เรตเกม CERO A เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย
ถ้าพูดถึงเกมจากการ์ตูน ดราก้อนบอล เชื่อว่าคอเกมต้องเคยเล่นสักภาคเพราะกว่า 20 ปีที่ผ่านมา ตำนานลูกแก้วมังกรได้กลายเป็นเกมมานับร้อยเกม ในหลากหลายแนว จนดูเหมือนจะออกถี่เกินไปด้วยซ้ำ จึงอาจทำให้เกม Dragon Ball Kai: Ultimate Butoden อาจถูกมองข้ามไป
โดยภาคนี้เป็นการสร้างมาจากการ์ตูน ดราก้อนบอล ไค ที่เป็นการนำ ดราก้อนบอล แซด มาฉายใหม่อีกครั้งในรูปแบบภาพความละเอียดสูงระดับ HD และปรับภาพให้เป็น Widescreen 16:9 แต่น่าแปลกใจเล็กน้อยที่เกมกลับมาสร้างลงเครื่องมือถือใกล้ตกยุค และจอความละเอียดต่ำอย่าง NDS แต่ถึงกระนั้นเกมก็สร้างความประทับใจแรกด้วยกราฟิกที่ดูดีเกินหน้าเกินตาเกมบนNDS เพราะตัวละครและฉากทั้งหมดสร้างด้วย โพลิกอน ที่มีคุณภาพดีมากเมื่อเทียบกับสเปกอันอ่อนด้อยของเครื่อง ส่วนเพลงประกอบเองก็เอาธีมของการ์ตูนมาใส่ได้อย่างลงตัว เสียงพากย์แม้จะไม่ได้เป็นแบบ Full Voice แต่ก็ถือว่าทำได้ดีเยี่ยมไม่มีที่ติ
ส่วนรูปแบบของเกม ยังคงเป็นแนว ต่อสู้ไฟท์ติ้ง 2 มิติ อันเป็นแนวที่เกมดราก้อนบอลประสบความสำเร็จสูงจนมีการสร้างออกมาหลายต่อหลายภาค โดยการเล่นจะเน้นทั้งการกดปุ่มรัวทำคอมโบ และการกดปุ่มร่วมกับปุ่มทิศทางเพื่อปล่อยท่าไม้ตาย ที่การกดท่าไม้ตายนั้นทำได้ง่ายดาย เพราะมีบอกว่าต้องกดอย่างไรที่จอล่างลอง DS และเกมยังคงมีท่าไม้ตายปล่อยพลังที่อลังการเช่นเดิม โดยในการยิงพลังท่าพิเศษเรายังคงสามารถยิงต้าน, ป้องกัน , หรือปัดพลังได้ผ่านการเล่นมินิเกม เช่นกดปุ่มตามจังหวะคล้ายๆ ควิกไทม์อีเว้น หรือบังคับลูกพลังให้ไปชนกับลูกพลังอื่นตามสีที่กำหนด โดยจะมีการนับคะแนนซึ่งใครคะแนนน้อยกว่าก็จะโดนโจมตี
ที่สุดยอดมากคือลีลาการต่อสู้ที่ลื่นไหลและท่าไม้ตายที่เหมือนถอดมาจากการ์ตูน แล้วยังมี การหลบหลีก การต่อยสวน หรือการระเบิดพลังแบบดราก้อนบอล ซึ่งลีลาท่าทางทำได้เร้าใจมาก มีการดึงภาพให้ช้า แถมสิ่งของในฉากในเกมก็เก็บรายละเอียดได้ดีเยี่ยมมีการพังทลายได้เมื่อโดนโจมตีแล้วพุ่งไปชน ส่วนคัทซีนในเกมก็ดูดีเกินคาดเพราะเป็นการนำโมเดลตัวละครมาทำแอ็คชั่นผสมกับภาพนิ่งจากการ์ตูน และถึงแม้เกมจะมีข้อเสียอยู่ตรงที่การกดปุ่มทำคอมโบและท่าไม้ตายดูจะซ้ำๆกันทำให้เกมขาดความลึกในรูปแบบเกมไฟท์ติ้งไปบ้าง แต่โดยรวมยังถือว่าสอบผ่าน
ในด้านเนื้อเรื่องจะเป็นการนำมาจากการ์ตูน ดราก้อนบอล ไค มาเป็นตัวหลักในการดำเนินเรื่อง โดยจะเริ่มตั้งแต่ตอนที่ โกคู กับ พิคโคโล่ สู้กับราดิซ ไปจบที่ภาคจอมมารบู ไปถึงภาค GT ซึ่งก็การเก็บรายละเอียดของเนื้อเรื่องในเกมทำได้ดี มีการเสริมเนื้อเรื่องจากการ์ตูนที่ฉายทางทีวีมาให้เล่นด้วย นอกจากนี้เกมยังใส่เนื้อเรื่องพิเศษที่ไม่เคยมีมาก่อนลงไป เช่นให้เราเล่นเป็นตัวร้ายและกลับมาจัดการตัวเอกของเกม หรือตัวละครที่ดูไม่น่าเก่งแต่กลับออกมาล้างเผ่าพันธุ์ตัวร้ายในเกม เหมือนกับเปลี่ยนประวัติศาสตร์ในการ์ตูนใหม่ หรือเนื้อเรื่องเสริมของแต่ละตัวละครที่เหมือนเป็นการเอาใจแฟนการ์ตูนได้เป็นอย่างดี
และนอกจากโหมดเนื้อเรื่องหลักในเกมแล้ว โหมดในเกมนี้ก็เหมือนกับเกมไฟท์ติ้งเกมอื่นๆ เช่นโหมดเทรนนิ่ง ,โหมดสู้กับคอมแบบทัวร์นาเม้นต์,โหมด Challenge Modeที่ต้องทำตามภารกิจของเกมเช่นภารกิจที่ทำให้เราต้องสู้กับศิษย์สำนักเต่าให้ชนะทั้งหมด และโหมดที่เราสามารถอัพเกรดตัวละคร เสื้อผ้าเครื่องประดับได้ตามใจ โดยจะใช้แต้มที่เก็บมาจากการเล่นมาปลดล็อกสิ่งของในเกม และเกมมีโหมดเล่นกับเพื่อนได้ทางผ่านไวเลสระหว่างเครื่อง เสียดายที่เกมไม่ได้ใส่โหมดออนไลน์มาด้วย แต่อย่างน้อยเกมก็มีตัวละครรอให้เราปลดล็อกมากถึง50 ตัว
สรุปแล้วเกม Dragon Ball Kai: Ultimate Butoden ทำได้ดีเกินคาด และดูดีกว่าเกม ดราก้อนบอลที่ออกบน NDS ก่อนหน้านี้ แม้เกมจะไม่ได้มีความลึกในรูปแบบของเกมไฟท์ติ้งทั่วไป แต่มันก็ทำให้เราเล่นได้ง่าย เสียดายที่เกมสั้นไปหน่อย แถมโหมดในเกมก็มีน้อย และ เล่นกับเพื่อนได้แต่ออนไลน์ก็ไม่ได้ แต่อย่างไรก็ตามถ้าคุณเป็นแฟน ดราก้อนบอลแล้วไม่ควรพลาด เพราะเกมนี้จะทำให้คุณได้รำลึกถึงคืนวันเก่าๆไปกับการ์ตูนในตำนานแห่งยุค ที่ยังคงสร้างความสุขให้กับเราได้ไม่รู้จบ
| เกมการเล่น | 7 |
| กราฟิก | 8.5 |
| เสียง | 8 |
| ความคิดสร้างสรรค์ | 7 |
| ความคุ้มค่า | สนุกเล่นง่าย |
| ภาพรวม | 7 |
ข้อดี : กราฟิกดูดี ,เล่นง่าย, สนุกรวดเร็วลื่นไหล
ข้อเสีย : เกมสั้นเกินไป ,โหมดมีน้อย , ไม่มีโหมดออนไลน์
ข้อแนะนำ : เล่นเพื่อรำลึกถึงอดีตอีกครั้ง
Darth.Vader (วงศกร ปฐมชัยวัฒน์)
สนับสนุน บทความโดย ร้านเกม NADZ PROJECT
