โซนี่เปิดเผยข้อมูลล่าสุดระบุว่าการทดสอบระบบภายในจะต้องใช้เวลานานมากขึ้น ก่อนที่ระบบออนไลน์ทั้งหมดจะกลับมาใช้งานได้อีกครั้ง เนื่องจากจำเป็นต้องตรวจสอบระบบความปลอดภัยในวงกว้างเพื่อให้แน่ใจที่สุด ปูดข้อมูลจากการถูกแฮคบางส่วนถูกนำมาเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ ด้าน 2 มือแฮคจากทีม "Anonymous" ยอมรับว่าบางส่วนของทีมอาจะมีส่วนกับการโจมตีครั้งนี้
ระบบออนไลน์เพลย์สเตชั่น เน็ตเวิร์คของโซนี่ล่มไม่สามารถใช้งานได้ตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน โดยที่โซนี่ออกมาระบุว่าระบบถูกโจมตีจากภายนอก ซึ่งต้องมีการวางระบบและแก้ปัญหากันครั้งใหญ่เพื่อไม่ให้ถูกโจมตีอีก โดย "แพทริก เซย์โบล" หัวหน้าอาวุโสฝ่ายสื่อสารและสื่อสังคม ออกมาเปิดเผยเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า ได้เริ่มทดสอบระบบในขั้นสุดท้ายแล้วก่อนที่ระบบจะกลับมาใช้งานได้อีกครั้ง
ข่าวดังกล่าวทำให้เกมเมอร์ดีใจที่ระบบออนไลน์บนเครื่องเพลย์สเตชั่น 3 จะกลับมาใช้งานได้อีกครั้งในเร็ววัน แต่ล่าสุดดูว่าสถานการณ์จะไม่เร็วอย่างที่คาดการณ์ไว้ เมื่อแพทริกออกมาเปิดเผยข้อมูลล่าสุดผ่าน PlayStation Blog ระบุว่า การกู้คืนระบบให้กลับมาใช้งานได้ปกติจะต้องใช้เวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้ในตอนแรก
แพทริก กล่าวว่า "อย่างที่คุณรู้กันว่า เราเริ่มกระบวนการกู้คืนระบบบริการแล้วผ่านการทดสอบกันภายใน เรายังคงทำงานกันอย่างหนักเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับระบบความปลอดภัยขั้นพื้นฐานของระบบเน็ตเวิร์ค นอกจากนั้นเรายังทำงานกับหน่วยงานภายนอกเพื่อให้มีระบบความปลอดภัยที่แน่นหนามากขึ้น การตรวจสอบระบบความปลอดภัยถือเป็นหัวใจหลักสำคัญของกระบวนการกู้คืนระบบ ซึ่งจำเป็นต้องมีการตรวจเช็กระบบในวงกว้างมากขึ้น ซึ่งจะต้องใช้เวลาในการทดสอบมากขึ้น และเราต้องทำสิ่งที่ว่านี้ให้เสร็จเรียบร้อยก่อนที่จะเปิดใช้ระบบออนไลน์อีกครั้ง"
"สิ่งสำคัญลำดับแรกของเราคือความปลอดภัยของระบบเน็ตเวิร์ค และต้องให้มั่นใจว่าข้อมูลจะต้องปลอดภัย เราจะไม่เปิดระบบให้กลับมาใช้งานได้อีกครั้งจนกว่าเราจะทดสอบความแข็งแกร่งของระบบจนมั่นใจเสียก่อน จากงานแถลงข่าวที่ญี่ปุ่นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เราใช้ข้อมูลที่เรามีอยู่ในขณะนั้น ซึ่งเราคาดว่าระบบออนไลน์จะกลับมาใช้งานได้ภายใน 1 สัปดาห์ ซึ่งตอนนี้เรายังไม่ทราบว่าเซิร์ฟเวอร์ของโซนี่ออนไลน์จะถูกโจมตีด้วย ฉะนั้นตอนนี้เราต้องการโอกาสในการตรวจสอบเพิ่มเติมเกี่ยวกับการโจมตีที่ซับซ้อนมากขึ้น ทางเราต้องขอโทษต่อการเลื่อนเปิดให้บริการออนไลน์ครั้งนี้ รวมถึงความไม่สะดวกที่ระบบเน็ตเวิร์คล่มทั้งระบบ"
การโจมตีจากภายนอกมายังระบบเซิร์ฟเวอร์ของโซนี่ มีการยืนยันว่าข้อมูลแอคเคาท์ของผู้ใช้บริการประมาณ 77 ล้านแอคเคาท์ถูกขโมยไป ซึ่งข้อมูลที่ว่านี้ประกอบไปด้วยชื่อ , ที่อยู่ และหมายเลขบัตรเครดิต
ล่าสุดสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานข่าวว่า มีแฮคเกอร์ที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ ไปโพสข้อมูลลูกค้าของโซนี่บนเว็บไซต์ โดยเป็นข้อมูลชื่อ และที่อยู่บางส่วนของลูกค้าจำนวน 2,500 คน ที่ซื้อสลากรางวัลผลิตภัณฑ์ของโซนี่เมื่อปี 2001 ข้อมูลที่นำมาเปิดเผยไม่ได้เป็นข้อมูลที่ละเอียดอ่อน อย่าง หมายเลขบัตรเครดิต และยังไม่ชัดเจนว่าข้อมูลที่หลุดออกมาดังกล่าวนี้เกี่ยวข้องกับการโจมตีเพลย์สเตชั่น เน็ตเวิร์คในเหตุการณ์ล่าสุดหรือไม่ ข้อมูลที่มีการโพสนี้เปิดเผยผ่านเว็บไซต์ที่ไม่มีการเคลื่อนไหว ซึ่งทางโซนี่ได้ประสานงานเพื่อให้นำข้อมูลที่เปิดเผยออกมาเอาออกจากเว็บไซต์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
จากเหตุที่ระบบเน็ตเวิร์คของโซนี่ล่มไม่สามารถใช้งานได้และมีผลกระทบในวงกว้าง ทำให้รัฐสภาสหรัฐเรียกร้องให้โซนี่เปิดเผยเรื่องราวที่เกิดขึ้นส่งไปให้พิจารณา เพื่อจะช่วยเหลือแก้ปัญหาและตามล่าผู้กระทำผิด ซึ่ง "คาซ ฮิไร" รองประธานโซนี่ คอร์ปอเรชั่น ได้อ้างอิงในข้อความที่ส่งถึงรัฐสภาสหรัฐระบุว่า สงสัยว่ากลุ่มแฮคเกอร์ในนาม "Anonymous" จะมีส่วนร่วมกับการโจมตีครั้งนี้ ทั้งที่กลุ่ม "Anonymous" ได้พยายามออกมาปฏิเสธตลอดว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ
ล่าสุด 2 แฮคเกอร์ชั้นเซียนที่อยู่ในทีม "Anonymous" ออกมาเปิดเผยข้อมูลในทิศทางที่ขัดกับกลุ่ม โดยกล่าวผ่าน Financial Times ระบุว่า ผู้ที่ขโมยข้อมูลจากระบบเน็ตเวิร์คของโซนี่ไปนั้น เป็นไปได้สูงว่าจะมีส่วนเกี่ยวพันกับกลุ่มต่อต้านโซนี่ในนาม "OpSony" ซึ่งเป็นไปได้ว่าสมาชิกบางส่วนของทีมแฮคเกอร์ "Anonymous" จะเข้าไปช่วยสนับสนุน
2 แฮคเกอร์ ระบุย้ำว่า แฮคเกอร์ที่โจมตีระบบเน็ตเวิร์คของโซนี่กระทำการเพื่อสนับสนุนทิศทางการเคลื่อนไหวของกลุ่ม "OpSony" พร้อมระบุว่า แม้ในความเป็นจริงกลุ่ม "Anonymous" ส่วนใหญ่จะไม่โจมตีโซนี่ แต่ก็มีบางส่วนในกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับแนวความคิดดังกล่าว ซึ่งนั่นก็ไม่ได้หมายความว่ากลุ่ม "Anonymous" ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีครั้งนี้
กลุ่ม "OpSony" ที่เน้นการต่อต้านโซนี่นั้น เกิดขึ้นในช่วงต้นเดือนเมษายน จากเหตุการณ์ที่โซนี่ดำเนินคดีในศาลกับ George "GeoHot" Hotz ผู้ที่กระทำการแฮคเครื่องเพลย์สเตชั่น 3 ซึ่งทางกลุ่มแฮคเกอร์ในนาม "Anonymous" ก็มีส่วนร่วมในเหตุการณ์ครั้งนี้ ด้วยการร่วมโจมตีเว็บไซต์ของโซนี่ ส่งผลให้หลายเว็บไซต์ไม่สามารถใช้งานได้
ข้อมูลและภาพประกอบจาก
gamespot.com