แพลตฟอร์ม PC, Mac, Linux
แนว วางแผนการรบ
เรตเกม PEGI: 16 เหมาะสำหรับผู้เล่นที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป
มหาศึกครั้งใหม่ระหว่างฝ่าย Space Marines กับพวก Orks ตัวเขียวจากทีมงานผู้สร้าง Company of Heroes ที่ดูเหมือนภาคนี้ได้สละละทิ้งความสมจริงแบบเกมวางแผนสงครามโลก เพื่อหันไปโฟกัสในเส้นทางไซไฟแฟนตาซีเต็มกำลัง
สำหรับตัวเกม Dawn of War ในภาคต่อลำดับที่สามนี้ ยังคงเป็นผลงานการสร้างสรรค์ของสตูดิโอเจ้าเก่าขาประจำอย่าง Relic Entertainment และได้บริษัทเซก้า มาเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายให้เหมือนเช่นเคย ซึ่งถึงแม้ตัวเลขพ่วงท้ายชื่อไตเติ้ลจะไล่เรียงต่อกันมา 1 2 3 แต่สำหรับภาคใหม่นี้ มันจะค่อนข้างแตกต่างฉีกออกไปจากเดิมเหมือนคนละซีรีส์ ซึ่งนั่นถือเป็นเรื่องดี เพราะคนที่ได้ลองสัมผัสต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า มันคือการนำ Warcraft 3 มาผสมกับ Starcraft 2
เนื่องด้วยทีมพัฒนาเป็นทีมงานชุดเดียวกันที่ให้กำเนิดซีรีส์ Company of Heroes จึงไม่น่าแปลกที่ตัวเกม Dawn of War ภาคก่อนๆหน้านี้ จะพยายามสอดแทรกลูกเล่นอะไรที่คล้ายๆกัน อย่างเช่นระบบหลบเข้าที่กำบัง หรือการส่งยูนิตของเราเข้าไปยึดอาคารสิ่งปลูกสร้างต่างๆ แต่ทว่าการคัมแบ็คกลับมาในครั้งนี้ เราอยากขอให้ทุกคนลืมภาพลักษณ์ ลบล้างวิธีการเล่นแบบเก่าๆออกไปจากหัวสมอง เพราะระบบทุกอย่างที่กล่าวมานั้น มันได้อันตรธานหายไปแทบไม่มีหลงเหลือให้เห็นแล้วในเกมภาคต่อนี้
อย่างไรก็ดี อาจมีผู้เล่นบางคนถกเถียงว่า ภายในเกมเราสามารถส่งยูนิตเข้าไปยึดแท่นพลังงานสร้างเกราะบาเรีย เพื่อใช้มันปกป้องยูนิตจากการถูกศัตรูโจมตีได้ แต่อย่าลืมไปว่าเกราะบาเรียที่คอยคุ้มหัวตัวเรานั้น มันกันได้แค่เฉพาะกระสุน หรือการโจมตีจากระยะไกลเท่านั้น หากถูกยูนิตฝ่ายตรงข้ามเข้าประชิดตัว หรือใช้สกิลกระโดดโจนทะยานจากฟากฟ้าพุ่งลงมาเข้าใส่กลางวง กองกำลังของเราที่เอาแต่มุดหัวหลบอยู่ในโล่พลังงานก็พร้อมกระเจิงเหมือนผึ้งแตกรังได้ทุกเมื่อ ฉะนั้นแล้วการหวังพึ่งพามัวหาแต่ที่กำบังจึงไม่ใช่สาระสำคัญอันดับต้นๆในการพิชิตศึกอีกต่อไป
ส่วนเรื่องชนวนเหตุเชื้อไฟที่เป็นจุดเริ่มต้นสงครามความขัดแย้งครั้งล่าสุด มันเกิดขึ้นจากการค้นพบสุดยอดศาสตราวุธแห่งการทำลายล้าง Spear of Khaine ณ บนดาวเคราะห์ Acheron จนเป็นเหตุให้สามเผ่าพันธุ์มหาอำนาจในจักรวาลต่างตาลุกวาวหวังที่จะได้มันมาครอบครองเพื่อใช้มันกำราบศัตรู หรือระงับป้องกันเหตุเภทภัยที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต จึงรีบกรีธาทัพรุดหน้ามาเยือนดวงดาวแห่งนี้ จนเกิดเป็นมหาศึกสามเศร้าเข่นฆ่าแย่งชิง ที่กุมชะตากรรมของทั้งจักรวาล
หากเป็นเกม RTS ทั่วไป เราคงได้เห็นโหมดแคมเปญที่ถูกแบ่งแยกเนื้อเรื่องของใครของมัน ให้ผู้เล่นค่อยๆทยอยเล่นเคลียร์จบไปทีละเผ่า แต่สำหรับเกมนี้อย่าได้คิดเหมารวมว่ามันจะเดินตามรอยสูตรสำเร็จดังกล่าว เพราะเรื่องราวของทั้ง 3 เผ่าพันธุ์ได้ถูกทีมงานนำมายำผสมรวมกันให้เป็นเนื้อเรื่องเดียว โดยเริ่มต้นที่ฝ่าย Space Marines เผ่าพันธุ์มนุษย์ที่เน้นปืนหนัก-เครื่องจักรสังหาร ตามต่อด้วย Orks เผ่าตัวเขียวเน้นปริมาณ ที่ชอบเก็บกู้เศษซากกองขยะมาใช้ให้เกิดประโยชน์ และปิดท้ายจบลูปด้วย Eldar เผ่าพันธุ์เอเลี่ยนโบราณสุดไฮเทค หมุนเวียนวนสลับเช่นนี้เรื่อยไปจนครบ 17 มิชชั่น ซึ่งการให้ผู้เล่นได้ลิ้มลองสัมผัสกิมมิคของแต่ละเผ่าอย่างละนิดอย่างละหน่อยสลับกันไปแบบนี้ มันสามารถลดบรรเทาอาการเอียนอันเกิดจากการนั่งเล่นซ้ำแต่เผ่าเดิมๆ และช่วยกระตุ้นให้ผู้เล่นรู้สึกรีเฟรช มีความกระหายอยากเล่นตลอดเวลา
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ "Dawn of War 3" น่าจะถูกอกถูกใจแฟนๆคอ RTS นั่นคือ การกลับมาใหม่อีกครั้งของระบบก่อร่างสร้างฐานทัพ และการเลือกผลิตยูนิต ที่ผู้เล่นสามารถตัดสินใจควบคุมกระบวนการทุกอย่างได้ด้วยตนเอง จึงทำให้มันค่อนข้างแตกต่างไปจากตัวเกมภาคสอง ที่เคยทำเอาหลายคนถึงกับงงเต้กออกอาการเหวอไปไม่เป็น เพราะเริ่มต้นมาก็มีหน่วยยูนิตพร้อมสรรพให้เราคลิกสั่งการเข้าปะทะต่อสู้กับศัตรูได้ทันที ซึ่งดูแล้วเหมือนกำลังเดินหลงไปในเส้นทางเกมแอ็คชั่นอาร์พีจี มากกว่าเกมวางแผนการรบ
ด้วยความที่ตัวเกมออกวางจำหน่าย โดยเว้นระยะทิ้งช่วงห่างจากภาคที่แล้วนานถึง 8 ปี แน่นอนว่าภาพกราฟิก แอนิเมชั่นการเคลื่อนไหวของตัวละคร รวมถึงเอฟเฟกต์แสงสีอะไรต่างๆภายในเกม ย่อมต้องออกมาสวยสดงดงามผิดหูผิดตาพัฒนาขึ้นมากจากเดิมแบบก้าวกระโดดตามยุคสมัย และเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป และยิ่งพอมาผสมกับอารมณ์โหดดิบเถื่อนเน้นความสะใจในการสังหารอันเป็นเอกลักษณ์จุดเด่นประจำซีรีส์ มีเลือดสาดกระเซ็นท่วมจอ เห็นชิ้นส่วนอวัยวะเศษเล็กเศษน้อยของศัตรูกระจัดกระจายยามถูกระเบิดปูพรม จึงส่งผลให้มันเป็นเกม RTS ที่มีภาพกราฟิกตระการตาน่าดูชมระดับหัวแถวในท้องตลาดเลยทีเดียว
จบจากเนื้อเรื่องแคมเปญที่กินเวลากว่า 20 ชั่วโมง ก็มาถึงอีกหนึ่งโหมดการเล่นหลัก นั่นคือโหมดออนไลน์มัลติเพลย์เยอร์ ซึ่งก็เหมือนกับเกม RTS ทั่วไป ที่เราสามารถท้าสู้กับผู้เล่นออนไลน์คนอื่นๆ ทั้งในรูปแบบดวลเดี่ยวตัวต่อตัว หรือแบบช่วยเหลือประสานงานกันเป็นทีม เพียงแต่ไฮไลท์ความพิเศษของเกมนี้ มันอยู่ตรงที่ความสามารถในการปรับแต่งยูนิตให้เข้ากับสไตล์การเล่นของตนเองได้ โดยทุกครั้งหลังเล่นจบ ไม่ว่าแพ้หรือชนะ เราจะได้รับแต้มรูปหัวกะโหลก Skull Points เพื่อใช้ในการปรับแต่งเปลี่ยนสกิลความสามารถของยูนิตให้เข้ากับสไตล์การเล่นของเรา ซึ่งช่วยสร้างความหลากหลายในการวางกลยุทธ์ และมอบเป้าหมายให้ผู้เล่นอยากที่จะอยู่ในจักรวาลแห่งนี้ไปยาวๆ
ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมาจาก Company of Heroes และการที่ได้จับลองผิดลองถูกซีรีส์นี้มาแล้วถึงสองภาค Warhammer 40,000 Dawn of War 3 จึงเปรียบดั่งเพชรเม็ดงามที่เกิดจากกระบวนการตกผลึกดังกล่าว หากเทียบกันมันก็คงเป็นรองแค่เหล่าเกมดังจากค่ายบลิซซาร์ดเท่านั้น สำหรับสิ่งที่ยังขาดเหลือ ก็คงมีเพียงแค่เรื่องไอเดียความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบด่าน และความหลากหลายของภารกิจ ที่ควรเปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้ทำอย่างอื่นบ้าง นอกเหนือจากยึดจุด และมุ่งทำลายฐานฝ่ายตรงข้าม
เกมการเล่น | 8 |
กราฟิก | 10 |
เสียง | 9 |
ความคิดสร้างสรรค์ | 8 |
ภาพรวม | 8.8 |
ข้อดี : กราฟิกตื่นตาตื่นใจ, แอนิเมชั่นลื่นไหล, ยิ่งเล่นยิ่งปลดล็อค, เลือกปรับแต่งสีสัน-สกิลความสามารถของยูนิตได้ และเกมเพลย์สร้างฐานสไตล์คลาสสิคที่หวนคืน
ข้อเสีย : ภารกิจฆ่าฟันทำลายฐานซ้ำๆเดิมๆ, แมตช์ออนไลน์ที่มีเพียงโหมดการเล่นเดียว และปราศจากระบบเช็คพอยท์ ต้องคอยเซฟข้อมูลเองตลอดเวลา
Minimum System Requirements (ระบบขั้นต่ำที่รองรับ)
ระบบปฏิบัติการ: 64-bit Windows 7
หน่วยประมวลผล: 3GHz i3 quad logical core or equivalent
หน่วยความจำ: แรม 4GB
การ์ดแสดงผล: NVIDIA GeForce 460 or AMD Radeon 6950 or equivalent DirectX 11-card
ฮาร์ดไดรฟ์: พื้นที่ว่างอย่างน้อย 50GB
Reccommended System (ระบบที่แนะนำ)
ระบบปฏิบัติการ: 64-bit Windows 10
หน่วยประมวลผล: 3GHz i5 quad core or equivalent
หน่วยความจำ: แรม 8GB
การ์ดแสดงผล: NVIDIA GeForce 770 or AMD Radeon 7970 or equivalent DirectX 11 card
Shin
สนับสนุนบทความรีวิวโดยบริษัท นิว อีร่า เอนเตอร์เทนเม้นท์ (New Era Entertainment)New Era Games
*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*