาร Avengers Tower ที่เห็นโผล่ปรากฏอยู่ภายในเกม จนเราอดไม่ได้ที่ต้องถามเจ้าตัวว่า ผู้เล่นจะได้มีสิทธิ์เห็นฮีโร่มาร์เวลคนอื่นๆมาร่วมแจมในเกมด้วยหรือเปล่า? แต่คำตอบที่ได้รับอาจไม่ถูกใจแฟนๆสักเท่าไหร่ เนื่องจากเหล่าทีมงานอยากจำกัดเนื้อหาอยู่แค่ในโลกของ "สไปเดอร์แมน" เท่านั้น ซึ่งเมื่อได้ยินเราเองก็แอบเสียใจอยู่ลึกๆเหมือนกัน เพราะหากพวกเขาทำได้ นั่นจะเป็นยิ่งกว่า เซอร์ไพรส์ และผลักดันให้โปรเจกต์นี้ดูยิ่งใหญ่ไปไกลมากกว่าที่เป็น
ถึงแม้ประสบการณ์ที่ได้รับจาก Marvel’s Spider-Man จะไม่พุ่งสูงทะยานเกินความคาดหวัง แต่เท่าที่ลองจับก็นับว่าสอบผ่าน เกมเพลย์อะไรต่างๆให้ความรู้สึกดีกว่าที่คิดเอาไว้มาก และการันตีได้เลยว่า มันจะสามารถคว้าตำแหน่งเกมฮีโร่ไต่ใยภาคที่ดีที่สุดตลอดกาลไปครอง เมื่อตัวเกมได้ฤกษ์ลงแผงออกวางจำหน่ายบนเฉพาะแพลตฟอร์ม เพลย์สเตชัน 4 ในวันที่ 7 กันยายนนี้
*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*
