xs
xsm
sm
md
lg

"Star Trek" ฉบับเกมแอ็คชั่นบู๊แหลกต้นปี 2013

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นัมโคบันได เปิดตัวเกมแนวแอ็คชั่นตะลุยอวกาศที่ดัดแปลงมาจากภาพยนตร์ไซไฟ "สตาร์ เทรค" ประกาศส่งลงทั้งเครื่องพีซีและคอนโซลต้นปีหน้า

หลังจากที่ถูกเปิดตัวครั้งแรกภายในงาน E3 2011 สำหรับเกมตัวใหม่ของสตูดิโอ Digital Extremes ทีมผู้อยู่เบื้องหลัง Dark Sector, BioShock, Homefront และ The Darkness II ที่คราวนี้หันมาจับเอาภาพยนตร์ "Star Trek" ฉบับรีบูทชื่อดังที่ออกฉายในปี 2009 มาทำเป็นเกมแอ็คชั่นยิงมุมมองบุคลที่สาม ด้วยตัวเอนจิ้น Evolution

ล่าสุดในงานเกมส์คอม 2012 ที่ประเทศเยอรมัน ทางด้านบริษัทนัมโคบันไดซึ่งเป็นตัวแทนผู้จัดจำหน่ายเกม ได้มีการนำเทรลเลอร์ใหม่สำหรับเกม "Star Trek" ไปเปิดโชว์อย่างอลังการงานสร้างเป็นที่ฮือฮาและดึงดูดทุกสายตาจากผู้เข้าร่วมงาน โดยในคลิปวิดีโอเผยให้เห็นสองตัวละครเอกประจำซีรีส์อย่าง "กัปตันเคิร์ก" และ "สป็อค" ร่วมกันฝ่าฝูงสัตว์ประหลาดเอเลี่ยนต่างดาวท่ามกลางห้วงอวกาศ และเต็มไปด้วยเอฟเฟกต์ระเบิดตูมตามมากมายภายในฉาก

สำหรับ "Star Trek" ฉบับวิดีโอเกมส์นี้ จะดำเนินเรื่องต่อจากฉบับภาพยนตร์สตาร์เทรคภาคแรกของ J. J. Abrams และเป็นช่วงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหนังภาคสองที่กำลังจะเข้าฉายในปี 2013 ซึ่งบอกเล่าการเดินทางส่วนหนึ่งของมหากาพย์ที่จะนำพาผู้เล่นไปยังดาวเคราะห์ที่ยังไม่เคยถูกพบและสำรวจยานรบของศัตรูด้วยอาวุธอุปกรณ์สุดไฮเทคในยุคอนาคตช่วงศตวรรษที่ 23 ซึ่งตัวเกมจะโฟกัสไปที่ความเป็นแอ็คชั่นเน้นการต่อสู้ และถือเป็นครั้งแรกที่ผู้เล่นจะได้สวมบทเป็น "กัปตันเจมส์ ที เคิร์ก" ทำงานร่วมมือกับ "สป็อค" ในรูปแบบ Co-op ในการพยายามหยุดยั้งเผ่าพันธุ์ศัตรูต่างดาว "Gorn" ที่หวังยึดครองจักรวาล

เกม "Star Trek" มีกำหนดวางจำหน่ายลงทั้งเครื่องพีซี, เอ็กบ็อกซ์360 และ เพลย์สเตชัน 3 ในช่วงไตรมาสแรก (ม.ค.-มี.ค.) ของปี 2013

ข้อมูลและภาพประกอบจาก
ign
gematsu












‘โอบามา’กับ‘เนทันยาฮู’หลังปาเลสไตน์มีชัยในยูเอ็น
มีเสียงซึ่งทรงความสำคัญจำนวนหนึ่งในวอชิงตัน ออกมาเรียกร้อง บารัค โอบามา ให้ใช้แรงบีบคั้นกดดันต่อนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ภายหลังจากที่เขาประกาศแผนการล่าสุดในการขยายเขตตั้งถิ่นฐานของชาวยิวในดินแดนเวสต์แบงก์ ด้วยความโกรธกริ้วที่ปาเลสไตน์มีชัยในทางการทูตครั้งสำคัญ โดยได้รับการรับรองจากสมัชชาใหญ่สหประชาชาติให้ยกฐานะจากการเป็นองค์กรผู้สังเกตการณ์ ขึ้นเป็นรัฐผู้สังเกตการณ์ แต่ปฏิกิริยาอย่างเป็นทางการของทำเนียบขาวกลับเป็นความนิ่งเฉย ซึ่งบ่งบอกให้เห็นว่าประธานาธิบดีอเมริกันไม่มีเจตนารมณ์ที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องพัวพันกับเรื่องนี้ซึ่งสามารถกลายเป็นศึกใหญ่ศึกหนึ่งในสมัยที่สองแห่งการเป็นผู้นำสหรัฐฯของเขา ตรงกันข้าม โอบามาตั้งใจที่จะมุ่งเน้นความสนใจไปยังปัญหาน่าหนักใจภายในประเทศทั้งหลาย, ลดทอนบทบาทของสหรัฐฯในตะวันออกกลางให้น้อยลงไปเรื่อยๆ, และรวมศูนย์เพ่งเล็งไปที่ยุทธศาสตร์แห่งการหวนกลับไปให้ความสำคัญต่อเอเชีย-แปซิฟิก
กำลังโหลดความคิดเห็น