แพลตฟอร์ม PC
แนวบริหารจัดการทีม
เรตเกม PEGI: 3 เหมาะสำหรับผู้เล่นที่มีอายุ 3 ปีขึ้นไป
กลับมาอีกครั้ง สำหรับแฟรนไชส์เกมบริหารจัดการทีมฟุตบอลของเหล่าชาวพีซี ที่ในปีนี้แลดูมีพัฒนาการที่ดีขึ้น ถึงแม้บางสิ่งบางอย่างจะยังคงถูกสต๊าฟแน่นิ่งเอาไว้เหมือนเมื่อปี 2004
“ฟุตบอล แมเนเจอร์” แค่ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า เราต้องสวมบทเป็นผู้จัดการทีมสโมสรฟุตบอล ซึ่งในภาคใหม่ 2018 รูปแบบการเล่นก็ยังคงกลิ่นอายคล้ายเดิมเหมือนทุกภาคที่ผ่านๆมา กับเกมเพลย์สไตล์เน้นใช้เมาส์คลิกจิ้มเลือกบริหารตัดสินใจมันหมดทุกอย่าง ทั้งแผนฟอร์เมชั่น จัดผู้เล่นลงสนาม ออกสื่อ ซื้อขายตัวนักเตะ และคอยเคลียร์ปัญหาต่างๆ เพื่อพาทีมรักไปสู่จุดสูงสุด
ซึ่งก่อนเข้าไปรับงานคุมทีม ตัวเกมจะเปิดโอกาสให้ผู้เล่นสร้างตัวละคร “ผู้จัดการ” ได้อิสระตามแบบที่ใจเราต้องการ ทั้งใบหน้า (สามารถนำรูปถ่ายของเรามาสแกนเป็นใบหน้าตัวละคร 3D ได้) สีผิว ทรงผม เครื่องแต่งกาย ไปจนถึงสไตล์การคุมทีมว่า อยากเน้นหนักไปทางเทรนเนอร์ดูแลการฝึกซ้อม หรือแมเนเจอร์คอยวางแผนแทคติก ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีการเอาใจเหล่าผู้เล่นหน้าใหม่ๆที่ไม่อยากปวดหัวกับเรื่องจุกจิก ด้วยเมนูออพชั่นที่เราสามารถติ๊กเลือกได้ว่าอยากรับผิดชอบงานคุมทีมในส่วนไหนบ้าง เช่นเอาแค่จัดแผนวางตำแหน่ง 11 ตัวจริงลงสู่สนามพอ ส่วนการเจรจาซื้อขาย ออกสื่อ ดึงนักเตะเยาวชน และงานจิปาถะอื่นๆที่เหลือก็ยกให้ผู้ช่วยเป็นคนตัดสินใจทั้งหมด ซึ่งตรงจุดนี้น่าจะถูกอกถูกใจเหล่าคอเกม ที่ในชีวิตจริงชอบโยนงาน ผลักภาระให้คนอื่นนักแล
เสร็จจากขั้นตอนสร้างตัวละครผู้จัดการ ต่อไปก็ถึงคราวต้องเลือกทีมสโมสรที่ต้องการคุม ซึ่งน่าเศร้าเหลือเกิน ที่ในปีนี้ดูเหมือนลิขสิทธิ์จะลดหายน้อยลงไปยิ่งกว่าเดิม ดุจดั่งเพื่อนซี้ร่วมชะตาผู้พร้อมกอดคอไปด้วยกันกับ Pro Evolution Soccer โดยลีกลิขสิทธิ์เด่นๆที่เห็นก็จะเป็นพวกฝรั่งเศส ฮอลแลนด์ และอิตาลี ขณะที่แฟนบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ลาลีกาสเปน หรือบุนเดสลีกาของเยอรมัน ก็คงต้องทำใจยอมรับโลโก้ชุดแข่ง อบต. กันต่อไป ส่วนทางฝั่งโตโยต้าไทยลีกของเรานั้นอย่าได้หวัง เพราะขนาดเจลีกของญี่ปุ่นเองยังไม่มีมาให้เลือกเลย จึงตกเป็นงานหนักภาระลำบากของผู้เล่นอีกครั้ง ที่ต้องคอยสอดส่องมองหาเว็บไซต์แหล่งดาวน์โหลดแพทช์ไฟล์ปรับแก้ไข เพิ่มเติมใบหน้า ตราสโมสร และชุดแข่งขันกันเอาเอง
ทางด้านอินเตอร์เฟส การจัดวางหน้าจอเมนูต่างๆ ก็ยังคงชวนเวียนหัวเช่นเดิมไม่ต่างจากการเปิดใช้งานโปรแกรม Microsoft Excel อย่างไรก็ดี ปัญหานี้ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคใหญ่หลวงอะไรนัก สำหรับกลุ่มแฟนพันธุ์แท้ที่ติดตามเล่นมานานเห็นมันจนชินตา ในส่วนของคลังข้อมูลนักเตะจำนวนมหาศาล และการคุมบริหารจัดการทีมนั้น ตัวเกมยังรักษาความละเอียดลึกซึ้งเอาไว้เช่นเดิม ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อเจรจาซื้อขายเซ็นสัญญานักเตะ, เลือกจ้างแมวมอง Scout ส่งไปดูฟอร์มการเล่นของแข้งที่เราสนใจ, ปลุกปั้นนักเตะเยาวชนขึ้นมาติดทีมชุดใหญ่, จัดตารางการฝึกซ้อม, ตรวจเช็คความฟิตร่างกาย และสภาพจิตใจของนักเตะภายในทีม ที่มีขึ้น-ลงตลอดเวลาแบบไดนามิค อีกทั้งการจัดแผนวางตำแหน่ง 11 ผู้เล่นในสนาม ก็ทำได้อิสระหลากหลายรูปแบบ ถึงแม้จะเป็นตำแหน่งเดียวกัน เราก็สามารถเลือกระบุเจาะจงลงไปได้อีกว่า อยากให้นักเตะรายนั้นเน้นซัพพอร์ตจ่ายเป็นหลัก หรือมุ่งโฟกัสไปที่การทำประตู
สิ่งที่ดูแล้วเห็นพัฒนาการมากที่สุดในเกม FM 2018 คงหนีไม่พ้นภาพกราฟิกของตัว "แมตช์เอนจิ้น 3D" ที่ปีนี้ถือว่ายกระดับขึ้นมามาก ไม่ว่าเรื่องรายละเอียดของสนาม แสงเงาที่สาดส่องลงบนพื้นหญ้า ผู้ชมคนดูที่นั่งอยู่บน ฟิสิกส์ตาข่ายที่มีการขยับพลิ้วไหวตามแรงปะทะของลูกฟุตบอล ส่วน AI ของเหล่านักเตะในสนาม ก็มีแอนิเมชั่นการเคลื่อนไหวที่แลดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยเฉพาะการบินปัดพุ่งเซฟของผู้รักษาประตู ถึงแม้อารมณ์ความสมจริงจะไม่ได้เทียบเท่ากับสองซีรีส์ฟุตบอลชื่อดังที่กำลังครองตลาด แต่มันก็เป็นเหตุผลเดียวที่ดึงดูดให้กลุ่มแฟนเก่าๆอยากหันมาลองจับสัมผัสกับตัวเกมภาคใหม่
ในหมู่บรรดาปัจจัยมากมายที่มีอิทธิพลต่อผลงานโดยรวมของทีม หนึ่งในนั้นที่เราต้องขอยกให้เป็นเรื่องน่าปวดหัวที่สุดประจำภาค 2018 นั่นคือเรื่องของ "อาการบาดเจ็บ" เนื่องด้วยทางทีมผู้สร้างได้มีการพัฒนาปรับปรุงฟีเจอร์ "วิทยาศาสตร์การกีฬา" (Sport Science) ที่ช่วยในการวิเคราะห์ และรักษาบำบัดฟื้นฟูร่างกายของนักเตะ ให้ขึ้นมามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อการเล่นมากกว่าภาคไหนๆ ซึ่งมันคงฟังดูไร้ประโยชน์ หากมีศูนย์การแพทย์ หรือเครื่องไม้เครื่องมืออะไรพร้อมสรรพ แต่ปราศจากเหยื่อผู้โชคร้ายมาให้วิเคราะห์เจาะลึก ฉะนั้นแล้วทางทีมงานจึงสนองจัดมาให้เต็มที่ ชนิดที่ว่าหากยังเล่นแบบเดิมเหมือนที่เคยทำมาในภาคก่อนๆ เราอาจมีสิทธิ์จบฤดูกาลด้วยสภาพนักเตะเจ็บตัวแดงเถือกทั้งทีม ดังนั้นทางที่ดีเราจึงควรหมุนเปลี่ยนนักเตะตลอดเวลา ต่อให้แมตช์นั้นเป็นแมตช์สำคัญมีผลต่อการลุ้นแชมป์ ก็อย่าส่งตัวจริงลงหมดเหมือนอย่างที่เห็นในทีวี บางครั้งอาจต้องพิจารณางดลดระดับการฝึกซ้อมลงบ้าง เพราะโค้ชผู้ช่วยในเกมจะฝึกหนักราวกับค่ายทหาร (แต่ไม่ตาย) ส่วนตัวที่หายเจ็บแล้วก็ให้นั่งสำรองดูเพื่อนเล่นไปก่อนอย่าเพิ่งรีบส่งลงไปเค้นฟอร์มเก่งถึงแม้สกอร์จะตามหลัง หรือพวกแมตช์อุ่นเครื่องกระชับมิตร ก็ควรแข็งใจบอกปัดปฏิเสธไปบ้าง ถ้าไม่อยากพานักเตะของเราลงไปเสี่ยงกับเกมการแข่งขันที่เล่นกันดุเดือดถึงลูกถึงคน จนต้องหามส่งโรงพยาบาล
ถึงแม้จะดูปัดเป๋เดินผิดทิศทางไปหน่อย "Football Manager 2018" ก็นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของทีมงาน Sports Interactive ที่หวังพยายามขยับสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดแก่ซีรีส์เกมบริหารทีมฟุตบอลของตนที่อยู่มานาน และเพื่อช่วยลดทอนความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นสำหรับคนที่ยังลังเลว่าจะซื้อดีหรือไม่? ทางผู้พัฒนา ก็มีการปล่อยตัวเกมเวอร์ชันเดโมบนสตีม ให้แฟนๆได้ทดลองเล่นกันก่อนแบบฟรีๆ
เกมการเล่น | 7 |
กราฟิก | 8 |
เสียง | 7 |
ความคิดสร้างสรรค์ | 7 |
ภาพรวม | 7.3 |
ข้อดี : ข้อมูลนักเตะลึกสมจริง, ปรับแผนได้ละเอียด, เลือกขอบข่ายหน้าที่ในการคุมทีมได้อิสระตามต้องการ และแมตช์เอนจิ้นตอนแข่งที่ดูสวยงาม
ข้อเสีย : ลิขสิทธ์ทีมค่อนข้างน้อย, แข้งสตาร์ดาวดังที่ไร้ใบหน้า, อินเตอร์เฟสยังชวนสับสน, ไม่ไกลห่างจากภาคที่แล้วมากนัก และเหล่านักเตะกระดูกยุง
Minimum System Requirements (ระบบขั้นต่ำที่รองรับ)
ระบบปฏิบัติการ: Windows Vista (SP2), 7 (SP1), 8/8.1, 10 (1703/Creators Update) - 64-bit or 32-bit
หน่วยประมวลผล: Intel Pentium 4, Intel Core or AMD Athlon – 2.2 GHz +
หน่วยความจำ: แรม 2GB
การ์ดแสดงผล: Intel GMA X4500, NVIDIA GeForce 9600M GT or AMD/ATI Mobility Radeon HD 3650 – 256MB VRAM
DirectX: เวอร์ชัน 9.0c
ฮาร์ดไดรฟ์: พื้นที่ว่างอย่างน้อย 7GB
Shin
สนับสนุนบทความรีวิวโดยบริษัท นิว อีร่า เอนเตอร์เทนเม้นท์ (New Era Entertainment)New Era Games
ราคาจำหน่าย 859 บาท
*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*